Friday, 22 November 2024

โรคอัมพาตเบลล์ Bell’s palsy ภัยร้ายที่ทุกคนมีโอกาสเป็น!!ตื่นมาแล้วหน้าเบี้ยวโรคนี้มีอยู่จริง

13 May 2022
409

โรคอัมพาตเบลล์ Bell’s palsy ภัยร้ายที่ทุกคนมีโอกาสเป็น!!ตื่นมาแล้วหน้าเบี้ยวโรคนี้มีอยู่จริง หากตื่นมาพบว่าตอนบ้วนปากมีน้ำไหลออกที่มุมปากนี้คือสัญญาณอันตรายที่ควรระวัง อีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ หากสังเกตแล้วพบว่าอาการผิดปกติอย่าชะล่าใจ

สล็อต xo Slotxo

โรคอัมพาตเบลล์ Bell’s palsy ภัยร้ายที่ทุกคนมีโอกาสเป็น!!ตื่นมาแล้วหน้าเบี้ยวโรคนี้มีอยู่จริง

โรคอัมพาตเบลล์-ภัยร้าย

ถ้าหากในเช้าวันนี้หนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วลุกไปทำกิจวัตรประจำวันตามปกติแล้วพบอาการแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นเช่น มรคอนที่กำลังแปรงฟันสังเกตเห็นว่ามีน้ำลายไหลออกจากมุมปากข้างใดข้างหนึ่งนั้นแสดงว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย แถมตอนกินข้าวคุณก็จะไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้แบบปกติ ตาข้างใดข้างหนึ่งก็เหมือนจะลืมไม่ขึ้น หากคุณมีอาการเหล่านี้เมื่อไปส่องกระจกคุณจะพบเรื่องที่ทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก และเรื่องงที่ว่านั้นก็คือหน้าของคุณจะเบี้ยวไปข้างหนึ่ง!

ภัยร้ายที่ทุกคนมีโอกาสเป็น

คนส่วนมากเมื่อพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการอย่างที่เราว่ามาเมื่อตอนต้น มักจะตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูก แถมว่ายังมักเหมารวมว่าอาการที่เป็นนั้นคือ Stroke หรือที่คนไทยเรียกกันว่าโรคหลอดเลือดสมอง แต่ถ้าว่าในวันนี้เราอยากชักชวน พวกคุณมาสังเกตอาการปากเบี้ยวพร้อมกันกับเราดูสักครั้งส่วนวิธีการทดสอบนั้นทำได้ไม่ยากแต่ต้องอาศัยความเร็วในการทำ และวิธีการทำนั้นก็คือให้ทุกคนนั้นลองยักคิ้วแล้วหลับตาลงให้สนิทให้ทำที่ด้านเดียวกับกัับด้านที่มุมปากตก (สำหรับคนที่มีอาการส่วนคนที่ไม่มีอาการให้เลือกทำข้างใดข้างหนึ่ง ) หากยักคิ้วพร้อมกับหลับตาให้สนิทได้ บวกกับอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก เราขอแนะนำว่าให้คุณรีบโทรรถ 1669 หรือจะทำการเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพบาบาลเองโดยด่วนที่สุด เพราะนี่คืออาการที่น่าเป็นห่วงมากๆของโรคหลอดเลือดสมองอักเสบที่ต้องรับการรักษาอย่างด่วนที่สุด สำหรับผู้ป่วยหรือคนที่ปกติที่มีอาการอยู่แล้วถ้าหากพบว่าแขนขาสามารถใช้แรงได้ปกติ นั้นแปลได้ชัดเจนว่าได้คุณอาจเป็นโรคอัมพาตเบลล์ ซึ่งสามารถทดสอบได้โดยการยักคิ้ว ปิดตา และยิ้มให้กว้างดังนี้น

หน้าของคุณจะเบี้ยว

1.ให้คุณลองยักคิ้วขึ้นทั้ง 2 ข้าง

  • หากไม่มีอาการเบลล์คิ้วต้องสูงเท่ากัน
  • หรืออาจมีความสูงต่างกันเพียงเล็กน้อย
  • หาไม่เท่าข้างใดข้างหนึ่งสูงกว่าหรือต่ำกว่าใช่แน่นอน

