รู้หรือไม่ว่า!? การ เลี้ยงหมาแบบเข้มงวด หรือเลี้ยงแบบตามใจเอาในน้องหมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการเลี้ยงดูน้องหมาที่ “ไม่ถูกต้อง” สัตว์น่ารัก ตามหลักแล้วนักวิจัยบอกว่าการเลี้ยงน้องหมาให้ดีและถูกวิธีนั้นต้องมีการคาดหวัง และต้องพยายามฝึกมันบ่อยๆ ตามธรรมชาติของมัน
เลี้ยงหมาแบบเข้มงวด หรือเลี้ยงแบบตามใจ ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการเลี้ยงหมาที่ “ผิด”
ในยุคสมัยที่สังคมผู้สูงอายุนั้นมีจำนวนมากขึ้นมันก็ทำให้จำนวนของน้องหมาเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน เพราะผู้สูงอายุและคนจำนวนไม่น้อยนั้นผูกพันธ์และชื่นชอบการเลี้ยงหมาแทนการมีลูก ซึ่งก็ไม่แปลกที่เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ที่มีความผูกพันธ์กันมานานมากกว่า 20,000 ปี นี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์จำนวนมากอยากจะมีชีวิตร่วมกับพวกมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในปัจจุบันสถิติของประเทศไทยนั้นก็ชี้ให้เห็นว่าจำนวนน้องหมานั้นเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวัน มากชนิดที่ว่าเด็กแรกเกิดเด็กทารกนั้นมีจำนวนไม่สู้ เพราะเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนน้อยกว่าสุนัขแล้วในช่วงปี 2022 ด้านหนึ่งก็เลยทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะว่าธุรกิจด้านการจำหน่ายและผลิตอาหารน้องหมานั้นก็สามารถสร้างยอดสร้างกำไรได้อย่างพุ่งสูง ในขณะที่ธุรกิจนั้นล้มระเนระนาดในช่วงที่รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์โรคระบาดโควิด 19 อะไรพวกนี้เป็นภาพสะท้อนความใส่ใจเป็นอย่างดีของมนุษย์ที่มีต่อสุนัขเพิ่มขึ้น
แต่อีกหนึ่งมุมมันก็ทำให้มนุษย์นั้นเริ่มหันมาสนใจสวัสดิภาพของน้องหมาเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ จนเกิดเป็นคำว่าเลี้ยงสุนัขเหมือนเลี้ยงลูก และทำให้คำถามเกี่ยวกับการเลี้ยงหมาเริ่มเหมือนกับคำถามเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมากขึ้นๆ คำถามหลักที่มีคนถามบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ก็คือจะเลี้ยงหมาอย่างไรถึงจะดีต่อหมาที่สุด? และมันก็ทำให้เกิดงานศึกษามากมาย
หนึ่งในงานวิจัยที่น่าสนใจนั้นก็คืองานวิจัยที่ถูกเผยแพร่ในวารสาร Animal Cognition ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในช่วงเดือนกันยายน 2022 ที่เขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจว่าไอเดียเรื่องการเลี้ยงหมาแบบโบราณ และแบบใหม่ที่คนเคยเถียงๆ กันนั้นอาจจะผิดทั้งหมดก็ได้
การศึกษาดังกล่าวนั้นถูกนำไปทดลองกับน้องหมากลุ่มหนึ่ง ที่มีการตรวจสอบสุขภาพจิตในภาวะต่างๆ ของสุน้องหมาที่มาเป็นสุนัขสาสมัครทดลอง รวมถึงทดสอบทักษะในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ แล้วให้เจ้าของทำแบบสอบถามว่าเลี้ยงน้องหมาพวกนั้นมายังไง ใช้วิธีไหนเป็นหลัก ซึ่งได้ผลที่น่าสนใจ
การทดลองครั้งดังกล่าวนั้นบอกว่าการไม่ตั้งความคาดหวังกับน้องหมาเลย เช่น น้องหมาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำจามสบาย หรือที่เราเรียกว่าเลี้ยงหมาแบบ ตามใจจริงๆ ก็สร้างปัญหาให้กับหมาของเราเหมือนกันกับวิธีการเลี้ยงแบบตั้งความคาดหวังไว้สูง และไม่มีการหบวนอะไรให้เลย ที่เรารู้จักกันในภาษาชาวบ้านว่าเป็นการเลี้ยงแบบเข้มงวด
หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆว่าไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบคนสมัยโบราณที่บอกว่าหมาต้องเชื่อฟัง กับวิธีแบบคนยุคปัจจุบันที่ปล่อยให้หมาทำอะไรทุกอย่างที่อยากทำตามใจ และไม่ควบคุมอะไรเลยล้วนแล้วแต่สร้างปัญหาให้กับหมาของเราในแบบที่ต่างกันไป และทำให้คะแนนในการทดสอบออกมาไม่ดีทั้งคู่
แล้วการเลี้ยงหมาแบบไหนดีที่สุด?
