เมื่อพูดถึง “ผีปอบ” หลายคนอาจนึกถึงภาพในหนังหรือละครที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและเสียงหัวเราะของ “บ้านผีปอบ” แต่แท้จริงแล้ว ผีปอบไม่ได้มีเพียงมิติของความหลอน หากยังสะท้อนถึง โครงสร้างสังคม วิถีชีวิต และความสัมพันธ์ของผู้คนในชนบทไทย
จากคำอธิบายของ ผศ. ดร.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความเชื่อเรื่องผีปอบในสังคมไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน เป็น “กลไกทางสังคม” รูปแบบหนึ่งที่ช่วยควบคุมพฤติกรรมและบรรทัดฐานในชุมชน
ต้นกำเนิดของความเชื่อเรื่องผีปอบในวัฒนธรรมไทย-ลาว
ผีปอบเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่มีรากมาจากวัฒนธรรมไทย–ลาว มีบันทึกปรากฏตั้งแต่สมัยอยุธยาใน “อักขราภิธานศรับท์” ของหมอบรัดเลย์ ซึ่งระบุคำว่า “ผีปอบ” ไว้อย่างชัดเจน
ในวัฒนธรรมท้องถิ่น ผีปอบไม่ใช่เพียงสิ่งลึกลับ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ โครงสร้างชุมชนชนบท ที่ใช้ความเชื่อมาอธิบายสิ่งที่ไม่เข้าใจ เช่น โรคภัย ความตาย หรือเหตุการณ์ผิดปกติในหมู่บ้าน
ประเภทของผีปอบ และความหมายในวัฒนธรรมท้องถิ่น
ผีปอบในความเชื่อท้องถิ่นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ผีปอบมนต์ – เกิดจากคนที่มีวิชา มีของ หรือใช้มนต์ดำไปในทางที่ผิด เช่น ใช้เวทมนตร์เพื่อร่ำรวยหรือขโมยทรัพย์จากผู้อื่น แล้วมนต์ย้อนกลับเข้าตัวจนกลายเป็นปอบ
- ผีปอบเชื้อ – เป็นผีที่สืบทอดในสายตระกูล โดยเฉพาะฝั่งผู้หญิง มักเชื่อว่าผีปอบจะถ่ายทอดต่อจากแม่สู่ลูกสาว
นอกจากนี้ยังมี “ผีปอบระดับหมู่บ้าน” ซึ่งเชื่อว่าทำให้เกิดอาเพศ เช่น โรคระบาด หรือเหตุการณ์ผิดปกติในชุมชน ชาวบ้านจึงทำพิธีกรรม “ตักผี” หรือ “ช้อนผี” เพื่อกำจัดสิ่งไม่ดีออกไป โดยใช้ข้องหรือตะกร้าเล็ก ๆ ดักจับผี แล้วนำไปเผาทำลาย
อาการของผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ
ในอดีต การระบุว่าใครเป็นผีปอบ ไม่ได้มาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่เกิดจากการสังเกต “ความผิดปกติ” ของบุคคลในสังคม เช่น
- ร่ำรวยผิดปกติ – มักถูกสงสัยว่ามีวิชา ใช้ของ
- เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร – ลักษณะของคนที่ไม่เข้าสังคม มักถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ
- ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ – โดยเฉพาะอาการซูบซีด เหมือนถูกผีเข้าสิง
- เป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาในหมู่บ้านแล้วเกิดอาเพศ – สะท้อนกลไกการป้องกันโรคหรือภัยจากภายนอก
ผศ. ดร.พิพัฒน์ อธิบายว่า ความเชื่อนี้ไม่ใช่เรื่องงมงาย เรื่องลึกลับ แต่เป็น “เครื่องมือควบคุมบรรทัดฐานของชุมชน” ที่บอกว่า ใครก็ตามที่แตกต่างจากสังคม จะถูกผลักออกจากความเป็นปกติ
ผีปอบกับบทบาทของผู้หญิงในสังคมไทย
สิ่งที่น่าสนใจคือ สถิติพบว่า 94–95% ของผีปอบที่ถูกกล่าวถึงเป็นผู้หญิง ซึ่งสะท้อนภาพเชิงโครงสร้างของสังคมไทยตั้งแต่อดีต
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ สังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสังคมที่ “ผู้หญิงเป็นใหญ่” เพราะผู้หญิงอยู่กับบ้านและควบคุมทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้ชายออกไปล่าสัตว์หรือทำงานนอกบ้าน เมื่อบทบาททางสังคมเปลี่ยนไปในภายหลัง ผู้หญิงกลับถูกจำกัดอำนาจและกลายเป็น “ผู้ต้องสงสัย” เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติในหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ผีปอบยังถูกมองว่าเป็น “ผีในบ้าน” หรือ ผีที่ไม่เร่ร่อน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของผู้หญิงในสังคมชนบท ที่เป็นศูนย์กลางของบ้านและครอบครัว
อำนาจของผีและศาสนากับโครงสร้างชายเป็นใหญ่
ในสังคมโบราณ ผีจำนวนมากมักถูกมองว่ามีเพศหญิง เช่น ผีต้นไม้ ผีฟ้า หรือผีบ้านผีเรือน แม้ผีฟ้าในภาคอีสานจะเชื่อว่าเป็นเพศชาย แต่ผู้ที่ติดต่อกับผีฟ้าได้กลับเป็น “ผู้หญิง”
เมื่ออิทธิพลของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูเข้ามาในภูมิภาค บทบาทของการ “ปราบผี” ถูกแทนที่ด้วย พระหรือหมอผีชาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านของอำนาจจากเพศหญิงสู่เพศชายในมิติความเชื่อ
ผีปอบ: กลไกทางสังคมที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำและความรู้
ในมุมของนักประวัติศาสตร์ ผีปอบคือ “ภาพสะท้อนของความไม่เท่าเทียมและการขาดการเข้าถึงความรู้ทางการแพทย์”
เมื่อเกิดอาการป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้ คนในชนบทที่ขาดแคลนแพทย์และระบบสาธารณสุข จึงอธิบายสิ่งเหล่านั้นผ่านความเชื่อ
ผีปอบจึงไม่ใช่แค่เรื่องผี แต่คือเรื่องของสังคม ความกลัว และการควบคุมทางสังคมในรูปแบบหนึ่ง
มองผีปอบในยุคใหม่: เมื่อความเชื่อยังอยู่แต่สังคมเปลี่ยนไป
ในยุคปัจจุบัน ความเชื่อเรื่องผีปอบยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในชุมชนชนบท แต่ผู้คนเริ่มแยกแยะได้ชัดเจนขึ้นระหว่าง “ความเชื่อ” กับ “สิทธิมนุษยชน”
ผศ. ดร.พิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า
“ตราบใดที่ความเชื่อเรื่องผีปอบไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อความเชื่อกลายเป็นเหตุแห่งความรุนแรง เช่น การกล่าวหาว่าใครเป็นปอบแล้วทำร้ายเขา นั่นคือสิ่งที่ต้องยุติ”
ผีปอบจึงกลายเป็น เรื่องเล่าที่ต้องถูกทำความเข้าใจ ไม่ใช่ตัดสิน
เพราะภายใต้เรื่องราวเหนือธรรมชาติ ยังมีความจริงของสังคมที่ซ่อนอยู่
FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผีปอบ
- ผีปอบคืออะไร?
เป็นผีในความเชื่อของไทย–ลาว เชื่อว่ามีอยู่ในตัวคน กินของดิบหรือเลือด และมักสืบทอดทางตระกูล - ผีปอบมีกี่ประเภท?
มี 2 ประเภทหลัก คือ ผีปอบมนต์ (เกิดจากวิชาเข้าตัว) และผีปอบเชื้อ (สืบทอดจากบรรพบุรุษ) - ทำไมผีปอบส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง?
เพราะในอดีตผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของบ้านและการเกษตร จึงถูกผูกโยงกับพลังลึกลับและความเชื่อเรื่องผี
4. ผีปอบในปัจจุบันยังมีอยู่ไหม?
ยังคงมีในบางพื้นที่ของภาคอีสาน แต่เปลี่ยนจากความเชื่อเหนือธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9