สุขภาพ–เรื่องลึกลับ ช่วงที่หัวใจหยุดเต้น เป็นครั้งแรกหรือช่วงความเป็นความตาย นักวิจัยชี้!! มนุษย์เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ยังรับรู้สิ่งรอบตัวได้ทั้งเสียงที่มีคนนเรียกให้เรากลับมา และการสัมผัส CPR ที่ทำการช่วยเหลือให้เรากลับมามีชีวิต บอกเลยใครที่อยากรู้เรื่องลึกลับเกี่ยวกับประเด็นนี้ต้องไม่พลาดแวะเข้ามารับชมเข้ามาอ่านกันก่อน
ช่วงที่หัวใจหยุดเต้น เป็นครั้งแรกมนุษย์ยังรับรู้สิ่งรอบตัวได้ทั้งเสียงที่มีคนนเรียกให้เรากลับมา และการสัมผัส CPR ที่ทำการช่วยเหลือให้เรากลับมามีชีวิต
สำหรับคอวิชาการสายลึกที่ผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ที่เป็นไปได้ยากแต่ก็เป็นนไปแล้วนั้นต้องไม่ควรพลาด แวะเข้ามารับชมเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ก่อนเพราะถ้าพูดถึงงานวิจัยที่เล่าเรื่องประสบการณ์เปลี่ยนผ่านระหว่างการมีชีวิตและความตาย เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ ดร.แซม พาร์เนีย (Dr.Sam Parnia) อย่างแน่นอน
เพราะตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 90 หลังจากที่คุณหมอนั้นได้พบเจอเหตุการณ์มีคนหัวใจหยุดเต้นต่อหน้าต่อตา มันเลยส่งผลให้คุณหมอของเรานั้นตั้งคำถามในใจมาตั้งแต่นั้นว่า คนที่กำลังจะตายในตอนนนั้นพวกเขาสามารถรับรู้ได้หรือไม่ได่ว่าพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง และตอนไหนที่ลมหายใจของพวกเขาจะหมดพวกเขารับรู้ได้หรือไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
คำถามที่เราเกริ่นมาให้ฟังเมื่อตอนต้นนั้นกลายเป็นแรงผลักดันให้คุณหมอของเรานั้นเริ่มทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มา ตั้งแต่เริ่มเรียนจนเรียนจบและคุณหมอของเรานั้นก็มีงานวิจัยนำมาเผยแพร่ผ่านวารสารชื่อดังต่างๆมากมายให้เราได้อ่าน แถมยังเป็นคนที่เขียนหนังสือ “What Happens When We Die?: A Groundbreaking Study into the Nature of Life and Death” ที่มีชื่อเสียงโงดังก้องโลก นับจากวันนั้นเป็นต้นมาก็น่าจะได้ 25 ปี แล้วที่คุณหมอของเรานั้นได้ทำเรื่องนี้มา
และเมื่อล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้คุณหมอของเรานั้นก็ได้เอาผลงานวิจัยล่าสุดที่เขียนเอาไว้ออกมาเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับชม งานวิจัยชิ้นนี้นั้นเขียนเรื่องการรับรู้ของผู้ป่วยที่อยู่ในห้วงเวลาความเป็นและความตายอีกครั้ง โดยคราวนี้คุณหมอของเราพุ่งเป้าไปที่คนที่เคยมีประวัติได้รับการ CPR เนื่องจากหัวใจหยุดเต้นเป็นหลัก
สำหรับรายละเอียดและคำอธิบายในการทดลองจของคุณหมอในครั้งนี้นั้นคุณหมอได้ให้สัมภาษณ์และทำแบบทดสอบโดยอาสาสมัครที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 567 คน ที่เคยได้รับการ CPR ในโรงพยาบาล 25 แห่งทั่วสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีประสานกับโรงพยาบาลแต่ละที่ให้ติดตั้งเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองแบบพกพา (EEG)
เครื่องสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดระยะใกล้ (NIRS) และหูฟังบลูทูธที่ปล่อยเสียงพูดคำว่า “แอปเปิล-ลูกแพร์- กล้วย” เข้ากับผู้ป่วยที่เป็นอาสาสมัคร เพื่อวัดการทำงานของสมอง และวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในสมอง และการรับรู้เรื่องราวต่างๆตามขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ
“เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ผู้คนทั่วโลกมากกว่าล้านคนนั้นพูดว่า พวกเขาเหล่านั้นมีสติครบถ้วนทุกอย่างในช่วงเวลาที่พวกเขานั้นพบเจอกับความเป็นความตาย ถึงแม้ว่าแพทย์นั้นจะบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้สึกตัวแล้ว หรือพวกเขาเหล่านั้นเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม” คุณหมอแซมกล่าวถึงงานวิจัยของเขา ซึ่งข้อสังเกตนี้ก็ตรงกับผลการทดลองที่เจ้าตัวค้นพบว่า
อาสาสมัครที่ร่วมการทดลองมากกว่า 39 เปอร์เซ็นต์ เล่าให้ฟังว่าพวกเขาเหล่านนั้นจดจำช่วงเวลาที่หัวใจของพวกเขานั้นกำลังหยุดเต้นได้ และอาสาสมัครมากถึง 7 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังได้อย่างละเอียดว่าตอนที่พวกเขานั้นถูกสัมผัสของ CPR บนร่างกายเป็นแบบไหน
แถมพวกเขานั้นยังบอกว่าพวกเขานั้นมองเห็นว่าเจ้าหน้าที่นั้นเข้ามาทำการช่วยเหลือให้เขามีลมหายใจได้อีกด้วย แม้ผลการทดลองจะออกมาในทำนองนี้แต่ก็มีอาสาสมัครเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่จำได้ว่าหูฟังบลูทูธพูดคำว่า “แอปเปิล-ลูกแพร์- กล้วยระหว่างที่หัวใจหยุดเต้น
และถ้าดูผ่านการทำงานของสมองคุณหมอของเรานั้นยังได้เขียนอธิบายเอาไว้เพิ่มเติมพร้อมกับหลักฐานว่า สมองของมนุษย์ยังคงทำงานต่อไปอีกสักพัก หลังจากที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว โดยบางคนหัวใจบางคนอาจจะทำงานยาวนานถึง 1 ชั่วโมง และนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ข้อเท็จจริงดังกล่าวมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน
นอกเหนือจากคำบอกกล่าวที่อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ยังมีออาสาสมัครบางกลุ่มได้เล่าเรื่องลึกลับที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นให้ฟังอีกว่า พวกเขานั้นได้ยินเสียงเพลงเมื่อครั้งที่พวกเขานั้นยังเป็นเด็ก บางคนนั้นก็บอกว่าได้กลับไปยังที่ที่ตัวเองผูกพัน รวมไปจนถึงการได้ยินเสียงเรียกจากคุณย่าผู้ตายจากไปแล้วให้กลับเข้าร่าง เป็นต้น
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจมากเท่าไหร่หลังจากที่ผลงานการทดลองของคุณหมอถูกเผยแพร่ออกมา แล้วมันไปเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจและถูกพูดถึงเป็นวงกว้างขวาง และถูกนำไปเป็นหัวข้อถกเถียงเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะผลงานวิจัยที่คุณหมอนำเสนอสามารถนำเอามาเป็นชุดความรู้ที่นำมาประยุกต์
และสามารถเอามาทำความเข้าใจในสภาวะระหว่างความเป็นและความตายของมนุษย์ได้อย่างมีประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่างานวิจัยนี้จะมีแต่เรื่องราวที่น่ายินดีปรีดามากมาย เพราะในอีกด้านความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญก็ได้ออกมาแย้งและตั้งคำถามถึงหลักจริยธรรม ในการทำการทดลองกับผู้ป่วยของหมอแซมเช่นเดียวกันว่าเหมาะสมหรือไม่
แม้คุณหมอของเราจะออกมาชี้แจงว่าการติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวที่เธอทำ ไม่เป็นการรบกวนแพทย์ที่ทำการช่วยชีวิตผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะนักจิตวิทยาก็ยังออกมาตั้งคำถามรวมถึงแนะนำว่า การทดลองที่กระทบกับชีวิตและความรู้สึกขนาดนี้ คุณหมอควรมีมาตรการรองรับหรือการให้คำปรึกษาทางด้านจิตวิทยาตามหลังด้วย
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์