จุดเริ่มต้นศุกร์ 13 ไขความลับเรื่องลึกลับอาถรรพ์ และความเชื่อของศุกร์ 13

จุดเริ่มต้นศุกร์ 13 ไขความลับเรื่องลึกลับอาถรรพ์ และความเชื่อของศุกร์ 13 ที่เชื่อกันว่าเป็นเลขที่นำพาความโชคร้ายมาให้ผู้ที่มีเลข 13 ใช้ในทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เลขที่บ้าน เลขที่ห้องเบอร์โทรศัพท์ และชาวต่างชาติรวมไปถึงคนไทยที่นับถือศาสนาคริสต์นั้นเขาถือเรื่องของวันศุกร์ 13 และเลข 13 เป็นย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นเลขที่ไม่เป็นมงคลหรือเรียกกันว่าเป็นเลขที่ไม่ดี เรานั้นสามารถสังเกตได้จากการสร้างบ้าน สร้างตึก และการสร้างโรงแรม การสร้างสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะไม่มีชั้นที่ 13 เลยก็ว่าได้ และเรื่องราวของ จุดเริ่มต้นศุกร์ 13 นั้นจะเป็นอย่างไรเดี่ยวเราไปดูพร้อมกันเลย

จุดเริ่มต้นศุกร์ 13 ไขความลับเรื่องลึกลับอาถรรพ์ และความเชื่อของศุกร์ 13

ไขความลับเรื่องลึกลับอาถรรพ์ และความเชื่อของศุกร์ 13 ที่เชื่อกันว่าเป็นเลขที่นำพาความโชคร้ายมาให้ผู้ที่มีเลข 13 ใช้ในทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เลขที่บ้าน เลขที่ห้องเบอร์โทรศัพท์ และชาวต่างชาติรวมไปถึงคนไทยที่นับถือศาสนาคริสต์นั้นเขาถือเรื่องของวันศุกร์ 13 และเลข 13 เป็นย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นเลขที่ไม่เป็นมงคลหรือเรียกกันว่าเป็นเลขที่ไม่ดี เรานั้นสามารถสังเกตได้จากการสร้างบ้าน สร้างตึก และการสร้างโรงแรม การสร้างสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะไม่มีชั้นที่ 13 เลยก็ว่าได้

สำหรับจุดเริ่มต้นความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 นั้นมาจากความเชื่อที่เชื่อมโยงกันมาตามคำเล่าขานที่ว่า ในอดีตนั้นมีคนอยู่ทั้งหมด 13 คนและทั้ง 13 คนนั้นคือคนที่รับประทานอาหารเย็นมื้อสุดท้ายร่วมกับพระเยซู และหลังจากรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายพร้อมกับ 13 คนนั้นแล้วพระเยซูก็ได้ถูกนำไปตรึงแขนขาไว้บนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ แต่นี้ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าต่อกันมาเพียงเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าศุกร์ 13 นั้นถือว่าเป็นวันโชคร้ายที่สุด

แต่ถ้าว่าเลข 13 นั้นก็เป็นเลขที่มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับความโชคร้ายมาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แถมยังมีอีกหนึ่งเรื่องเล่าที่ว่าวันศุกร์ที่ 13 นั้นอีฟได้ชวนอดัมเข้าไปในสวนอีเดนเพื่อแอบกินผลไม้ต้องห้ามในป่าอีกด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกันกับวันที่พระเยซูรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกันคนทั้ง 13 คน

แต่ถึงอย่างไรก็ตามความเชื่อเรื่อฃลึกลับของวันศุกร์ 13 นั้นมันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเพราะเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมาอย่างยาวนาน และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริง เอาเป็นว่ามันก็ขึ้นอยู่กับ ดุลวินิจของเราเองนั้นและ ส่วนใครรมี่ชื่นชอบเรื่องลึกลับต่างๆ ก็อย่าลืมติดตามกันไปเรื่อย ๆ และใครที่มีเรื่องลึกลับที่น่ากลัวและแปลกใหม่นั้นก็อย่าลืมที่จะนำมาเล่าสู่เพื่อนๆฟังด้วยละ