2.ให้คุณปิดตาทั้ง 2 ข้าง

  • ถ้าตาทั้งคู่ของคุณปิดสนิทนั้นคือคุณรอดจากอาการเบลล์

3.เมื่อคุณยิ้มกว้าง

  • รอยยิ้มทั้งสองข้างต้องเท่ากัน

หากทดสอบทั้ง 3 อย่างที่เราบอกไปแล้วคุณพบว่าข้างใดข้างหนึ่งของคุณเบี้ยวแบบเห็นชัดเจนหรือไม่ชัดเจน ขอบอกเลยว่าให้คุณสันนิษฐานว่าคุณน่าจะเสี่ยงเป็นโรค Bell’s palsy ซึ่งมันคืออาการที่คุณต้องรีบไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน ถึงจะไม่อันตรายแต่ก็เสี่ยงอยู่ดี

Bell’s palsy 

Bell’s palsy หรือจะเรียกว่าโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกก็ได้ตามความถนัดของคนเรียก หลายคนถามโรคนี้มันคืออะไร ต้องขอบอกก่อนนะว่าโรคนี้คือโรคประสาทคู่ที่ 7 เกิดการอักเสบ หรือที่แพทย์หลายๆคนมักเรียกมันในชื่อโรคอัมพาตเบลล์  โรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และมันเกิดขึ้นจากการที่เส้นประสาทเส้นนี้นั้นมันมีหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมันถูกทำลายจนสูญเสียการทำงานำได้ หากมันมาจากติดเชื้อไวรัสเชื้อเริม (Herpes simplex virus) หรืองูสวัด (Herpes zoster) ที่แฝงอยู่ในปมประสาท ถ้าหากว่าร่างกายของมนุษย์เรานั้นมีภูมิต้านทานต่ำจะทำให้เกิดโรคนี้ได้

โรคอัมพาตเบลล์-อาการของโรค

อาการของโรค

  • เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
  • มีอาการรุนแรงภายใน48 ชั่วโมง
  • มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าด้วยอาการ
  • ปวดบริเวณหลังใบหู
  • กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกอ่อนแรง
  • ยักคิ้วไม่ได้
  • หนังตาตก
  • มุมปากตก
  • ปิดตาไม่สนิท
  • อาจได้ยินเสียงดังในหู
  • สูญเสียการรับรสชาติที่ปลายลิ้น

อาการดังกล่าวจะปรากฏชัดเจนใน 1-2 วัน โดยคนที่ป่วยเป็นโรคนั้นส่วนใหญ่จะเริ่มดีขึ้นใน 3 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีอาการครั้งแรก และอาจใช้เวลาในการรักษาอย่างน้อย 3-6 เดือนอาการที่มีถึงจะค่อยๆ หายสนิท

โรคอัมพาตเบลล์-การรักษา

การรักษา

1.แพทย์จะให้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลา 2 สัปดาห์

  • เพื่อลดอาการบวมและการอักเสบของเส้นประสาท
  • ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาระหว่างวัน
  • ใช้ยาสำหรับป้ายตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในตอนกลางคืน

ถึงแม้ว่าข้อมูลทางการแพทย์จะยืนยันว่าโรคนี้สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่ถ้าว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ป่วยแล้วหายจากอาการนี้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น นั้นมักรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดบนใบหน้า หรือบางคนใช้การนวดใบหน้าและไปเข้ารับการกระตุ้นไฟฟ้ารักษาบริเวณใบหน้า หรือบางคนอาจเพิ่มการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นเส้นประสาทและเลือดลมร่วมในการรักษาด้วย ถึงแม้ว่าโรคนี้นั้นจะพบเจอกับผู้สูงวัยมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่าช่วงวัยอื่นๆอย่างเช่นเด็กหรือวัยรุ่นจะรอดจากโรคนี้ได้ ดังนั้นอย่าชะล่าใจและปล่อยปะละเลยการดูแลสุขภาพ เชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่รู้ว่าภาวะความเครียดต่างๆที่สะสมมานั้นคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพาตเบลล์ และถ้าหากคุณไม่อยากเป็นคนที่ป่วยโรคอัมพาตเบลล์ เราขอแนะนำว่าให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และหาออาหารทีมีประโยชน์เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทานป้องกันเอาไว้ เพราะว่าภูมิคุ้มกันตกมันเป็นเหตุให้ไวรัสเข้าจู่โจมและเล่นงานระบบประสาทของร่างกายเราได้