Wednesday, 10 September 2025

ตำนานผีตาโขน ประเพณีเก่าแก่แห่งด่านซ้าย

ตำนาน ผีตาโขน เมื่อพูดถึงประเพณีที่ทั้งสนุกสนานและแฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของไทย จังหวัดเลยคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะที่นี่คือบ้านของงานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เทศกาลใหญ่ที่จัดขึ้นทุกปีที่อำเภอด่านซ้าย ความโดดเด่นของงานผีตาโขนคือภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันจากหน้ากากแปลกตาและการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ ขบวนแห่เคลื่อนผ่านถนนหลักท่ามกลางเสียงดนตรีพื้นบ้านและเสียงหัวเราะของผู้ร่วมงาน ทำให้ประเพณีผีตาโขนกลายเป็นเสน่ห์ด้านวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศอยากเดินทางมาสัมผัสด้วยตนเอง

สล็อต xo Slotxo

นอกจากความบันเทิงแล้ว ประเพณีผีตาโขนยังสะท้อนให้เห็นถึงรากฐานทางความเชื่อของชาวด่านซ้ายที่ผูกพันกับพุทธศาสนาและวิถีชีวิตท้องถิ่น งานบุญหลวงที่ผสมผสานกับการละเล่นผีตาโขนจึงไม่เพียงแต่สร้างความสนุก แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ในการบูชาอารักษ์หลักเมืองและดวงวิญญาณบรรพบุรุษให้คุ้มครองชุมชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานเทศกาลผีตาโขนไม่เพียงได้ชมขบวนแห่สุดตระการตา แต่ยังได้เรียนรู้ถึงคุณค่าทางจิตใจและวัฒนธรรมที่สืบทอดมากว่าหลายร้อยปี

ประวัติความเป็นมาของ ผีตาโขน

งานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนเป็นประเพณีที่จัดขึ้นประจำปี โดยตรงกับช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมหลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ภายในงานจะมีกิจกรรมทั้งด้านศาสนาและด้านวัฒนธรรม เช่น พิธีเบิกพระอุปคุต การแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง และการละเล่นหน้ากากผีตาโขนที่ผู้คนรอชม จุดเด่นของงานนี้คือการผสมผสานพิธีบุญหลวง บุญบั้งไฟ บุญผะเหวด และบุญซำฮะเข้าด้วยกัน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองและเป็นการสืบสานประเพณีไทยให้คงอยู่

แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่างานประเพณีผีตาโขนเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่สมัยใด แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชาวบ้านอำเภอด่านซ้ายยังคงยึดถือและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง ความผูกพันนี้ทำให้งานผีตาโขนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดเลย และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประเพณีที่สะท้อนอัตลักษณ์ของภาคอีสานได้อย่างโดดเด่น นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานไม่เพียงได้เห็นขบวนแห่หน้ากากหลากหลายรูปแบบ แต่ยังได้ซึมซับบรรยากาศแห่งศรัทธาและความสามัคคีของชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานมานับศตวรรษ

ตำนานพระเวสสันดร กับที่มาของผีตามคน

ตำนานผีตาโขนมีรากฐานมาจากพระเวสสันดรชาดก เรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งพระเวสสันดรและนางมัทรีเสด็จกลับสู่เมืองหลังจากสิ้นสุดการบำเพ็ญเพียรในป่า ชาวเมืองต่างออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันเหล่าผีป่าและสัตว์น้อยใหญ่ที่ผูกพันกับทั้งสองพระองค์ก็ออกมาส่งด้วยความอาลัย เมื่อผีและสัตว์เหล่านั้นปะปนมากับขบวนชาวบ้าน ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ผีตามคน” ต่อมาคำนี้จึงเพี้ยนมาเป็นผีตาขน และกลายเป็นคำว่าผีตาโขนในที่สุด

ตำนานดังกล่าวไม่เพียงแต่บอกเล่าถึงความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระเวสสันดร แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติ การละเล่นผีตาโขนจึงถูกตีความว่าเป็นการรำลึกถึงตำนานอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีของชุมชน เมื่อถึงวันงาน ชาวบ้านจะสวมหน้ากากที่ทำจากไม้ไผ่หรือหวดนึ่งข้าวเหนียว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสี แล้วเข้าร่วมขบวนแห่บุญหลวงอย่างสนุกสนาน การสืบสานตำนานนี้ทำให้ผีตาโขนกลายเป็นประเพณีที่ไม่เพียงสร้างสีสัน แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อและคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน

การละเล่นผีตาโขนที่สืบทอดมา

หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้งานบุญหลวงที่ด่านซ้ายมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครก็คือการละเล่นผีตาโขน ผู้เข้าร่วมจะสวมหน้ากากทำมือที่ผลิตจากไม้ไผ่ หวดนึ่งข้าวเหนียว และเศษวัสดุพื้นบ้าน หน้ากากเหล่านี้ถูกตกแต่งอย่างประณีตด้วยสีสันสดใส ลวดลายดุดัน หรือบางแบบก็ออกแนวน่าขบขัน เพื่อสะท้อนทั้งความเชื่อและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ทำ การแต่งกายมักใช้เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าหลากสีต่อกันเป็นริ้ว ๆ ทำให้บรรยากาศในขบวนแห่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

การละเล่นผีตาโขนยังมีบทบาทเชิงพิธีกรรม เพราะเชื่อกันว่าการสวมหน้ากากและการเข้าร่วมขบวนแห่คือการขับไล่สิ่งชั่วร้ายและสะเดาะเคราะห์ให้กับตนเองและชุมชน ขบวนแห่จะเคลื่อนไปพร้อมกับเสียงกลอง กลองยาว และเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ผู้เล่นบางคนจะสร้างสีสันด้วยการเต้นรำหยอกล้อผู้ชม ทำให้บรรยากาศครื้นเครง นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเดินทางมาเพื่อสัมผัสความสนุกสนานและถ่ายภาพกับผู้สวมหน้ากากผีตาโขน

สิ่งที่น่าสนใจคือการละเล่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้น เด็ก ๆ ในท้องถิ่นก็จะมีการแต่งกายเป็นผีตาโขนน้อย ร่วมขบวนไปกับผู้ใหญ่ ถือเป็นการปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของตนเองและภูมิใจในประเพณีไทย การละเล่นผีตาโขนจึงเป็นมากกว่าความบันเทิง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อรากเหง้าวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น

ตำนานปู่เยอ–ย่าเยอ

นอกจากตำนานพระเวสสันดรแล้ว ผีตาโขนยังเกี่ยวพันกับเรื่องเล่าของบรรพบุรุษที่ชาวเลยให้ความเคารพนับถือ นั่นคือ “ปู่เยอ–ย่าเยอ” ตำนานกล่าวว่า ณ เมืองแถนเคยมีเถาวัลย์ยักษ์ชื่อเครือเขากาดงอกขึ้นสูงจนบดบังแสงอาทิตย์ บ้านเมืองจมอยู่ในความมืดมิด ผู้คนเดือดร้อน ไม่สามารถทำมาหากินได้ สองตายายผู้กล้าหาญนามว่าปู่เยอและย่าเยอจึงอาสาใช้ขวานใหญ่ตัดเครือเขากาดนี้

หลังจากเหน็ดเหนื่อยอยู่ถึงสามเดือนสามวัน เครือเขากาดจึงถูกตัดขาดและล้มลง แต่ด้วยขนาดมหึมาของมันจึงทับปู่เยอ–ย่าเยอจนเสียชีวิตทันที เหตุการณ์นี้นำความสว่างกลับคืนสู่ผืนดิน ประชาชนจึงสร้างศาลเพื่อบูชาและเก็บ “ขน” ของทั้งสองไว้เป็นที่สักการะ ชาวบ้านเชื่อว่าผีตาโขนมีความเกี่ยวพันกับดวงวิญญาณของปู่เยอ–ย่าเยอ จึงให้ความเคารพในฐานะบรรพชนผู้เสียสละ

เรื่องเล่าปู่เยอ–ย่าเยอไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อพื้นบ้าน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเสียสละเพื่อส่วนรวม การเชื่อมโยงตำนานเข้ากับงานประเพณีผีตาโขนจึงทำให้เทศกาลนี้มีมิติทางจิตวิญญาณลึกซึ้ง และเป็นเหตุผลที่งานนี้ยังคงถูกสืบสานต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวงานสามารถเรียนรู้ตำนานเหล่านี้ผ่านการแสดงและพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนที่วัดโพนชัย