การเลี้ยงหมาในแบบที่ตั้งความหวังเอาไว้ และให้หมานั้นพร้อมที่จะปรับตัวให้เป็นไปตามพฤติกรรมตามธรรมชาติของมัน ถ้าทำแบบนั้นหมาของเจะมีสุขภาพจิตใจที่ดี และมีความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงมีความสามารถในการอยู่ร่วมกับมนุษย์สูงที่สุด
ทำไมจึงเป็นแบบนั้น? คำตอบนั้นบอกเลยง่ายนิดเดียว เพราะถ้าใครเคยศึกษาความเป็นอยู่ของหมา ที่เป็นสัตว์ที่มนุษย์ปั้นนิสัยขึ้นมา เพื่อรับฟังคำสั่งของมนุษย์โดยตรง ซึ่งก็ไม่แปลกที่พวกมันน่าจะเป็นสัตว์ที่ฝึกง่ายมากที่สุด เพราะที่สุดแล้วสำหรับมนุษย์บนโลกใบนี้
และเมื่อนิสัยโดยปกติของมันเป็นอย่างนั้นการเลี้ยงดูหมาที่ดีก็เลยต้องฝึกต้องอยู่สั่งเสมอ ซึ่งถ้าใครที่เป็นคนศึกษาก็จะพอทราบวิธีฝึก รวมถึงกรอบเวลาที่คาดหวังว่าจะฝึกพวกมันได้ในแต่ละเรื่อง เพราะถึงพวกมันจะฉลาด แต่การเรียนรู้คำสั่งบางอย่างก็ใช้เวลาเป็นเดือน และนั่นไม่ได้อยู่ที่คนฝึก เพราะต่อให้ใช้คนฝึกมืออาชีพก็ต้องใช้เวลาแบบนี้เช่นกัน
ส่วนปัญหาของการเลี้ยงหมาแบบเข้มงวดแบบโบราณสุดๆนั้นก็คือ การตั้งความหวังกับหมาเหมือนกับคน และไม่มีการผ่อนหรือหย่อนให้พักซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้แบบนั้น เพราะหมาแต่ละตัวมีศักยภาพในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน มันมีนิสัยไม่ได้ต่างจากมนุษย์แต่ละคนที่มีธรรมชาติและศักยภาพการเรียนรู้ที่ต่างกัน
และการตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงไม่ยอมลดลงให้พวกมันเลย ก็อาจจะทำให้ฟมาของเราเกิดความเครียด ขาดความมั่นใจ ไม่ได้ต่างจากเด็กที่โตมาในบ้านที่พ่อแม่บังคับและเข้มกับพวกเขาสุดๆ เลยแม้แต่น้อย แต่อีกด้านก็จะมีคนที่คิดว่าการเลี้ยงแบบตามใจทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ก็มีปัญหา
เพราะว่าหมาของเราในสถานะที่อยู่ร่วมสังคมกับคนก็ต้องมีทักษะในการเข้าสังคมที่อยู่ในระดับที่ต่ำ คือต้องทราบก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรทำ และนั่นคือเหตุผลเพื่อความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้สมองของหมาก็มีวิวัฒนาการมาเพื่อรับคำสั่งพอไม่ได้รับคำสั่งเลยก็จะทำให้สมองเสื่อมเร็วไปด้วย
จะอธิบายให้ฟังง่ายๆก็คือการเลี้ยงแบบปล่อยจะทำให้หมานั้นไม่ได้พัฒนาศักยภาพสมอง ในเรื่องการรับรู้ข้อบังคับและการอยู่ร่วมในสังคม ซึ่งมันส่งผลให้หมามีทักษะสังคมที่ต่ำ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ต่างจากการเลี้ยงลูกมนุษย์แบบปล่อย หรือที่เรียกกันในภาษาปากว่าการอวยเด็ก
ดังนั้นนี่เลยทำให้การเลี้ยงหมาที่ดีนั้นต้องมีการตั้งความหวังเอาไว้กบัมันพยายามสอนมัน และการฝึกฝนหมาเจ้าของก็ต้องพร้อมจะปรับตัวของหมาและตัวเองให้เข้าใจธรรมชาติของหมา และต้องพร้อมจะยอมรับได้ว่าหมาบางตัวอาจต้องใช้เวลาฝึกนานกว่าปกติ ไปจนถึงการที่หมาบางตัวอาจจะไม่สามารถทำเรื่องบางอย่างได้
และนี่แหละคือสิ่งที่จะดีกับหมาของเราที่สุด ในฐานะของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ต้องอยู่ในสังคมกับเพื่อนร่วมโลก แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าประเด็นทั้งหมดเป็นการคุยกันบนชาวต่างชาติแถบตะวันตก เพราะมีคนจำนวนมากรู้หน้าที่อยู่แล้วว่าหมาทุกตัวต้องการการจูงออกไปเดินเล่นในทุกๆวัน (และหลายๆ ประเทศมีกฎหมายกำหนดด้วยซ้ำว่าเป็นหน้าที่เจ้าของ)
เพราะสุดท้ายก็ต้องจำเอาไว้ว่าสำหรับหมาหลายๆตัว ที่มีนิสัยไม่ดีไม่ได้เกิดจากการไม่ฝึก หรือฝึกน้อยไปแต่อาจแค่เป็นเพราะมันเครียดจากการที่ไม่ได้ออกกำลังกาย หรืออาจจะออกกำลังกายไม่เพียงพอ และวิธีแก้พื้นฐานคือ ต้องให้มันออกกำลังให้เพียงพอในแต่ละวัน ดังนั้นอย่าแปลกใจที่อย่างแรกที่คนฝึกหมาจะถามเรา ถ้าหากน้องหมาของเรามีปัญหาเรื่องนิสัยใจคอก็คือ เขาจะถามว่าเราพาสุนัขไปเดินเล่นบ่อยมากน้อยแค่ไหน
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์