สองผัวเมียวอนสื่อช่วย สิ่งนี่ใช่มุกเมโลไหม? เผยเก็บมานาน 6 ปี ยันไม่คิดจะขาย

ข่าวทั่วไทย เมื่อไม่นานนี่จากที่เป็นกระแสการพบเจอมุกจากหอยเชอรี่และอื่นๆ ล่าสุด รายงาน สองผัวเมียวอนสื่อช่วย สิ่งนี่ใช่มุกเมโลไหม? โดยมันเป็นก้อนแข็งกลมสีขาวคล้ายกับมุกทำสงสัย หากเป็นมุกจริงจะนำเอาไปทำเป็นเป็นเครื่องประดับเก็บไว้ให้ลูก

แค่อยากรู้ ไม่คิดจะขาย สองผัวเมียวอนสื่อช่วย สิ่งนี่ใช่มุกเมโลไหม? ขอผู้รู้ตรวจสอบ จะนำไปทำเครื่องประดับให้ลูก

สองผัวเมียวอนสื่อช่วย เก็บก้อนกลมแข็งสีขาว ลักษณะคล้ายกับ “ไข่มุก” สิ่งนี่ใช่มุกเมโลไหม? ขอให้ผู้รู้ช่วยดูช่วยตรวจสอบให้ที เพราะเก็บเอาไว้เป็นเวลานานกว่า 6 ปีแล้ว ถ้าเป็นจริงตามสงสัยก็ดีใจ แต่ยันไม่คิดจะขายหารายได้อย่างแน่นอน แต่หากจะเก็บไปทำเครื่องประดับมอบให้ลูกเก็บไว้

ภายในวันที่ 23 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา สื่อมวลชนเดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านของสองผัวเมีย ณ หมู่ 6 ตำบลพลับพลา อำเภอเมืองจันทบุรี หลังจากที่สองผัวเมียขอให้มาตรวจสอบดูมุก ที่ทั้งสองพบเจอมาจาก “หอยแครง” และ “หอยพอก” ซึ่งทั้งสองค้นพบมันโดยบังเอิญ แต่เมื่อสงเกตก็พบว่ามันเป็นก้อนกลมที่ลักษณะคล้ายกับ “มุกเมโล” ซึ่งทั้งสองเก็บมุกเอาไว้ได้ จำนวน 3 เม็ดด้วยกัน ลักษณะแรกคือมันจะมีความมันวาวและผิวทำการสะท้อนกับแสงได้ดี มุกมีขนาดเทียบเท่ากับเม็ดของถั่วเขียว และ 2 เม็ดจาก 3 เม็ดนั้นมันค่อยมีลักษณะเป็นกลมรีคล้ายกับไข่ แต่อีก 1 เม็ดนั้นมันมีสีส้ม

ทั้งนี้ นายก่อลาภ เจริญลาภ ชาวบ้านเจ้าของไข่มุก ออกเล่าว่า เขาทำสวนผลไม้ ซึ่งก็ได้มาพบกับมุกจากมันอยู่ในหอยพอก และ หอยแครง โดยเป็นหอยที่เขานำมาทำกินเป็นอาหารซึ่งเรื่องนี้มันผ่านมาเป็นระยะเวลา 6 ปีมาแล้ว เขาไม่ได้นำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยแต่อย่างไร จนกระทั่งมาเห็นข่าวที่ออกมาในไม่นานว่ามีการค้นพบมุกเมโล ทำให้มาสังเกตดูที่มุกตัวเองกับเอาไว้ มันก็คือมุกเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีมูลค่าเทียบเท่ากับมุกเมโลหรือไม่ เขาเจอตอนนี้กำลังย่างหอยกิน ขณะที่กำลังเคี้ยวกินเนื้อของหอยแล้วกัดเข้าไปโดนของแข็งคล้ายกับกหินก่อนคายออกมา เจอเป็นมุกสีขาวจึงเก็บมันเอาไว้

ภายหลังจากที่พบได้เป็นระยะเวลา 2 เดือน เขาได้ซื้อหอยแครงเพื่อกินเป็นอาหาร ก่อนที่จะพบเข้ากับมุกเพิ่มมาอีก จำนวน 2 เม็ด และก็นำมันมาเก็บไว้เช่นเดิม ไม่ได้จะนำเอาออกไปขายเอาเงิน หากตรวจสอบแล้วพบว่ามันเป็น “มุกเมโล” จะนำไปทำเป็นเครื่องประดับและมอบให้แก่ลูก เพราะคิดว่านี่เป็นความโชคดีที่ครอบครัวเราได้เจอของล้ำค่าจากธรรมชาติ