หวั่นใจโควิดสายพันธุ์เพี้ยน ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด19แอสตราเซนากา เป็นอย่างไร ข้อมูลในต่างประเทศ พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนมีทั้งสูงและต่ำ ไม่น่าวางใจ อาจทำให้พันธุกรรมเพี้ยนออกไปจากเดิม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ นั่นหมายถึง วัคซีนโควิดในปัจจุบันจะรับมือได้ไหวหรือไม่
ส่วนของไทย อ้างคำกล่าวของ ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ยืนยันผลวิจัยการฉีดวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พบว่าเข็มแรก ประสิทธิภาพสูงถึง 80% และฉีดเข็มสอง ประสิทธิภาพจะสูงขึ้นเป็น 90%
สอดคล้องกับไทยขยายเวลาการฉีดเข็มที่สอง ออกไปเป็นระยะเวลา 16 สัปดาห์ จากเดิมระยะเวลา 10 สัปดาห์ เพื่อกระจายการฉีดวัคซีนเข็มแรก ให้กับประชากรให้ได้จำนวนมากที่สุด ถึงแม้ว่าองค์การอนามัยโลก ได้ให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีน เข็มแรกและเข็มที่สอง ระยะเวลาต้องห่างกัน 8-12 สัปดาห์ ก็ตาม
ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ หวั่นใจโควิดสายพันธุ์เพี้ยน
ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในฐานะนักไวรัสวิทยา กล่าวไว้ว่า จากการถกเถียงเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนแอสตราเซเนกา ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเป็นการป้องกัน การเสียชีวิต การป่วยหนัก หรือแค่การติดเชื้อ ที่บอกป้องกันได้นั้นมีการเก็บข้อมูลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไวรัสตัวไหนที่เป็นปัญหา จะสามารถใช้ตัวเลขนั้นอ้างอิงข้อเท็จ จริง ของประเทศไทยในตอนนี้ได้หรือไม่
จากข้อมูลสาธารณสุขของประเทศอังกฤษ ได้มีการกล่าวอ้างว่า เฉพาะสายพันธุ์เดลต้า หากทำการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา จะมีภูมิป้องกันการติดเชื้อไวรัสแบบมีการอาการได้เพียงแค่ 33% เท่านั้น แต่ทว่าไม่ได้บอกถึงการป้องกันอาการหนักแต่อย่างใด แต่ทว่าถ้าหากทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว จะสามารถป้องกันได้ถึง 60% เป็นต้น
ส่วนของอินเดีย เก็บข้อมูลบุลคลากรทางการแพทย์ประมาณ 10,000 คน ได้รับการฉีดแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศอินเดียครบสองเข็ม สามารถป้องกันอาการป่วยหนัก ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้ถึง 94% ป้องกันอาการป่วยหนักที่ต้องใช้ออกซิเจนได้ถึง 92% ป้องกันอาการป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลได้ถึง 77% และป้องกันอาการติดเชื้อ แบบมีอาการได้ถึง 65%
ในขณะที่ประสิทธิภาพ จากการฉีดวัคซีนเข็มเดียว ดูเหมือนจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะว่ามันสามารถป้องกันอาการป่วยหนักมาก ที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้สูงถึง 95% พร้อมกับป้องกันอาการป่วยหนักที่ต้องใช้เครื่องให้ออกซิเจนสูงถึง 94% รวมไปถึงยังสามารถป้องกันอาการป่ายที่ต้องเข้าโรงพยาบาลได้ถึง 70% และป้องกันอาการติดเชื้อแบบมีอาการได้ถึง 61% อีกด้วย
แต่ทว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บมาในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ก่อนที่สายพันธุ์เดลต้า จะเริ่มระบาดในประเทศอินเดียว ซึ่งถือว่าเป็นไปได้สูงมากเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลเหล่านี้ มีสายพันธุ์เดิม คือ แอลฟา หรือ แคปป้า นั้นเอง โดยจะมีการแพร่ระบาดในช่วงแรก ส่วนประเทศอังกฤษได้มีการเก็บตัวเลขเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ส่งผลทำให้เรื่องของไวรัสกลายพันธุ์ ก็อาจเป็นปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพจริงๆ ก็เป็นได้ หรือ อย่างน้อยๆ ตัวเลขเหล่านี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นข่าวดีเล็กๆ สำหรับคนไทยทั่วประเทศ ที่ได้ทำการฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว และต้องรอนานถึง 16 สัปดาห์ในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์