เศร้าหนัก!!! เจ้าของโรงเชือดเครียด ตลาดปิด ธุรกิจไปต่อไม่ได้

สุดสลด เจ้าของโรงเชือดเครียด หลังการระบาดของโควิด19 ระลอกใหม่ ส่งผลทำให้ตลาดถูกปิด ขายเนื้อไม่ได้ ซ้ำร้ายติดโควิด รักษาเพิ่งหาย และกำลังอยู่ในช่วงกลับมากักตัวเพิ่มได้ 8 วัน ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ทางด้านของ พันตำรวจโท จรูญ มหาพล เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของ สภ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้เสียชีวิตถูกยิง อยู่ภายในบ้าน พื้นที่ ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จึงได้รายงานให้ทางด้าน พันตำรวจเอกปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผู้กำกับการ ได้รับทราบ ก่อนที่จะรีบรุดไปตรวจสอบยังพื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี แพทย์เวรของโรงพยาบาลบ้านโป่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี

เจ้าของโรงเชือดเครียด ปลิดชีพ หลังเครียดปัญหารุมเร้า

จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบว่า เป็นบ้านชั้นเดียว ภายในห้องนอนบนเตียงพบศพของ นายเซดอักบาร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ได้นอนหงายจมกองเลือดอยู่ พร้อมกับมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย และขมับขวา รวม 2 นัด ในมือขวาพบอาวุธปืน บริเวณใกล้กันยังพบปลอกกระสุนปืนจำนวน 2 ปลอกตกอยู่ หลังจากการตรวจสอบบริเวณรอบในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมรายละเอียดที่พบในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบต่อไป

จากการสอบสวนทางด้านภรรยาของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้เสียชีวิตนั้นมีธุรกิจเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์ และแผงค้าเนื้อวัวอยู่ใน กทม. หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จนทำให้ตลาดถูกปิด ธุรกิจของสามีก็ต้องหยุดชะงัก ต่อมาเมื่อช่วงวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นหนึ่งในคนที่อยู่กลุ่มคัสเตอร์ของ อำเภอบ้านโป่ง โดยได้รับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม จนกระทั่งหายดีแล้ว จึงกลับมากักตัวเองที่บ้านอีก 14 วัน ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ของการกักตัว โดยเมื่อช่วงสายวันนี้ ตนได้เข้าไปหาที่ห้อง ก็พบว่าสามีนอนเสียชีวิตไปแล้วในสภาพดังกล่าวแล้ว

นับตั้งแต่ที่ครอบครัวของเธอได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลทำให้สามีของเธอมีอาการเครียดจากผลกระทบในธุรกิจ และมีอาการป่วยเข้ามารุมเร้า ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน นิ่ว และอาการชาบริเวณซีกขวาของร่างกาย จนทำให้สามีของเธอนั้นเป็นโรคซึมเศร้า ทางด้านของครอบครัวและเพื่อนๆทั้งหลายก็ได้ช่วยกันดูแลเอาใจใส่ ด้วยวิธีการโทรคุย กับสามีเธอในช่วงกักตัว แต่ทว่าสามีเธอนั้นมีอาการเก็บตัว และไม่ยอมพูดคุยกับใคร จนทำให้เกิดเรื่องราวน่าเศร้าขึ้นในที่สุด

ทั้งนี้ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คาดการณ์ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายเซดอักบาร์น่าจะมาจากความเครียดทางธุรกิจและอาการป่วยโรคซึมเศร้า โดยผู้ตายได้นำปืนที่เกิดเอาไว้มายิ่งเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย แต่ทว่าพลาดทำให้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้ตัดสินใจเหนียวไกปืนอีกครั้งที่บริเวณขมับทางด้าน และเสียชีวิตในที่สุด ทางด้านของญาติพี่น้องไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ รวมไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และนำส่งร่งนี้ให้กับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตไปดำเนินการตามศาสนาต่อไป