Monday, 25 November 2024

หนุ่ม 35 ปี อาสาดูแลหลานช่วงปิดเทอม เด็ก 16 คน คทั้งกินเก่งและเล่นซน หมดเงินนับแสน

ข่าวต่างปะเทศ อาสาดูแลหลานช่วงปิดเทอม และยังต้องเลี้ยงดูแลลูกอีก 2 คน ทั้งหมดรวมระยะเวลา 1 เดือน แต่เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาบนโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากให้ความสนใจและต่างก็ชื่นชมชายคนนี้เป็นจำนวนมากแม้ว่าต้องหมดเงินหลายแสน

สล็อต xo Slotxo

ชาวเน็ตชื่นชมชายผู้แข็งแกร่ง หนุ่ม 35 ปี อาสาดูแลหลานช่วงปิดเทอม เด็ก 16 คน รวมลูกเข้าไปอีก 2 คน งานนี้รับเละเสียหายหลายแสน

ชาวเน็ตชื่นชมชายผู้แข็งแกร่ง หนุ่ม 35 ปี อาสาดูแลหลานช่วงปิดเทอม เด็ก 16 คน รวมลูกเข้าไปอีก 2 คน

อาสาดูแลหลานช่วงปิดเทอม ชายผู้แข็งแกร่งสามารถเลี้ยงหลาน 16 คน ลูก 2 คน จำนวน 2 เดือน เด็กต่างวัยบางเล่นซุกซนและอีกอย่างที่เลี่ยงไม่ได้คือเด็กทุกคนล้วนแต่กินเก่ง ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงเป้นเท่าตัว ภายในเดือนเดียวก็ทำให้เกิดรายจ่ายไปรวมหลายแสนบาท

เมื่อไม่นานมานี้เกิดประเด็นน่าสนใจบนโซเซียลและยังเป็นเรื่องที่กลายเป็นไวรัลในประเทศจีนอีกด้วย ภายหลังจากมีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวันของชายรายหนึ่ง ซึ่งในเวลานั้นเขาได้เป็นผู้แบกรับหน้าที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ เพราะตัวเขานั้นต้องดูแลลูกจำนวน 2 คน และหลานอีกมากกว่า 16 คน ซึ่งหน้าที่นี้ใช้เวลานานกว่า 2 เดือนนั้นเอง

ชายหนุ่มรายนี้ที่หลายคนกำลังพูดถึงคือ กง หลิงจวิ้น วัย 35 ปี เขาเป็นชายชาวนครฉงชิ่ง โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เขาผู้มี่รับหน้าที่ในการดูแลเลี้ยงหลานทั้งหมดในช่วงที่เด็กๆปิดเทอมไม่ได้ไปโรงเรียน “ปิดเทอมภาคฤดูร้อน” ระยะเวลานับตั้งแต่ช่วงปลายมิถุนายน ไปจนถึงสิ้นสิงหาคม 2565 (อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว)

ในคลิปวิดีโอคลิปสุดท้าย คุณกงได้สวมใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนที่เขาจะโบกมือลาเด็กๆที่เป็นเหล่าหลานจอมซน ขณะที่เขาเองยืนอยู่ที่หน้าประตู ส่วนทางหลานสาวรายหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวเราจะกลับมาอีกในปีหน้าค่ะ” ชายหนุ่มแสดงอาการโล่งใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังจากที่ส่งเหล่าหลานทั้ง 16 คนกลับบ้านไปหมดแล้ว เขาค่อยปิดประตูลงอย่างว่องไว

สาเหตุที่ทำให้เรื่องราวของคุณกงกลายเป็นที่โด่งดังนั้น การโพสต์คลิปพร้อมมีการบรรยาแจงค่าใช้จ่ายในระหว่างทีชายหนุ่มใช้ดูแลหลานกับลูกร่วม 2 เดือน ยอดทั้งหมดอยู่ที่ 6 หมื่นหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยได้มากกว่า 3.2 แสนบาท ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นระหว่าง 55 วันที่ลูกและหลานปิดเทอมมาอาศัยอยู่บ้านด้วย และเขาได้บอกอีกว่าเงินจำนวนนี้เขาใช้เวลาเก็บมากกว่า 30 ปีเลยทีเดียว บ้านได้กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้งหลังจากที่เด็กได้กลับไปหมดแล้ว

