Friday, 26 April 2024

เปิดคดี บูรารีปริศนา 11 ศพ ตีแผ่เรื่องราวผ่าน NETFLIX

เปิดคดี ลึกลับที่ถูกนำมาทำเป็น ซีรีย์ การตายปริศนา 11 ศพ ในอินเดีย คดีการตายสุดสะเทือนขวัญ ไร้ร่องรอยการต่อสู้ ไร้ร่องรอยการงัดแงะ สันนิษฐานว่าเป็นการสมยอมของสมาชิกในบ้าน

สล็อต xo Slotxo

เปิดคดี ปริศนา เล่าผ่านซีรีย์ NETFLIX ’11 ศพในบูรารี’

เรื่องจริงของคดีฆ่ายกครัวในอินเดีย ที่เป็นข่าวดังเมื่อปี 2018 สมาชิก 11 คน ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ถูกพบเสียชีวิตในบ้านของพวกเขา โดย 10 คนในนั้นแขวนคอตายจากตะแกรงเหล็กบนเพดาน อีก 1 ถูกพบนอนเสียชีวิตบนพื้น ศพส่วนใหญ่ถูกมัดเท้าและมือ มีผ้าปิดตา และปิดปากด้วยเทปกาว ตำรวจถือว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรม เนื่องจากพบหลักฐานระหว่างการตรวจค้นบ้าน เป็นบันทึกที่เขียนด้วยลายมือซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติทางจิตวิญญาณ/ความลึกลับบางอย่างของทั้งครอบครัว และบังเอิญว่าในบันทึกมีเนื้อหาคล้ายกับวิธีที่ปาก ตา ฯลฯ ของผู้ตายที่ถูกมัดและติดเทป

รื่องจริงของคดีฆ่ายกครัวในอินเดีย

กลายเป็นสารคดี NETFLIXจากการผสมผสานทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ตัวเรื่องสารคดีเน้นที่ ‘ความไม่สมตุสมผล’ และ ‘ความตกใจ’ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อเท็จจริงยังถูกเน้นย้ำโดยคำให้การของผู้เชี่ยวชาญ นักข่าวอาชญากรรม และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่บันทึกไว้สำหรับสารคดีชุดนี้ เรามักจะได้ยินคำว่า ‘นี่แตกต่าง’ ‘มีบางอย่างผิดปกติ’ โดยเกือบจากทุกคนที่ถูกสัมภาษณ์

ด้วยการใช้ฟุตเทจของสื่อเก็บถาวร ลำดับและคำให้การบางส่วนที่สร้างขึ้นใหม่โดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าอยู่ที่นั่นใน บูรารี ความน่ากลัวเริ่มก่อตัวขึ้นและแม้ว่าซีรีย์สารคดี จะไม่แสดงภาพจริงหรือภาพครอบครัวที่ตายแล้ว ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกหนาวได้ จากการผสมผสานทฤษฎีสมคบคิดมากมายที่ลอยอยู่รอบ ๆ คดี ณ จุดนั้น ไปจนถึงการเปิดเผยความจริงที่แท้จริง สารคดีชุดนี้คลี่คลายราวกับนิยาย หนุนด้วยบทภาพยนตร์ที่เขียนมาอย่างดี แม้ว่าพวกเราส่วนใหญ่จะรู้ว่าลลิต ลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวเป็นผู้ริเริ่มการพยายามฆ่าตัวตายหมู่ แต่การเปิดเผยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงทำให้ขนลุกไปหนึ่งที สารคดีชุดนี้ได้รับการดำเนินการอย่างดีและจัดทำขึ้นอย่างดี และให้คะแนนด้านเทคนิคของการเล่าเรื่อง แต่ที่ล้มเหลวก็คือการตั้งคำถามที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดเผยครั้งใหญ่

บันทึกในที่เกิดเหตุเขียนด้วยลายมือในสมุดบันทึก

บันทึกในที่เกิดเหตุเขียนด้วยลายมือในสมุดบันทึกและสมุดบันทึก 11 เล่มเปิดเผยว่าลลิตเคยถูก ‘ครอบครองโดยวิญญาณ’ ของบิดาผู้ล่วงลับของเขา และในระหว่างการ ‘ครอบครอง’ ดังกล่าว เขาจะแบ่งปันสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำบางอย่างให้กับครอบครัวของเขา คำพูดเหล่านั้นกลายเป็นคำพูดของตระกูลชุนดาวัฒน์ จนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับ ‘ผู้ส่งสาร’ เป็นไปตามกฎหมายที่ว่าครอบครัวพยายาม ‘บูชาไม่ดี’ พิธีทางศาสนาปลุกเสกต้นไทรที่นำไปสู่การเสียชีวิตของทั้งครอบครัว เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านของครอบครัวซึ่งได้รับการสัมภาษณ์อย่างกว้างขวางในช่วงเวลาที่เหมาะสมของเอกสารชุดนั้น ไม่มีความรู้เกี่ยวกับมุมมองทางศาสนาเหล่านี้และ ‘พลวัตของครอบครัว’ ของชาวชุนดาวาท เพื่อนในครอบครัวเล่าว่า “Koi bachcha hi bata deta (ถ้ามีเพียงลูกของครอบครัวที่แบ่งปันสิ่งนี้กับเรา)” ลองนึกภาพครอบครัวที่ลลิตจับได้คือแม้ลูกคนสุดท้องในครอบครัวที่อายุ 15 ปี ไม่เคยรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกใครว่าพ่อของเขามักจะ ‘ถูกครอบงำ’ และนี่ไม่ใช่ครอบครัวที่อยู่บริเวณชนบทสังคม พวกเขาอยู่ที่ใจกลางเมือง มีความคล่องตัวสูง มีโซเชียลมีเดีย และพวกเขาซ้อมสำหรับงานแต่งงานกับนักออกแบบท่าเต้นมืออาชีพ

มีการเห็นด้วยเรื่องสุขภาพจิตของลลิตอาจเป็นความ ‘โรคจิต’ ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ แต่เราต้องไม่ลืมความเป็นปิตาธิปไตยที่ลึกซึ้งที่เขามีในครอบครัวซึ่งเขาได้เสริมสร้างความเข้มแข็งและถูกต้องตามกฎหมายโดยการเรียกร้องมุมมองทางศาสนา เราไม่สามารถละเลยโศกนาฏกรรมนี้ด้วยการพูดว่า ‘ลลิตถูกรบกวนทางจิตใจ’ สู่แง่มุม ‘ความลับ’ ของครอบครัวชาวอินเดีย และการยึดถือไสยศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และยังทำให้สื่อดูหมิ่นเหยียดหยามอีกด้วย

 

 

ปัญหาสุขภาพจิตของคนในครอบครัวไม่ควรถูกมองข้าม

หลายครั้งที่โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นจากภาวะทางจิตและความเชื่อฝังหัว

สร้างบาดแผลให้ร่างกายและจิตใจของสมาชิกครอบครัว