ความเชื่อเกี่ยวกับ ผีตาโขน

ประเพณีผีตาโขนไม่ได้เป็นเพียงการละเล่นเพื่อความสนุก แต่ยังมีความเชื่อแฝงอยู่มากมาย ชาวบ้านเชื่อว่าการจัดงานเป็นการบวงสรวงบูชาดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขอให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นปกปักรักษาและดลบันดาลความอุดมสมบูรณ์แก่ชุมชน หากละเลยไม่ทำพิธีอาจนำไปสู่ความแห้งแล้งหรือความทุกข์ยาก ด้วยเหตุนี้การละเล่นผีตาโขนจึงถือเป็นการแสดงความเคารพและการเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นปัจจุบันกับบรรพชน

นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามที่สืบต่อกันมา เช่น ผู้ที่แต่งกายเป็นผีตาโขนใหญ่จะต้องถอดเครื่องแต่งกายและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมันหลังเสร็จพิธี ห้ามนำกลับเข้าบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นการทิ้งสิ่งไม่ดีและความทุกข์โศกออกไป ขนบธรรมเนียมเหล่านี้ช่วยเสริมให้ประเพณีมีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพยิ่งขึ้น

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชมงาน ความเชื่อเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มสีสันให้กับประเพณี แต่ยังทำให้เห็นมิติทางจิตวิญญาณของคนท้องถิ่น งานบุญหลวงและผีตาโขนจึงไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา ความสามัคคี และการยึดโยงระหว่างศาสนาพุทธกับความเชื่อพื้นบ้านที่หลอมรวมเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดเลย

พิธีกรรมสำคัญในงานบุญหลวง

งานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนมีพิธีกรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน แบ่งออกเป็นสามวันสำคัญที่แต่ละวันล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์และความศรัทธาในศาสนาพุทธ วันแรกเรียกว่า “วันโฮม” หรือวันรวม จะมีพิธีเบิกพระอุปคุต ซึ่งเป็นพิธีกรรมสำคัญในการอัญเชิญพระอุปคุตจากแม่น้ำหมันขึ้นมาประดิษฐาน ณ หออุปคุตวัดโพนชัย เชื่อกันว่าพระอุปคุตจะปกป้องบ้านเมืองจากสิ่งชั่วร้ายและนำความสงบสุขมาให้

วันที่สองเป็นวันแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง ขบวนแห่ผีตาโขนที่ผู้คนรอคอยจะจัดขึ้นในวันนี้ ผู้เข้าร่วมทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความคึกคักของหน้ากากผีตาโขนหลากหลายแบบ พร้อมเสียงกลองและการละเล่นสนุกสนานที่ทำให้ถนนทั้งสายกลายเป็นเวทีแห่งความรื่นเริง จุดเด่นคือเมื่อสิ้นสุดขบวน หน้ากากผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนน้อยจะถูกนำไปทิ้งในแม่น้ำหมันเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป

วันที่สามคือวันฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ มีพิธีสวดชำฮะเพื่อขอขมาลาโทษและเสริมสิริมงคลให้แก่ชุมชน ชาวบ้านยังคงนำอาหาร ขนม และสิ่งของต่าง ๆ มาทำบุญเพื่อสืบชะตาบ้านเมือง พิธีกรรมทั้งสามวันนี้สะท้อนการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางพุทธศาสนากับขนบพื้นบ้าน ทำให้เทศกาลผีตาโขนไม่เพียงเป็นงานรื่นเริง แต่ยังมีมิติทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง

ความหมายเชิงวัฒนธรรม

ประเพณีผีตาโขนถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทยที่โดดเด่นอย่างยิ่ง เพราะสะท้อนทั้งความเชื่อ ความศรัทธา และความสามัคคีของชุมชน การสวมหน้ากากและเข้าร่วมขบวนแห่ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นการสื่อสารถึงความผูกพันระหว่างคนกับบรรพบุรุษ และการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข

ในมุมมองทางวัฒนธรรม ผีตาโขนยังสะท้อนถึงการผสมผสานของศาสนาพุทธกับความเชื่อดั้งเดิมของชาวอีสาน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงกับพระเวสสันดรชาดก หรือการนับถือดวงวิญญาณบรรพชน ทั้งหมดนี้ทำให้ผีตาโขนเป็นงานที่มีทั้งมิติทางศาสนาและทางสังคมที่อยู่คู่กันอย่างกลมกลืน การละเล่นที่ดูสนุกสนานภายนอกจึงแฝงไปด้วยคุณค่าลึกซึ้งและเป็นสัญลักษณ์ของการเคารพต่ออดีต

