ศัลยแพทย์ในอังกฤษผ่าตัดผู้ป่วยพร้อมๆ กับบรรลุเป้าหมาย Net Zero ทำสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก!!

Net Zero ทำสำเร็จ บรรลุเป้าหมายพร้อมกันกับการค้นพบวิธีผ่าตัดผู้ป่วย “โรคมะเร็ง” ที่โรงพยาบาล Solihull Hospital เป็นครั้งแรกของโลก!!แนวคิด “สุขภาพคนสุขภาพสิ่งแวดล้อม” คือสิ่งสำคัญที่แพทย์และอาชีพอื่นๆนั้นจำเป็นจะต้องคำนึกถึง บอกเลยวันนี้ใครที่สนใจเรื่องราว Net Zero นั้นต้องดูห้ามพลาดเด็ดขาด

Net Zero ทำสำเร็จ พร้อมกันกับผ่าตัดผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ Solihull Hospital เป็นครั้งแรก

ข่าวดีที่เรานำมาให้ทุกคนได้ดูในวันนี้นั้นคือข่าวดีที่มาจากแดนผู้ดีประเทศอังกฤษ ที่โรงพยาบาล Solihull Hospital ข่าวดีที่ว่านั้นก็คือ แพทย์นั้นค้นพบวิธีผ่าตัดผู้ป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จพร้อมกันกับแนวคิด “Net Zero” ได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถทำได้จริง และนี่คือภารกิจสำคัญที่สุดในโลกที่ Solihull Hospital สำเร็จและได้ทำการจดบันทึกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย และนี่ออีกหนึ่งความสำคัญที่เหนือความคาดหมายที่มาพร้อมความสำเร็จนี้คือ นวัตกรรมสุดล้ำในโลกอนาคตนั้นไม่ได้มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องในการค้นพบครั้งนี้เลย ซึ่งความสำเร็จนี้นั้นเกิดจากวิธีการง่ายๆ ที่ทีมแพทย์จากทุกโรงพยาบาลสามารถนำเอาวิธีพวกนี้ไปลงมือปฏิบัติทำตามได้เลยอย่างง่ายดาย แม้ว่าจะต้องมีทักษะเข้ามาเกี่ยวข้องนิดหน่อย

ความสำเร็จที่ว่านั้นเริ่มต้นจากกิจวัตรประจำวันธรรมดาของศัลยแพทย์สองคนที่ทำการผ่าตัด ซึ่งแต่ละคนนั้นเริ่มต้นแนวคิดนี้ง่ายๆด้วยการเดินไปทำงานและปั่นจักยานไปทำงานแทนการใช้รถที่เปลืองน้ำมัน ส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดนั้นพวกเขาก็ได้ทำการคิด และนำสิ่งของบางอย่างที่น่าจะไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มกลับมาใช้ซ่ำอีกครั้ง เช่น เสื้อคลุมกับผ้าม่าน รวมไปถึงการใช้ไฟในห้องผ่าตัดส่วนต่างๆก็ปรับเปลี่ยนไปด้วย เช่น พวกเขานั้นจะไม่เปิดแอร์ทิ้งไว้ก่อนและหลังจากเวลา ส่วนไฟในห้องผ่าตัดก็เปิดเฉพาะดวงใช้งานในช่วงเวลาที่ต้องผ่าตัดเท่านั้น

ในช่วงที่ทำการผ่าตัดก็ปรับใช้การฉีดยาบรรเทาอาการปวดเข้าไปทางหลอดเลือดดำแทนการใช้ถังยาสลบ  เนื่องจากวิธีนี้คือวิธีประหยัดขั้นตอนการนำเข้าก๊าซและการผลิตถังที่สร้างปัญหาก๊าซเรือนกระจกของโลกให้ลดลง (แพทย์ยืนยันว่าวิธีนี้ที่พวกเขานั้นใช้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เพราะว่าแพทย์ในบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักรค่อนข้างคุ้นชินกับวิธีนี้ดี) บอกเลยว่าการลดขั้นตอนต่างๆที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไหร่นั้นกลับส่งผลดีต่อโลก เพราะช่วยลดปัญหาการปล่อย carbon dioxide ในช่วงที่แพทย์ทำการผ่าตัดได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นพวกเขาเติมเต็มด้วยการนำวิธีอื่นมาใช้เช่น การปลูกต้นไม้เพื่อสร้างแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหลือจนเท่ากับ “ศูนย์” ในที่สุด ส่วนความร่วมมือในครั้งนี้นั้นมีทีมนักวิจัยจาก University of Birmingham เข้าร่วมติดตามจนจบการทดลอง

สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันเหมือนกับว่าเป็นการย้ำเตือนให้เราไม่ลืมว่าจริงๆ “Net Zero” นั้นสามารถทำให้สำเร็จได้เลยในระดับปัจเจกหรือในระดับองค์กรอย่างง่ายดาย โดยที่พวกเรานั้นไม่จำเป็นจะต้องให้รัฐออกกฎหมายหรือพระราชบัญญัติต่างๆ ออกมาบังคับใช้ให้พวกเรานั้นทำตาม อย่างเช่นคนที่ใช้ถุงผ้าเพื่อช่วยลดโลกร้อนในช่วงก่อนที่จะทีการรณรงค์ออกกฎห้ามให้ห้างสรรพสินค้าหลายๆแห่งแถมถุงพลาสติกให้ผู้คน

ตามข้อมูลของ Arup and Health Care Without Harm (HCWH) ระบุว่า

โรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในแต่ละปีนั้นคาดการณ์ว่า ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาในปริมาณที่สูงถึง 4.4 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนทำให้ขยะมีปริมาณที่เยอะมากกว่า 5 ล้านตันในแต่ละปี  และถ้าหากว่าทุกโรงพยาบาลบนโลกใบนี้สามารถนำแนวคิด Net Zero ไปทำได้สำเร็จทุกโรงพยาบาลนั้นจะมีผลดีต่อโลกมากๆ เพราะมันคือการลดปริมาณก๊าซ carbon dioxide ลงได้มากถึง 2 กิโลตันต่อปี

ปัจจุบันโรงพยาบาลหลายแห่งบนโลกใบนี้นั้นได้เริ่มต้นหาหนทางมุ่งสู่เป้าหมายนี้ให้สำเร็จแล้ว อย่างเช่น กรณีของสหราชอาณาจักรที่หลายๆโรงพยาบาลที่รัฐนั้นให้การสนับสนุนนำรถไฟฟ้ามาใช้รับส่งผู้ป่วยเพื่อลดปัญหาที่โลกต้องพบเจอจากการใช้รถใช้ถนน อีกอย่างคือการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้บนดาดฟ้าบนอาคาร กานำขยะหรือสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิล รวมไปถึงการจัดหาวัตถุดิบจากชุมชนมาทำเป็นอาหารให้ผู้ป่วย เพื่อลดการเกิด carbon dioxide จากการขนส่ง

ในมุมมองของแพทย์ต่อการแก้ไขปัญหาโลกรวนเพื่อช่วยโลกให้ดีขึ้นตามแนวคิดนั้น พวกเขาบกล่าวว่า อีกหนึ่งวิธีที่พวกเขานั้นสามารถช่วยโลกได้คือ การดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองไม่ให้ล้มป่วยและได้รับบาดเจ็บ เพราะวิธีการรักษาสุขภาพให้ดีนั้นคือหนึ่งวิธีที่ช่วยโลกได้มากเลยทีเดียว เพราะโรคภัยไข้เจ็บและอาการป่วยโรคต่างๆ มีต้นทุนการรักษาที่มากแตกต่างกันไป บางโรคอาจมีขั้นตอนการรักษาในแบบที่ปล่อย carbon dioxide ออกมาเป็นจำนวนมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะแค่เพียงการเดินทางมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้นก็คือว่าคือหนึ่งการปล่อย carbon dioxide ออกมาให้โลกอย่างมากมายแล้ว

แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงโดยที่ไม่เจ็บไม่ป่วยนั้นมันทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากปัจจัยหลานอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้ป่วยและส่งผลให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากภัยพิบัติได้มากขึ้น อีกอย่างนั้นคือมลพิษในอากาศที่พรากชีวิตผู้คนไปอย่างมากมาย เฉลี่ยต่อปีสูงกว่าการระบาดของโควิด-19 เสียอีกถ้านำสถิติมาเทียบกันจริงๆ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เว้นเสียแต่ว่าเราอาจจะต้องย้อนกลับไปมองหาต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น และต้องหาหนทางลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงให้คงที่ไม่ต้องลงแต่ไม่ต้องเพิ่ม เพื่อที่ผลกระทบจะได้เดินทางมาหาเราได้อย่างน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีและสุขภาพร่างกายของโลกที่จะต้องดีขึ้น ซึ่งนี้คือแนวคิดที่พ฿ดได้เลยว่ามันคือเรื่อง One Health แม้ว่ามนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว แต่เราก็คือหนึ่งในระบบนิเวศที่มีความสำคัญ ที่มีหน้าที่ที่เชื่อมโยงถึงกันและส่งผลกระทบต่อกัน