Thursday, 2 May 2024

ตำนานซานต้าไอซ์แลนด์ Yule Lads 13 ซานตาคลอสสุดสยอง

ตำนานซานต้าไอซ์แลนด์ เปิดตำนานลึกลับ Yule Lads เหล่าเด็กชายแห่งวันคริสต์มาส พวกเขาจะกลับมาทุกปีในวันที่ 12 ธันวาคมเป็นต้นไป เพื่อรอวันเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง

สล็อต xo Slotxo

ตำนานซานต้าไอซ์แลนด์ รู้จักกับ 13 Yule Lads แห่งคริสต์มาส

ตำนานซานต้าไอซ์แลนด์ รู้จักกับ 13 Yule Lads แห่งคริสต์มาส

หลายคนอาจเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าถึงเทศกาลวันสำคัญก่อนหมดปี ที่ทั้งครอบครัวจะได้ใช้ชชีวิตอยู่ร่วมกันอย่าง วันคริสต์มาส พอกล่าวถึงวันแห่งการเฉลิมฉลองวันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะไม่มีใครนึกถึงชายแก่ร่างใหญ่เครายาว สวมชุดสีแดง ที่มักจะขี่ลากเลื่อนมาพร้อมของขวัญกองโต หรือที่รู้จักกันดีในนาม ซานตาคลอส ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นความเชื่อต่อซานตาคลอสในรูปแบบที่ค่อนข้างสากล

แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงซานตาคลอสตามตำนานเรื่องเล่า และความเชื่อของฝั่งไอซ์แลนด์ ซึ่งตำนานได้กล่าวถึงชายผู้มาเยือนในเดือนธันวาคมทั้ง 13 คน ที่มีความผิดปกติบางอย่างในแต่ละคน พวกเขาจะมาที่เมืองปีละครั้ง เพื่อมอบขวัญให้เด็กที่ทำตัวดีหรือก่อเหตุร้ายบางอย่างขึ้นกับเด็กนิสัยเสีย โดยพวกเขามีชื่อเรียกว่า Yule Lads (ยูล-เลดส์) หรือที่แปลว่าเด็กหนุ่มในวันตริสมาสต์ กระทั่งในปี 1746 ในไอซ์แลนด์เคยมีการสั่งห้ามไม้ให้เหล่าผู้ปกครองเล่าตำนานสยองขวัญเกี่ยวกับ Yule Lads ให้พวกเด็ก ๆ ฟังอีก

ตำนานได้เล่าว่าพวกยูล เป็นลูกหลานของโทรลล์ Leppalúði และ Grýla ทุก ๆ ปีพวกยูลจะต้องลงมาที่เมืองในช่วง 13 วันก่อนคริสต์มาสโดยเริ่มจากยูลตัวแรกในคืนวันที่ 12 และยูลตัวสุดท้ายในคืนวันที่ 24 ธันวา หลังจากนั้นพวกเขาจะรอเวลากลับสู่ Dimmuborgir ในถ้ำที่พวกเขาจากมาเพื่อจำศีล ในต้นเดือนมกราคม

หน้าที่ของพวกเขาคือคอยปั่นป่วนละเฝ้าดูพฤติกรรมของเด็ก ๆ ในพื้นที่ บ้างก็เล่าว่าพวกเขาจะมอบของขวัญให้เด็กดีในวันคริสต์มาส และจะจับเด็กที่ทำตัวไม่น่ารักไปให้แม่ของพวกเขา เกรียลา ที่รอเอาพวกเด็กดื้อมาต้มเป็นซุปกินเป็นพลังงานจำศีล ซึ่งพวกยูลแต่ละตัวนั้นจะมีบทบาทที่ไม่เหมือนกัน สามารถให้คำอธิบายพวกเขาได้ดังนี้

ตำนานได้เล่าว่าพวกยูล เป็นลูกหลานของโทรลล์ Leppalúði และ Grýla

STEKKJASTAUR (Sheep-Cote Clod)

ยูลคนแรกที่ลงมาจากภูเขา ในวันที่ 12 ธันวาคม เขามีหน้าที่สร้างความมวุ่นวายกับฝูงแกะ โดยพยายามจะขนมนมจากปกะเหล่า ชาวบ้านเชื่อว่าเมื่อเริ่มได้ยินเสียงแกะร้องในคืนวันที่ 12 นั่นแปลว่า ยูล STEKKJASTAUR มาถึงแล้ว

GILJAGAUR (Gully Gawk)

ยูลจอมขโมยนม เขาจะลงมาจากเขาในวันที่ 13 รอจังหวะแอบย่องเข้าไปขโมยนมจากวัวในโรงนาจองชาวบ้าน

STÚFUR (Stubby)

ยูลตัวจิ๋ว เขามีรูปร่างที่ค่อนข้างจะเล็กและเตี้ย หัวขโมยหม้อ กระทะ และอาหารเหลือ ๆ จากภาชนะเหล่านั้น โดยจะลงมาที่เมืองในวันที่ 14

