ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ “ซูชิ” แต่เลือกกินแค่ “เนื้อ” ไม่กิน “ข้าว” ร้านจะปรับยังไม่ยอม

ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ซูชิ เหมือนมากิน “ซาซิมิ” แต่เลือกกินแค่ “เนื้อ” ไม่กิน “ข้าว” พอร้านจะปรับยังไม่ยอมให้ปรับแต่เตือนแล้วกลับไม่ฟัง ทำเจ้าของร้านเอือมระอาหนักมาก ข่าวเด่นออนไลน์  จนได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมาเล่าให้ชาวเน็ตได้ฟังว่าควรจะทำยังไงดีซึ่งชาวเน็ตแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาเห็นต่างก็เห็นใจเจ้าของร้าน

ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ซูชิ เหมือนมากิน “ซาซิมิ” ทำเจ้าของร้านเอือมหนักมาก

เรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้นั้นเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางเพจ Facebook ที่เป็นของร้าน Shabu Chain ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้าน ที่เป็นพฤติกรรมของลูกค้าที่ไปทานอาหารที่ร้านแบบกินไม่อั้น โดยจากโพสต์นั้นได้เขียนจ้อความเอาไว้ประมาณว่า

อยากจะขอร้องคุณลูกค้าทุกท่านที่มาทานอาหารที่ร้านของเราว่า ให้ทานซูชิทั้งคำอย่าทานซูชิแค่หน้าเท่านั้น สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางร้านเป็นร้านอาหารแบบกินได้ไม่อั้นและมีการเสิร์ฟซูชิหน้าเนื้อ วันนั้นมีลูกค้าคนหนึ่งสั่งซูชิหน้าเนื้อมาทาน 10 ชิ้น เราก็ให้บริการเป็นปกติ แต่พนักงานสังเกตเห็นว่าทางลูกค้ากินแต่หน้ากินข้าวจึงเข้าไปเตือน

ซึ่งลูกค้านั้นก็ไม่ได้สนใจในคำเตือนนั้นพร้อมกับออเดอร์ซูชิมากินเพิ่มแล้วทำแบบเดิมซ่ำๆ พอถึงเวลาคิดเงินทางร้านเลยคิดเงินค่าปรับลูกค้าเพิ่มเป็นจำนวน 50 บาทต่อ 1 ขีด ที่คิดเงินเพิ่มนั้นทางร้านได้แจ้งลูกค้าไปแล้ว แต่ลูกค้านั้นไม่ทำตามและต่อว่าร้านเสียๆหายๆต่อ บอกว่าทางร้านไม่แจ้งว่าต้องกินซูชิทั้งคำห้ามกินแต่เนื้อ

แถมยังแถต่อว่าไปกินที่ไหนก็กินแบบนี้ไม่เห็นมีปัญหาไปทานสาขาอื่นก็ทิ้งแบบนี้ไม่เห็นถูกปรับเงินเพิ่มแบบนี้เลย สุดท้ายเข้าลูกค้าก็ยอมให้ร้านปรับเงินเพิ่มแค่หนึ่งร้อยบาทเท่านั้น อยากบอกว่าลูกค้าไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้เลย เพราะมีร้านอาหารเหมือนกันน่าจะทราบดีว่ามันน่าเศร้ามากแค่ไหน ทางร้านไม่ว่าถ้ากินไม่หมดบ้างเพราะข้าวเยอะแต่ไม่ใช่เลือกกินแบบนี้

แต่ที่ลูกค้ามาทำพฤติกรรมแบบนี้มันทำให้ร้านนั้นเดินหน้าต่อไม่ไหว ดังนั้นจึงอยากขอร้องลูกค้าที่ทานอาหารแบบสั่งไม่อั้นให้เห็นใจทางร้านด้วย เศรษฐกิจแบบนี้ ต้นทุนของสูงอย่างนี้มันน่าเศร้าใจมาก และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายต้นทุนและข้าวที่ผลิตเป็นอย่างมาก

เรื่องราวดังกล่าวหลังถูกเผยแพร่ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาคอมเม้นต์เห็นอกเห็นใจเจ้าของร้าน บางคนนั้นก็สอบถามว่าเหตุการณ์แบบนี้สามารถแจ้งความเอาผิดได้หรือเปล่า แล้วก็มีคนมาตอบว่าได้แต่เป็นแพ่ง แต่จะได้รับเงินชดเชยเท่าที่เสียหายไป ก็ได้แค่ค่าปรับคืน นอกจากจะสามารถพิสูจน์เจตนาได้ว่าตั้งใจเข้ามากินฟรี หรือ จงใจไม่ยอมจ่ายเงินถึงจะเป็นโทษอาญา

บางคนนั้นก็ต่อว่าลูกค้าว่ามีความคิดที่แย่มากๆ ที่คิดว่าเสียเงินแล้วสามารถทำได้ตามใจชอบ คนแบบนี้มีเป็นจำนวนมาก คนประเภทนี้ต้องไปทานลาคาทแหล่ะถูกต้องแล้ว มันไม่มีวิธีใดทำให้ร้านก้าวต่อไปได้เลย นอกจากเงินสังคมและสิ่งแวดล้อมที่บ้านสำคัญ ได้รับการเลี้ยงดูแบบไหน ก็คงทำออกไปแบบนั้น..คนแบบนี้เปลี่ยนยากมันติดอยู่ในก้นบึ้งของสันดานแล้ว

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมต่อได้ที่นี่