ไขปริศนาคาใจ!! คนฉีดวัคซีนครบโดสกับ คนที่ไม่ได้ฉีดมีอาการป่วยรุนแรงด้านสุขภาพแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เมื่อติดเชื้อโควิด-19 นั้นจะเป็นอย่างไร!?? ในห่วงระยะเวลา 2-3 ปี ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแพร่กระจาย แม้ว่าจะมียารักษาและวัคซีนป้องกันโรคแล้วก็ตาม
คนฉีดวัคซีนครบโดสกับ คนที่ไม่ได้ฉีดมีอาการป่วยรุนแรงต่างกันมากแค่ไหน
อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยในป่วยผู้ทั่วไปที่ติดเชื้อโควิด 19 ส่วนใหญ่นั้นมักมีอาการเหล่านี้ เช่น น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ จาม เจ็บคอ และไออย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาการที่กล่าวมาเมื่อกี้นั้นคือ อาการของทั้งสองกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนและยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันเลยถ้ามองแค่ในมุมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อาจจะสลับสับเปลี่ยนลำดับไปบางเล็กน้อย ส่วนสิ่งที่นักวิจัยพบเจอหลังจากกเฝ้าสังเกตพฤติกรรมตามเก็บข้อมูลผู้ป่วยโควิดผ่านแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Zoe ในสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 2 ปี ซึ่งเจ้าแอปพลิเคชันนี้มีเอาไว้ให้ประชาชนที่ติดเชื้อโควิดรายงามผลมากกว่า 4.7 ล้านคน และบันทึกอาการป่วยลงไป
ข้อมูลดังกล่าวที่ได้รับมานั้นทีมนักวิจัยจาก King’s College London University of London เป็นผู้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งพวกเขานั้นได้รับการสนับสนุนจาก National Health Service ของประเทศอังกฤษ ซึ่งทางนักวิจัยนั้นได้นำข้อมูลที่ได้รับมานั้นนำเอามาเรียบเรียงใหม่ ตามอันดับอาการที่พบได้บ่อยมากที่สุด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นหลักฐานบางอย่างที่ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้นมันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา งานวิจัยชิ้นนี้คืองานวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก Government of the United Kingdom ตั้งแต่เริ่มต้นที่โรคมันเริ่มระบาดและมาสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา ต้องขอบอกเลยนะว่างานวิจัยชิ้นนี้คืองานวิจัยที่มีคุณภาพมากที่สุดและสำคัญมากที่สุด เพราะคืองานวิจัยที่บอกได้ว่าอาการบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อติดเชื้อโควิดเกิดขึ้นได้เช่น การสูญเสียการรับรู้กลิ่นและรสชาติ
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่มีนัยสำคัญ
อาการโควิดที่พบได้บ่อยมากเมื่อติดเชื้อโควิด 19 หลังจากได้รับวัคฉีดครบ 2 โดสขึ้นไปมีดังนี้
- น้ำมูกไหล
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคอ
- ไอต่อเนื่อง
อาการโควิดที่พบได้บ่อยมากเมื่อติดเชื้อโควิด 19 ที่ไม่ได้รับวัคซีนมีดังนี้
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคอ
- น้ำมูกไหล
- มีไข้
- ไอต่อเนื่อง
ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับกลุ่มคนที่ติดเชื้อโควิดที่ยังไม่ได้รับวัคซีนนั้นก็คือ อาการ “ไข้” ซึ่งอาการนี้คืออาการที่ชี้ให้เห็นเลยว่ามันคือปัญหาที่รุนแรงมาก เพราะผู้ป่วยในกลุ่มนี้นั้นได้บันทึกข้อมูลเอาไว้ว่า พวกเขานั้นรู้สึกว่าเขานั้นรู้สึกถึงอาการปวดหัวรุนแรงและเจ็บคอมากกว่าอีกกลุ่มที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบจำนวน 2 โดส