กง หลิงจวิ้น วัย 35 ปี เขาเป็นชายชาวนครฉงชิ่ง โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เลี้ยงหลานปิดเทอมภาคฤดูร้อน

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถรู้หรือเช็กข้อมูลได้ว่าข้อความที่ชายหนุ่มระบุนั้นเป็นเพียงการแซวเล่นขำขันกันบนโลกออนไลน์หรือเรื่องจริงกันแน่ ทั้งนี้ในส่วนของคุณกงเองเขานั้นเต็มใจที่จะรับภาระหน้าที่ในการดูแลหลานและลูกจำนวนมากนี้ เนื่องจากการเลี้ยงหลานตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อนไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดูแลเด็กๆทั้งหมด คุณกงออกมาเผยข้อมูลเองว่ารับอาสาเลี้ยงหลานช่วงปิดเทอมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560

คุณกงได้ออกมาเล่าต่อว่า ตามปกติแล้วเมื่อถึงช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนพวกเขจะเดินทางกลับบ้านเพื่อไปอยู่กับคุณพ่อ แต่ตอนนี้พ่อของคุณกงได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2560 และตั้งแต่นั้นมาพวกเขา(ญาติพี่น้องและลูกหลาน)ไม่ได้กลับไปที่บ้านนอกเมืองอีกเลย แต่เนื่องด้วยคุณกงและพี่น้องทั้ง 4 คน ต่างก็มีความรักใคร่กลมเกลียวกันดี คุณกงเลยไม่อยากให้หลานห่างเหินกันไป จึงรับและอาสาดูแลชวนเด็กที่เป็นหลานของตัวเองรวมถึงลูกเขาเองมาอาศัยอยู่รวมกันภายในบ้าน อยู่ด้วยกันชวนทำกิจกรรมต่างๆ

สำหรับการเลี้ยงดูเด็กทั้งหมด 18 คนนั้น คุณกงต้องดูแลพวกเราร่วม 2 เดือน ค่าอาหารที่ต้องมีการใช้จ่ายต่อวันจะตกที่ยอด 5 ร้อยหยวน หรือประมาณ 2.6 พนับาท ยอดนี้รวมทั้งค่าอาหารและขนมต่างๆอีกด้วย นี่ยังมีค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้นไปด้วยและมากกว่าปกติเสียอีก เพราะอยู่ในช่วงฤดูร้อน ภายในบ้านของคุณกงมีเครื่องปรับอากาศถึง 5 ตัวด้วยกัน ข้าวที่เด็กกินต่อวันรวม 8 กิโลกรัม เนื้อที่ทำเป้นกับข้าว 4 กิโลกรัม และไข่อีก 20 ฟอง(ต้องมีในทุกวัน)

ข่าวต่างประเทศ เรื่องราวของ กง หลิงจวิ้น วัย 35 ปี เขาเป็นชายชาวนครฉงชิ่ง

ไม่ว่าจะเป้นการร่วมญาติหรือรวมคนให้มาอยู่ในสถานที่เดียวกันเป้นจำนวนมาก และโดยเฉพาะรวมเด็กวัยกำลังซนมาอาศัยอยู่ด้วยกันนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากและเกินจะควบคุมกันเลยที่เดียว แต่หากตัดเรื่องค่าใช้จ่ายออกไปการที่ญาติพี่น้องมาอยู่รวมกันใช้เวลาในการทำกิจกรรมต่างมันเป็นการกระชับมิตรภาพได้อย่างดีและเพิ่มความสุขในแก่ครอบครัวได้อย่างดี

คุณกงได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ในครั้งแรกที่รับเด็กมาเลี้ยงและอยู่ด้วยกันเป้นจำนวนมากนั้น ช่วงแรกเรารู้สึกกลัวเช่นเดียวกัน และก็ไม่อยากที่จะเข้าไปนั่งข้างพวกเด็กๆเลยแม้แต่น้อย เนื่องจำไม่สามารถทนเสียงดังจากการพุดคุยโต้เถียงกันได้เลย เพราะมันเสียงดังเอามากๆ