ร้านค้าหัวหมอบอกใครใช้ คนละครึ่งบวกเพิ่ม 20% เพจดังอธิบายทำไมต้องทำแบบนี้ ??

คนละครึ่งบวกเพิ่ม 20% มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคชี้ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไหนหัวหมอร้านกระทำแบบนี้มีความ “ผิด” เตรียมตัวรับโทษ โดยเฉพาะร้านที่ติดป้ายเอาไว้ให้ผู้บริโภคผู้เข้าใช้บริหารเห็นได้อย่างชัดเจนเอาผิดได้ทันที เพจดังอธิบายทำไมร้านค้าร้านอาหารต้องทำแบบนี้ ??

คนละครึ่งบวกเพิ่ม 20% มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคชี้ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไหนที่ทำแบบนี้มีความ “ผิด” เตรียมรับโทษ

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาเพจชื่อดังใน Facebook ผู้บริโภคได้แชร์ภาพถ่ายร้านค้าแห่งหนึ่งที่เขียนข้อความใส่เอาไว้ในกระดาษให้อ่านได้อย่างชัดเจนประมาณว่า “ลูกค้าท่านใดที่ใช้บริการคนละครึ่งทางร้านนั้นจะบวกเพิ่มเงิน 20 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดไม่เกิน 50 บาท จึงเรียนมาเพื่อทราบ” ซึ่งรูปภาพดังกล่าวนั้นส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากตั้งคำถามว่า ทำไมใช้คนละครึ่งแล้วต้องบวกเปอร์เซ็นต์เพิ่มด้วย

ในโพสต์ดังกล่าวนั้นได้รับคำอธิบายจากทางต้นโพสต์ว่า ร้านค้าต่างๆที่เข้าร่วมโครงการของรัฐ “คนละครึ่ง” จะถูกจดจำรายได้เข้าระบบของกรมสรรพากร และรายได้นั้นจะถูกนำไปคำนวณภาษีรายได้ต่อปี ที่ทางร้านจะต้องเป็นคนเสียภาษีเอง ซึ่งทางร้านน่าจะคิดและบวกมาแล้วว่าต้องเสียภาษีกี่บาท ทางร้านค้านั้นก็เลยนำส่วนที่พวกเขาจะต้องจ่ายมาให้ลูกค้าเป็นคนจ่ายด้วยเลย ถ้าหากว่าถามร้านค้าที่ทำแบบนี้นั้นมีความผิดหรือไม่ผิดก็สามารถตอบได้เลยทันทีว่า “ผิด” แน่นอนสำหรับทางกฎหมาย ซึ่งมันก็หมายความว่าการกระทำแบบนี้ คือการกระทำที่หัวหมอฉลาดแกมโกงสุดๆ

ทางด้าน Facebook “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” อธิบายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเช่นกรณีนี้นั้นไม่ใช่ครั้งแรก เพราะตั้งแต่แรกเริ่มโครงการก็มีผู้ประกอบการจำนวนมาก ที่ฉลาดแกมโกงใช้วิธีหัวหมอแบบนี้ เพื่อฉวยโอกาสและเอาเปรียบลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยการขึ้นราคาสินค้า และขอบวกราคาเพิ่มถ้าจ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง เพราะเห็นว่าลูกค้าไม่ได้จ่ายเองทั้งหมดเพราะส่วนที่เหลือรัฐบาลจ่ายให้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกระทรวงการคลังได้ออกมาเตือนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ซึ่งหากผู้ประกอบการคนใดทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎระเบียบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้และยังคงมีหลายร้านที่ยังทำอยู่ ซึ่งก็รอบกวนผู้ใช้บริการไม่ต้องเข้าไปใช้สิทธิและให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที อย่ายินยอมให้ร้านค้าหัวหมอเอาเปรียบ สามารถส่งเรื่องเข้ามาได้ที่

1.เว็บไซต์สำนักงานเศรษฐกิจการคลังกระทรวงการคลัง

2.ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

3.ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) มายัง [email protected]

4.แจ้งกระทรวงพาณิชย์ (สายด่วน 1569)

5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