Monday, 30 September 2024

รู้ไหมว่าตอนนี้ “ฝรั่ง” เลือกที่จะ “เผา” ร่างกายของพวกเขาเหมือนคนไทย มากกว่าการ “ฝั่ง” แบบที่บ้านเขานั้นเคยทำในอดีต

รู้ไหมว่าตอนนี้ ฝรั่งเลือกที่จะเผาร่าง ร่างกายของพวกเขาเหมือนคนไทยมากกว่าการ “ฝั่ง” ร่างกายของพวกเขาเอาไว้ในดินในแบบที่บ้านเขานั้นเคยทำในอดีต ข่าวต่างประเทศ ซึ่งวิธีการเผาในประเทศไทยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่สำหรับชาวตะวันตกนั้นส่วนมากเขาจะไม่เลือกใช้วิธีแบบ้านเรา

สล็อต xo Slotxo

ฝรั่งเลือกที่จะเผาร่าง มากกว่าเลือกที่จะ “ฝั่ง” ร่างของตัวเองแล้วในยุคนี้

ฝรั่งเลือกที่จะเผาร่าง-มากกว่าเลือกที่จะ “ฝั่ง”

ถ้าหากว่าพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมพิธีกรรมทางศาสนาเรื่องการ “เผาศพ” คนไทยเราอาจรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร เพราะที่ประเทศไทยส่วนมากพิธีศพนั้นใช้วิธีการ “เผา” ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างจากพวกต่างชาติบางประเทศ ที่นิยม “ฝั่งศพ” เช่น ชาติ ตะวันตก (รวมถึงคนเชื้อสายจีน) ที่เสียชีวิตแล้วจะใช้วิธีฝังศพกันเป็นหลัก ซึ่งว่าพิธีกรรมพวกนี้นั้นมันนำไปสู่ความเชื่อเรื่องต่างๆมาหมาย ทั้งในเรื่องของกฎหมายและเรื่องของคดีความ ที่ต่างประเทศนั้นนิยมขุดร่างกายของคนตายขึ้นมาพิสูจน์เรื่องราวต่างๆอีกครั้ง และมันก็ยังนำไปสู่ความเชื่อเรื่อง “ผี” ที่เราจะเห็นผ่านภาพยนตร์ว่าต่างประเทศมักจะมี “ดิบ” และผี “ซอมบี้”มากมาย

รู้ไหมว่าตอนนี้ “ฝรั่ง” เลือกที่จะ “เผา” ร่างกายของพวกเขาเหมือนคนไทย

เอาจริงๆแล้วต่างชาตินั้นไม่ได้ใช้วิธีการ “เผาศพ” มาแต่ไหนแต่ไรแต่ที่มาใช้ด้วยนั้นเป็นเพราะว่ามันเริ่มกลับมาเป็นวิธียอดนิยมในสมัยนี้ โดยประเทศกลุ่มที่เป็น Christ สาย Protestantism นั้นคือชาติที่นิยม “เผาศพ” มากสุด โดยพวกประเทศอ อาทิ England, Sweden, Denmark, Canada, Australia, New Zealand ทุกวันนี้คือถ้ามีคนตายประมาณ 3 ใน 4 พวกเขานั้นก็จะเลือกใช้วิธีเผาเกือบหมด ซึ่งจะมีเหลืออยู่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่ยังใช้วิธีการขุดหลุม “ฝั่ง”การกระทำแบบนี้เราจะเห็นผ่านรัฐที่มีผู้นำที่มีคววามก้าวหน้าของสหรัฐอเมริกา ที่ผู้คนส่วนมากตายแล้วก็เผาเหมือนกันกับบ้านเรา

ต้นทุนในการจัดพิธีงานศพนั้นมีราคาที่แพง

แต่จะมีพวก “Midwestern United States” ที่เป็นฐานสำคัญของแนวคิดอนุรักษ์นิยมนี่แหละยังคงใช้วิธีการขุดหลุ่ม “ฝั่ง” ศพแบบเดิมอย่างในสมัยโบราณ เลยทำให้คนอเมริกันประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ เท่านั้นที่จะฝังศพ ถ้าหากไปดูสถิติจากทั้งประเทศและนอกจากนี้พวกโซน Midwestern United States ที่เป็นฐานหลักของศาสนา Christ นิกาย Catholic Church แม้ว่าอัตราการเผาศพจะยังไม่ถึงครึ่งประเทศ แต่อัตราก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต่างงชาตินั้นหันมาใช้วิธีการเผาศพมากขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะว่า

1.ต้นทุนในการจัดพิธีงานศพนั้นมีราคาที่แพงและถูกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งว่าพิธีการฝั่งศพลงดินตามแบบฉบับโบราณของพวกเขานั้นค่อยข้างมีราคาที่แพงแสนแพง ซึ่งแต่ละพื้นที่นั้นก็เรียกเก็บเงินไม่เท่ากันแต่โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่ 200,000 บาท ไปจนถึง 500,000 บาท ส่วนวิธีการเผาศพนั้นจะอยู่ในราคาที่ใครก็สามารถจ่ายได้เริ่มต้นที่ 60,000-70,000 บาท บางครั้งอาจมีที่ราคาถูกมากกว่า 50,000 บาทด้วยซ่ำไป และนี้มันคือสาเหตุแรกที่ทำไมพวกเขานั้นถึงหันกลับมาใช้วิธีการ “เผา” มากกว่าการ “ฝั่ง”

ฝรั่งเลือกที่จะเผาร่างกายแบบคนเอเชีย

2.ผู้คนนั้นเริ่มหันมาให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม แม้บางคนจะแย้งว่าการเผาก็เป็นการทำให้โลกร้อน แต่การฝั่งนั้นก็ทำลายสิ่งแวดล้อมและอากาศได้ไม่น้อยเหมือนกันกับการเผาเลย เพราะการจะฝั่งศพแต่ละครั้งนั้นจะต้องใช้ฆ่าแมลงที่มากมาย จนส่งผลให้ดินและบริเวณใกล้เคียงเป็นพิษ แล้วหลังจากนั้นก็จะไม่สามารถใช้พื้นที่สุสานมาทำอย่างอื่นได้เลย แน่นอนว่าประเทศที่ต้องประหยัดพื้นที่จึงหันมาใช้วิธีเผาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

3.ผู้คนนั้นเริ่มไม่นับถือศาสนาโดยเฉพาะกลุ่มของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งนี้มันจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมวิธีการฝั่งถึงเหลือน้อยลง เพราะการทำพิธีศพนั้นขึ้นอยู่กับศาสนาและถ้าคนที่ไม่มีศาสนานั้น จะสุ่มสุ่มห้าเอาไปฝั่งก็ไม่ได้ ดังนั้นการเลือก “เผ่า” ศพจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับร่างของคนที่หมดลลมหายใจ ที่ไม่ได้นับถือศาสนาไม่ไปโบสถ์ไม่ไปวัดอันเป็น “ไลฟ์สไตล์’”ของคนรุ่นใหม่ๆ

สุดท้ายแม้ว่าการเผาศพจะเป็นวิธีกการยอดนิยมมากๆในตอนนี้แต่ถ้าว่ามันก็ยังมีทางเลือกอีกมากมายในการจัดการร่างของคนนที่เสียชีวิตไปแล้ว อย่างเช่น การฝังร่างไปพร้อมต้นไม้ การตุ๋นละลายศพด้วยพลังงานสะอาด ซึ่งวิธีการทั้งหมดที่ว่ามานั้นล้วนแล้วแต่เกิดจากข้อวิจารณ์ว่าการ “เผาศพ” ทำให้ “โลกร้อน” นั่นเอง