ÞVÖRUSLEIKIR (Spoon Licker)

เจ้ายูลจอมเลียช้อน ลักษณะพิเศษของเขาคือตัวที่ผอมบางและมีความหิวอยู่ตลอด เขาจึงชอบบุกเข้าไปบ้านต่าง ๆ เพื่อเลียชอนที่เขาค้นเจอในคืนวันที่ 15

POTTASLEIKIR (Pot Scraper)

ยูลผู้หิวโหยอีกตัวที่ลงเขามาในวันที่ 16 เพื่อตามหาหม้อที่มีอาหารอย่าง ซอน เนื้อหรือผักอื่น ๆ ที่เขาจะสามารถหากินได้

ASKASLEIKIR (Bowl Licker)

ยูลเลียชาม ตำนานเล่าว่าเขาจะลงมาที่เมืองในวันที่ 17 และแอบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงของเด็ก ๆ รอเวลาที่เด็ก ๆ หลับ เพื่อแอบย่องไปเลียจาน-ชามใส่ซุปที่เหลืออยู่ของเด็ก ๆ เหมือนเป็นกลอุบายให้เด็ก ๆ นั้นกินข้าวเย็นให้หมด

HURÐASKELLIR (Door Slammer)

ยูลจองทุบประตู เขาจะลงมาที่เมืองในวันที่ 18 เพื่อไล่ทุบประตูบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ เพื่อหวังปลุกคนให้ได้มากที่สุด เป็นยูลที่ก่อกวนประสาทของชาวบ้านได้มากที่สุด

SKYRGÁMUR (Skyr Gobbler)

ยูลผู้คลั่งไคล้ในสกียร์ โยเกิร์ตสุดเข้มข้นสูตรพิเศษจากไอซ์แลนด์ที่นิยมกันมากในช่วงเทศกาล เขาจะบุกเข้าบ้านในคืนวันที่ 19เพื่อขโมยสกียร์แสนอร่อย

BJÚGNAKRÆKIR (Sausage Swiper)

ยูลจอมขโมยไส้กรอก เขาจะลงมาที่เมืองในวันที่ 20 แอบซ่อนตัวอยู่บนคานบ้านเพื่อรอเวลาแอบหยิบขโมยไส้กรอกรมควันที่ชาวบ้านเตรียมไว้สำหรับวันเฉลิมฉลองคริสต์มาส

GLUGGAGÆGIR (Window Peeper)

ยูลผู้ทำหน้าที่รอเขย่าขวัญเด็ก ๆ เป็นยูลที่น่าขนลุกเนื่องจากเขาจะลงมาที่เมืองในวันที่ 21 เพื่อมายืนจ้องอยู่ในยามมืดที่นอกหน้าต่าง เหมือนเป็นอุบายไว้สอนเด็กไม่ให้ออกจากบ้านตอนดึก

GÁTTAÞEFUR (Doorway Sniffer)

ยูลจมูกโต ด้วยจมูกที่ค่อนข้างใหญ่ของเขาทำให้ประสาทการดมกลิ่นของเขานั้นยอดเยี่ยม เขาจึงใช้มันเพื่อดมกลิ่น laufabrauð ขนมปังที่ชาวบ้านใช้ในวันเฉลิมฉลอง

KJÖTKRÓKUR (Meat Hook)

ยูลตัวที่ 12 เขาจะลงมาที่เมืองในคืนวันที่ 23 พร้อมตะขอเกี่ยวเนื้ออันใหญ่ เขาจะใช้ตะขอนั้นเกี่ยวขโมยเนื้อสัตว์ทุกชิ้นที่เขาพบและหาได้ในห้องครัว

KERTASNÍKIR (Candle Beggar)

ยูลตัวสุดท้ายที่จะลงมาจากเขา เขาเป็นจอมขโมยเทียน ที่จะเอาเทียนทั้งหมดที่บ้านหลังนั้นมีไปจนหมด ตามตำนานเทียนถือเป็นสิ่งสำคัญต่อวันคริสต์มาสมาก หากไร้เทียน บ้านจะมืดเป็นเวลานานเกือบ 20 ชั่วโมงต่อวัน เพราะในระยะนี้พระอาทิตย์จะขึ้นและส่องแสงสว่างค่อนข้างสั้น ผู้คนจึงต้องการเทียนเป็นอย่างมากในการดำรงชีวิตและฉลองวันคริสต์มาส

 

ว่ากันว่า ก่อนหน้านี้พวกยูลไม่แม่แต่จะให้มันฝรั่งสักหัวแก่เด็ก ๆ พวกเขาแค่รอเวลาจับเด็ก ๆ ไปต้มกินเท่านั้น แต่เหมือนกาลเวลาที่ผ่านไป พวกเขาจะมีความเอ็นดูต่อเด็กขึ้นมานิดหน่อย จึงได้มอบของขวัญเป็นรางวัลที่พวกเขาทำตัวดีมาทั้งปี