แม่ร้องศาลช่วยลูก หลังสามีบังคับโหดทุบตีลูก 5-7 ขวบ เรียนหนังสือ

เรื่องราวน่าสนใจรอบโลกวันนี้ เกี่ยวกับการศึกษาที่เป็นการบังคับขู่เข็ญที่เกินขึ้นภายในครอบครัว กรณี แม่ร้องศาลช่วยลูก หลังจากผู้เป็นสามีกลายเป็น “พ่อเสือ” ทารุณบังคับทุบตีลูกแท้ๆเรียนอย่างหนักเกินวัย

ไม่ทน!! แม่ร้องศาลช่วยลูก พ่อแท้ๆบังคับทุบตีลูกชาย วัย 7 ขวบ ลูกสาว วัย 5 ขวบ ให้ศึกษาเรียนวิชาการเนื้อหาระดับมหาลัย

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ แม่ร้องศาลช่วยลูก เพราะสามีทำร้ายบังคับทารุณและประณาม ประจาน ลูก 2 คน ให้เกิดความอับอายสร้างปมให้ลูก เพียงเพราะลูกไม่เข้าใจในเนื้อหาการเรียนซึ่งเป็นวิชาการระดับมหาลัยที่พ่อนำเอามาสอน ล่าสุด ศาลได้ออกคำสั่งห้าม!! ไม่ให้พ่อหรือแม่ สอนหนังสือลูกๆ

เรื่องราวจริงที่เกิดในครอบครัวหนึ่งในนานกิง มณฑลเจียงซู เมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน ก่อนที่จะมีการรายงานข่าวนี้พบว่า มีหญิงที่ให้นามว่า “แซ่เจิ้ง” ได้เดินทางมายื่นหนังสื่อคำร้องต่อศาล เพราะเธอทนไม่ไหวที่สามีของตนเองใช้ความรุนแรงกับลูกชายและลูกสาวที่ยังเด็ก เพื่อเป็นการบังคับลูกให้เรียนหนังสืออย่างหนักจนเกินกว่าวัยที่จะเป็น เมื่อลูกเหนื่อยล้าไม่ยอมเรียนเขาจะด่าลูกด้วยคำไม่ดีพร้อมกับเข้าไปทุบและตีลูกทั้ง 2

หญิงชาวเมืองนานกิง “แซ่เจิ้ง” ได้ออกมาระบุว่า ลูกชายของตน อายุ 7 ขวบ กำลังเรียนชั้นประถม ในส่วนของลูกสาวก็เพิ่งจะอายุได้ 5 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่ในระดับอนุบาล ลูกทั้งสองถูกสามีที่เรียนจบระดับ ป.เอก บังคับให้เรียนเขียนอ่านเกี่ยวกับวรรณกรรมจีนหลายเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ (สามก๊ก) (เงียมหงัน) และเนื้อหาวิชาการอื่นซึ่งเป็นเนื้อหาของนักศึกษามหาลัยหรือบางครั้งก็เป็นเนื้อหาของนักเรียนมัธยม

ในแต่ละวันลูกๆ เรียนหนังสือตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจของสามีเพราะเมื่อเข้าตรวจการบ้านที่ให้ลูกแล้วไม่ได้ดังใจก็จะจับลูกตีอย่างรุนแรง สมาคมแม่บ้านหรือแม้แต่ครูที่โรงเรียนต่างก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวในการฝึกระเบียบวินัยให้เด็กจึงไม่มีใครกล้ามายุ่ง

คุณแม่เจิ้งทนไม่ไหวอีกต่อไปเขียนหนังสือยื่นศาล จนล่าสุดนี้ศาลมีคำสั่งออกมามีเนื้อหาแชร์ผ่านสื่อออนไลน์ WeChat สั่งมีคำสั่งเพื่อเข้าคุ้มครองเด็กชาย 7 ขวบ และเด็กหญิง 5 ขวบ ตามคำร้องของแม่เด็กในระยะ 3 เดือน พ่อแท้ๆของเด็กทั้งสองห้ามมาบังคับขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือคุกคามด้วยวิธีการอื่นต่อเด็กๆ

มีรายงานเพิ่มเติมหลังศาลออกคำสั่ง พ่อ “แซ่เหมา” ไม่ยินยอมที่จะเดินทางไปรับฟังคำสั่งศาล อย่างไรก็ตามสาลระบุว่า คุณพ่อรายนี้ล่วงละเมิดและทำร้ายลูกอย่างรุนแรงนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะที่ควรจะเกิดขึ้น และการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการทำร้ายจิตใจของเด็กโดยตรง เรื่องที่เขากระทำเป็นรูปแบบความรุนแรงอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัว

นอกจากนี้ศาลยังได้ระบุอีกว่าหากเรายังให้การศึกษาแบบล้าหลังเช่นนี้ ความเลวร้ายนี้จะส่งผลต่อจิตใจของเด็ก แม้จะเป็นการกระทำเพราะกลัวว่าลูกของท่านจะแพ้เกมส์ในระบบการศึกษา การยัดเหยียดเนื้อหาสาระความรู้จำนวนมากในแนวทางที่คิดว่าเป็นเรื่องถูกกต้องแล้วแต่รู้ไหมว่ามันไม่ได้ส่งผลหรือทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาเลย เพราะการกระดังกล่าวเปรียบเหมือนการเร่งต้นไม้ให้โตเร็วไม่เป็นไปตามธรรมชาติและต้นไม้นั้นก็จะไม่แข็งแรง

ข่าวดังกล่าวได้มีชาวเน็ตไปประณามและแสดงความคิดเห็นต่อพ่อเด็กเป็นจำนวนมาก และต่างพูดว่าเขาเกิดเป็นพ่อคนที่มีความบ้านมากที่คิดได้ว่าลูกวัยเพียง 5-7 ขวบ ซึ่งตามจริงแล้วยังแทบจะอ่านอักษรไม่ออกเสียด้วยซ้ำจะสามารถเรียนรู้วิชาการระดับมหาลัยได้ยังไง