หนึ่งในทีมนักวิจัยนั้นกล่าวว่ามีหลายสาเหตุที่ที่สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนในความแตกต่างนี้ เช่น กลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคนี้นั้นมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรง ซึ่งตัวอย่างที่ว่านี้อาจมาจาก ช่วงอายุของคนที่บันทึกข้อมูลซึ่งอาจเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรงหรือไม่แข็งแรงแตกต่างกันไป เนื่องจากกลุ่มคนที่เข้ามาประเมินมักมีอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิดที่รุนแรง แถมยังมีแหล่งที่มาเดียวเท่านั้น ในขณะเดียวกันทางนักวิจัยนั้นก็จำเป็นจะต้องพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิดที่แสดงอาการป่วยที่แตกต่างกันออกมาประเภท
- มีไข้สูง
- หนาวสั่น
- ไอต่อเนื่อง
- สูญเสียความสามารถในการรับกลิ่น
- สูญเสียความสามารถในการรับรสชาติ
- หายใจลำบาก
- รู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคอ
- คัดจมูก
- มีน้ำมูกไหล
- เบื่ออาหาร
- ท้องร่วง
- รู้สึกไม่สบาย
- รู้สึกคลื่นไส้
ต้องทำอย่างไรเมื่อมีอาการโรคโควิด
ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐทั่วโลกนั้นระบุเอาไว้ว่า หากพบว่าตัวเองนั้นมีอาการป่วยดังกล่าวที่ว่ามาเมื่อตอนต้นนั้น ให้แยกกักตัวหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าที่บ้านของคุณนั้นมีกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ คนป่วย เด็ก อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญนั้นก็คือ การตรวจเชื้อเพื่อยืนยันว่าติดเชื้อนั้นจะต้องไปทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีต่างๆเช่น
- การเก็บตัวอย่างเชื้อ (swab)
- พีซีอาร์ (PCR)
- การตรวจด้วยชุดตรวจเอทีเค (ATK)
- เมื่อผลตรวจออกมาเป็นบวก
- จะต้องกักตัวเป็นเวลา 5-7 วัน
หากอาการป่วยที่พบเจอนั้นดีขึ้นจนหายแล้วนั้นผู้ป่วยก็สามารถกลับมาทำสิ่งต่างๆได้ตามปกติที่เคยใช้ชีวิต แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพบว่าอาการป่วยของคุณนั้นแย่ลงแนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาโดยด่วน
ทำไมฉีดวัคซีนแล้วยังติดโควิดได้
วัคซีนต้านโควิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในยุคปัจจุบันนี้นั้นคือหนึ่งมาตรการหลักหนึ่งเดียวคือป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรงจนอาจะได้นอนโรงบาลการใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต ซึ่งจุดประสงค์หลักจุดประสงค์เดียวที่เป็นเป้าหมายนั้นมันก็คือ การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราให้สามารถป้องกันและรับรับการติดเชื้อไวรัสได้อย่างไม่อันตราย ซึ่งมันน่าจะเป็นการเตรียมการรับมือการติดเชื้อจริงได้ในอนาคต แม้จะมีวิธีการป้องกันอย่างดีแต่นี่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถรับรองความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เรานั้นซับซ้อน จนไม่สามารถบอกได้เลยว่า ชนิดของเชื้อไวรัสนั้นมันจะสามารถทำอะไรแต่ละคนได้เนื่องจากนี่มันคือเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และนี่มันคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อแล้วถึงสามารถติดเชื้อได้อีกซ่ำๆ
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นมักมีความรุนแรงน้อยลง และป้องกันการเสียชีวิตได้
นี่เป็นกรณีเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพราะมันสามารถบรรเทาอาการติดเชื้อให้ทุเราไม่ให้มีอาการรุนแรง แต่ไม่สามารถทำให้คนที่ได้รับไม่ติดเชื้อได้ และถ้ามองย้อนกลับไปในปี 2021 จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ประชากรที่ติดเชื้อโควิดนั้นมีจำนวนมากขึ้นแต่กลับมีอาการที่ไม่รุนแรงเหมือนในปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งมันสามารถสังเกตเห็นได้เลยว่าผู้ป่วยมีจำนวนน้อยลงมากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์