ภารกิจตามล่าหาวัคซีน ช่วยพลิกสถานการณ์ “หยุดยั้ง” การระบาดใหญ่ครั้งยิ่งใหญ่ของทั่วโลก

ภารกิจตามล่าหาวัคซีน โควิดสูตรครอบจักรวาลเพื่อหยุดโรคระบาดให้ช่วยช่วยแปลงสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี หยุดยั้ง การระบาดใหญ่ครั้งยิ่งใหญ่ของทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพสุขภาพ และถ้ากหากวัคซีนชนิดนี้ได้ผลจริงก็จะถือเป็นความสำเร็จอันใหญ่ของโลก

ภารกิจตามล่าหาวัคซีน  โควิด “สูตรครอบจักรวาล” เพื่อหยุดโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ

ย้อนกลับไปเมื่อทศวรรษ 1980 ดร.คือครั้งแรกที่ “โจนาธาน ฮีนีย์” นั้นได้พบเจอกับ “เชื้อไวรัสโคโรนา” ซึ่งในตอนนั้นเขายังคงเป็นนักศึกษาอยู่ที่ National Institutes of Health ซึ่งการไปพบเจอเชื้อชนิดนี้คือ เขาต้องเขาไปช่วยดูแลเชื้อประหลาดที่ติดมากับเสือชีตาห์ ก่อนที่เขานั้นจะพบว่าเชื้อดังกล่าวนั้นมันมาจากเจ้าเหมียวที่เข้าไปต้อสู่กับเสือชีตาห์ ซึ่งถือเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ที่ไวรัสประเภทนี้ใช้เป็นแหล่งอาศัยและขยายพันธุ์ จนทำให้เสือชีตาห์ติดเชื้อแล้วล้มตายเป็นจำนวนมาก

40 ปี ต่อมา ดร. ฮีนีย์ได้เป็นผู้นำทีมวิจัยของบริษัท DIOSynVax  Conduct relevant IT research ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานวิจัยยาและเวชภัณฑ์ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Coalition for Epidemic Preparedness Innovations เครือข่ายความร่วมมือระดับโลก ที่สามารถระดมเงินทุนได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับการวิจัยวัคซีนทั่วโลก เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคร้ายแรงรวมถึง COVID-19

การเสาะหา “วัคซีนสูตรครอบจักรวาล” แม้ผ่านมามากกว่า 20 ปีแล้วก็ยังไม่สามารถทำได้ และก็ยังการพัฒนาไปได้ไม่มาก แม้ว่าพวกนักวิจัยนั้นจะได้เสาะหาวัคซีนโควิดที่สามารถป้องกันไวรัส SARS-CoV-2 ได้ทุกสายพันธุ์ขึ้นมาจำนวนมาก็ยังไม่สำเร็จ แต่ถ้าหากว่าทีมนักวิจัยของนานาชาติยุคนนี้สามารถสร้างมันขึ้นมาได้สำเร็จ โลกของเรานั้นก็จะมีวัคซีนที่สามารถลดการติดเชื้อประเภท COVID-19, SARS, MERS และไข้หวัดใหญ่หลายประเภทได้ภายในหนึ่งเข็ม ซึ่งวัคซีนสูตรครอบจักรวาลดังกล่าวนั้นสามารถช่วยพลิกสถานการณ์ หยับยั้งการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ของทั่วโลก และของเชื้อไวรัส Coronaviruses ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร. เวย์น คอฟฟ์ ประธานผู้บริหารของ (Human Vaccines Project) กล่าวเอาไว้ว่าผมคาดการณ์ว่าพวกเรานั้นจะได้เห็นก้าวสำคัญครั้งยิ่งสามารถเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส Coronaviruses สูตรรวมทุกสายพันธุ์ แต่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากนักวิจัยจากทั่วโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

ส่วนผู้เชี่ยวชาญจำมากนั้นบอกว่าการเริ่มต้นพัฒนาวัคซีนนั้นควรเริ่มต้นจากการเดินไปให้ถึงเป้าหมายระดับปานกลาง ที่สามารถยิบจับความสำเร็จได้ไม่ยากจนเกินไป อย่างเช่นวัคซีนป้องกันเชื้อ SARS-CoV-2 ที่สามารถกลายพันธุ์ได้หลายแบบ ที่ก่อให้เกิด COVID-19 มาระบาดซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมมันยังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงอาการที่มีความรุนแรงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19! Alpha เมื่อช่วงเดือน กันยายน 2020 ที่ผ่านมามาจนถึงการระบาดของสายพันธุ์ COVID-19! Delta, COVID-19! OMICRON ,BA.4 และ BA.5 ในตอนนี้

นพ. แพทริก ซุน-เฉียง ผู้ที่ได้รับทุนการวิจัยวัคซีนจากรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าการสร้างวัคซีน COVID ที่สามารถคุ้มกันเชื้อกลายพันธุ์ได้ทั้งหมดให้สำเร็จ ถือเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถนำพาเรานั้นให้อยู่รอดปลอดภัยจากการระบาดใหญ่ได้ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ได้ หลังจากที่มีการทดลองใช้หลายๆอย่างเข้ามาช่วยเพื่อคิดค้นหาวัคซีนดังกล่าว

1.ดัดแปลงอะดีโนไวรัส (Adenovirus)

• ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

2.การใช้อนุภาคเฟอร์ริทิน (Ferritin)

• ซึ่งเป็นโปรตีนนำพาธาตุเหล็กขนาดเล็กระดับนาโน

3.การผลิตอาร์เอ็นเอ (RNA)

• ที่แบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้เองเมื่อเข้าสู่เซลล์ร่างกาย
• ทำให้ได้สารกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบเดียวกับวัคซีน mRNA
• แต่ไม่ต้องฉีดเข้าร่างกายในปริมาณมากเหมือนเดิม

ผู้บริหารโครงการวัคซีนสำหรับคนทั่วโลกให้ข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่า การผลิตวัคซีนมากมายนานาชนิดที่พวกเขานั้นตามหาขึ้นมา มีข้อดีจำนวนมาก เพราะมันตรงต่อความต้องการของมนุษย์ในการที่นำมาแตกต่างกันไปยกตัวอย่าง

1.วัคซีน mRNA

• มีข้อดีตรงที่สามารถพัฒนา
• และปรับปรุงสูตรได้รวดเร็ว

2.ในขณะที่วัคซีนแบบอื่นอาจเก็บรักษาได้นาน

3.และคงประสิทธิภาพได้นานมากกว่าเดิม

4.สามารถขนส่งไปถึงถิ่นทุรกันดารได้ง่ายกว่า

ดังนั้นอาจสรุปได้ว่าการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาทุกสายพันธุ์ หรือแบบครอบจักรวาลนั้นดูจากทรงแล้วน่าจะมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จงสูงมากกว่าการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ส่วนทางนักวิจัยนั้นมองว่า วัคซีน COVID ชนิดแรกที่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ทั้งหมด จะพัฒนาสำเร็จและสามารถนำออกมาใช้งานได้ภายในปี 2024 และมันจะเป็นการเปลี่ยนสถานการณ์ให้คนทั่วโลกหลุดพ้นจากเรื่องร้ายๆที่ระบาดใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกทั้งมันยังจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนจำนวนไม่น้อย ให้หลุดรอกจากการระบาดในอนาคตของเชื้อไวรัส Coronaviruses ที่เรายังไม่รู้จักในอนาคตได้อีก ซึ่งหากวัคซีนชนิดนี้มีปริทธิภาพใช้ได้จริงจะถือเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงของวงการสาธารณสุขโลกเลยละ