นอกจากนี้ ผีตาโขนยังกลายเป็นตัวแทนของความคิดสร้างสรรค์ของชุมชน ผ่านการออกแบบหน้ากากที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละปีจะมีการประกวดหน้ากากผีตาโขนและการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น เทศกาลนี้จึงเป็นทั้งเวทีทางวัฒนธรรมและแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องราวความเชื่อของไทย

ผีตาโขนในยุคปัจจุบัน

แม้ว่าประเพณีผีตาโขนจะมีรากฐานมาจากตำนานและความเชื่อโบราณ แต่ในยุคปัจจุบันงานนี้ยังคงเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทุกปีจังหวัดเลยจะต้อนรับนักเดินทางจำนวนมากที่มาเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่ผีตาโขน ร่วมสัมผัสพิธีกรรมสำคัญ และเพลิดเพลินกับกิจกรรมร่วมสมัยที่จัดขึ้นภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นการประกวดหน้ากาก การแสดงมหกรรมหน้ากากนานาชาติ การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือการออกร้านขายสินค้าพื้นเมือง

งานบุญหลวงและผีตาโขนยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเลย นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์และตำนานได้จากพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนที่วัดโพนชัย รวมถึงทดลองทำหน้ากากผีตาโขน DIY ซึ่งช่วยให้ประเพณีนี้ไม่เพียงเป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา แต่ยังกลายเป็นประสบการณ์ที่ผู้มาเยือนได้มีส่วนร่วมโดยตรง

การปรับประเพณีให้เข้ากับยุคสมัยทำให้ผีตาโขนยังคงมีชีวิตชีวาและได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ความร่วมมือระหว่างชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และนักท่องเที่ยวทำให้งานผีตาโขนกลายเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ยังคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

บทสรุปและคุณค่าของตำนานผีตาโขน

เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่าประเพณีผีตาโขนไม่ได้เป็นเพียงการละเล่นเพื่อความสนุก แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายร้อยปี ทั้งตำนานพระเวสสันดรและเรื่องเล่าปู่เยอ–ย่าเยอล้วนสะท้อนความศรัทธา ความเสียสละ และการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติ การแต่งกายด้วยหน้ากาก การเข้าร่วมขบวนแห่ และพิธีกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นเครื่องมือในการสื่อสารคุณค่าทางจิตวิญญาณและความเชื่อดั้งเดิมของชุมชน

คุณค่าของผีตาโขนยังอยู่ที่การสร้างความสามัคคีในสังคม ทุกปีเมื่อถึงช่วงงานบุญหลวง ชาวบ้านด่านซ้ายจะมาร่วมแรงร่วมใจจัดงาน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วประเทศและต่างประเทศ การรวมตัวกันเช่นนี้ช่วยเสริมสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่นและทำให้งานผีตาโขนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเลยที่ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ แต่ยังเป็นที่สนใจของชาวโลก

นอกจากนี้ เทศกาลผีตาโขนยังมีบทบาทในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้กับชุมชน และช่วยเผยแพร่ศิลปะพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ความสำคัญเหล่านี้ทำให้ประเพณีผีตาโขนยังคงอยู่และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคปัจจุบัน

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน ความเชื่อ และเรื่องเล่าในตำนาน เทศกาลผีตาโขนที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด มาร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของงานบุญหลวง เรียนรู้เรื่องราวของตำนานผีตาโขน และร่วมเก็บภาพความทรงจำสุดประทับใจไปด้วยกัน อย่าลืมแชร์บทความนี้เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาสนุกกับงานผีตาโขนครั้งหน้า แล้วคุณจะรู้ว่าประเพณีไทยยังคงมีพลังและคุณค่าไม่เสื่อมคลาย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผีตาโขน

  • ผีตาโขนคืออะไร
    ผีตาโขนคือการละเล่นพื้นบ้านที่ผสมผสานกับงานบุญหลวง จังหวัดเลย ผู้คนแต่งกายด้วยหน้ากากสีสันสดใสเพื่อร่วมขบวนแห่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • ผีตาโขนจัดขึ้นเพื่ออะไร
    ประเพณีผีตาโขนจัดขึ้นเพื่อบูชาดวงวิญญาณบรรพชน อารักษ์หลักเมือง และสะเดาะเคราะห์ให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์
  • ผีตาโขนอยู่ภาคอะไร
    งานผีตาโขนจัดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
  • ผีตาโขนอยู่จังหวัดอะไร
    จัดขึ้นที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
  • เทศกาลผีตาโขน 2568 จัดวันไหน
    ปี 2568 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28–30 มิถุนายน