“ปลุกศพ” ขึ้นมาถ่ายรูปจาก “หลุมศพ” ที่ฝั่งเอาไว้เพื่อนำมาประกอบพิธีทำความสะอาด ที่เชื่อว่าจะช่วยชำระล้างวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักที่ลาโลกไปแล้ว

ปลุกศพขึ้นมาถ่ายรูป จาก “หลุมศพ” ที่ฝั่งเอาไว้  “พิธีกรรมสุดประหลาด” ในประเทศอินโดนีเซีย ความเชื่อเรื่องลึกลับของชาว “ตอราจา” ที่เชื่อว่าการทำแบบนี้นั้นมันก็เพื่อนำร่างของคนที่ตายไปแล้วกลับมาประกอบพิธีทำความสะอาด ที่เชื่อว่าจะช่วยชำระล้างวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักที่ลาโลกไปแล้ว

ปลุกศพขึ้นมาถ่ายรูป “พิธีกรรม” แปลกของชาว “ตอราจา” ในอินโดนีเซียที่ทำให้หลายๆคนนั้นหลอนขนขนหัวลุก

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนแถบเทือกเขาบนเกาะ Sulawesi ในประเทศอินโดนีเซีย มีชาวบ้านมากกว่าร้อยชีวิตรวมตัวกันขึ้นมา นำศพของคนที่ตายไปแล้วขึ้นมาจากหลุมศพของครอบครัวหรือถ้ำที่ฝั่งเอาไว้ ศพที่นำขึ้นมาที่ตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตาญาติลูกหลายทั้งหมดที่เสียชีวิตไปจะถูกนำขึ้นมา ส่วนสาเหตุที่นำขึ้นมาพวกเขานั้นบอกว่าเพื่อนำมาประกอบพิธีกรมม และนำร่างมาทำความสะอาด เพราะเชื่อว่าการทำความสะอาดร่างกายคนที่ตายไปแล้วจะช่วยชำระล้างวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักที่ลาโลกไปแล้วได้

มีหนึ่งครอบครัวได้โพสต์ท่ารูปถ่ายที่ถ่ายพร้อมหน้าพร้อมตากันกกับญาติผู้ใหญ่ ที่ไม่สามารถยิ้มหรือหันมามองกล้องได้แล้วมาโพสต์ให้ดู ส่วนอีกหนึ่งครอบครัวที่อยู่ห่างไกลออกไปไม่ไกล กำลังใส่เสื้อผ้าชุดพื้นเมืองให้กับหนึ่งในบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งชนเผ่า แม้ร่างกายของเขาคนนั้นจะเหลือเพียงกระดูก และนี่ไม่ใช่การมาเยี่ยมบรรพบุรุษหรือญาติผู้ใหญ่ลูกหลานที่ตายไปแล้วตามบ้านพักคนชรา หรือฉากในภาพยนตร์สยองขวัญที่พวกเรานั้นเคยเห็น เพราะพวกเขาเหล่านี้ที่เราเห็นคือคนที่ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว พิธีกรรมแปลกประหลาดที่ว่านี้ชื่อว่า “มาเนเน” ซึ่งมันจะถูกจัดขึ้นที่ 2 หมู่บ้าน บนเกา Sulawesi ของอินโดนีเซีย ลูกหลานและคนในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ จะขุดศพหลายร้อยร่างที่เป็นญาติของพวกเขาขึ้นมา เพื่อที่จะทำความสะอาด และใส่เสื้อผ้าให้ใหม่ เพื่อสักการะดวงวิญญาณและนำเครื่องเซ่นมากราบไหว้จามขนบธรรมเนียม

“พิธีกรรม “มาเนเน” เริ่มต้นจากการขุดหลุมศพขึ้นมาจากนั้นให้ทำความสะอาดภายในหลุมฝั่งศพให้สะอาดสะอาดงามตา ก่อนที่จะนำโลงลงไปฝั่งอีกครั้งในหลุมที่ขุดเอาไว้อย่างลึกในภูเขา ขั้นตอนตอมาเราจะนำร่างของคนที่ตายไปแล้วขึ้นมาตากแดด เพื่อให้ร่างกายนั้นแห้งก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยๆให้กับร่างนั้น”

ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้าน Torea บอกว่าลูกหลานญาติพี่น้องของคนที่ตายไปแล้วกลุ่มนี้นั้นมาด้วนความร่วมือร่วมใจกันในการมาประกอบพิธีมาเนเน “เพื่อให้ดวงวิญญาณของญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมาอวยพร ให้ลูกหลานและญาติพี่น้องมีความสุขอยู่อย่างปลอดภัย บางครอบครัวนั้นทำกับร่างของคนที่ตายไปแล้วเหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่ เชน เอาบุหรี่มาให้สูบสวมใส่เครื่องประดับ พวกสร้อยพวกแว่นตากันแดดให้กับร่างของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งภาพที่ออกมานั้นเป็นภาพที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องแปลก จนมีคนตั้งฉายาให้กับพิธีกรรมนี้ว่า “ขุดศพขึ้นมาถ่ายรูป” แถมว่าร่างศพผู้เสียชีวิตบางคนนั้นยังเหมือนเดิมจนหลายคนแปลกใจ แต่ถ้าว่าความเป็นจริงมันก็ไม่น่าใช่เรื่องที่แปลกใจสักเท่าไหร่เพราะว่า ชาวบ้านนั้นใช้วิธีการรักษาศพให้คงร่างเดิมเอาไว้เหมือนการรักษาร่างของ “มัมมี่” ซึ่งร่างคนคนที่ตายบางคนนั้นก็เหลือแต่กระดูกเช่นกัน

ผู้คนที่อยู่บนเกาะ Sulawesi ที่ร่วมกันทำ “พิธีมาเนเน” คือ “ชาวตอราจา” ที่มีจำนวนประชากรมากกกว่า 1 ล้านคนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาเหล่านนี้นั้นไม่ได้สนใจและไม่ได้แคร์คำพูดของคนที่กล่าวถามพพวกเขาเลย แม้พวกเขานั้นจะคุยกับคนตาย แต่งตัวให้คนตายแต่งหน้าทำผมให้คนตาย หรือแม้กระทั้งถ่ายรูปกับคนตายมาโชว์ เนื่องจากว่าชาวตอราจามีความเชื่อมานานแล้วว่า วิญญาณของคนที่ตายไปแล้วนั้นจะยังไม่ไปไหนยังจะวนเวียนอยู่บนโลกหลังความตาย หลังจากพิธีศพดวงวิญญาณของพวกเขาถึงจะเริ่มเดินทางไปยังโลกของดวงวิญญาณ ที่ซึ่งวิญญาณของพวกเขาจะสถิตอยู่อย่างเป็นนิรันดร์

ดังนั้น “พิธีศพ” จึงเป็นพิธีที่สำคัญมากๆสำหรับพวกเขา และถ้าหากคนในครอบครัวของพวกเขาตาย พวกเขานั้นจะทำการเก็บรักษาร่างกายคนตายเอาไว้จนกว่าจะสามารถเก็บเงินได้ จนสามารถจัดพิธีงานศพที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนที่ตายได้ และวิธีการรักษาศพแบบมัมมี่นั้นก็คือวิธีที่พวกเขาชอบใช้ โดยชาวบ้านจะนำน้ำส้มสายชูและใบชามาเป็นตัวหลัก แต่สำหรับยุคนี้นั้นบางครอบครัวเลือกใช้วิธีสมัยใหม่คือการ “ฉีดฟอร์มัลดีไฮด์” เข้าไปในร่างกายของคนตายโดยตรง เพื่อรักษาศพให้มีสภาพที่สวยงาม ส่วนพิธีมาเนเนนั้นของที่แห่งนี้นั้นไม่ได้จัดขึ้นในทุกๆปี เพราะพวกเขานั้นจะจัดขึ้นตามกลุ่มหมู่บ้าน โดยปกติจะจัดขึ้นทุกๆ 2-3 ปี ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.

ช่วงแรกที่พิธีกรรมนี้เผยแพร่ออกมาให้ผู้คนได้เห็นนั้นต่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และเป็นเรื่องที่ดูแปลกปประหลาดจนทำให้หลายๆคนนั้นรู้สึกกลัว!!แต่ในยุคปัจจุบันพิธีกรรมนี้กลับเป็นพิธีกรรมที่เรียกให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาดู เนื่องจากพวกเขานั้นสนใจในเรื่องแปลกๆพวกนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนตะวันตก ส่วนทางผู้ใหญ่บ้านนั้นกลับมองว่าการให้ความเคารพศพของคนที่เสียชีวิตที่นำขึ้นมาในครั้งนี้นั้นน่าจะเป็นสิ่วที่สำคัญมากกว่า การที่ทุกคนจะนำศพลงมาถ่ายรูปโชว์และเรียกนักท่องเที่ยวให้มาดู