รัฐบาลต้องรับผิดชอบ! ไม่ใช่วัคซีนแล้วเป็นเพราะอะไร? ผัวตายฟรี แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว! หลังเข้าฉีด “ซิโนฟาร์ม” ไม่สบายจนเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 08.00 น.ผู้สื่อข่าวออกรายงาน เมียชายวัย 47 ปีร้อง รัฐบาลต้องรับผิดชอบ! ผัวฉีด “ซิโนฟาร์ม” เสียชีวิตทั้งนี้ก่อนหน้าการฉีดร่างกายก็ได้แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวแม้แต่น้อย เมียผู้ตายเสียใจมาก ร้องรัฐบาลต้องรับผิดชอบให้เงินเยียวยาเลี้ยงบุตร

รัฐบาลต้องรับผิดชอบ! เยียวยาส่งเสียเงินเลี้ยงบุตร เมียร้องผัวตายเพราะฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม”

รัฐบาลต้องรับผิดชอบ! นางสาวจันทร์เพ็ญ วัย 41 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ทำให้ผู้เป็นเมียและพี่ชายของผู้ตาย นายชัชวาลพี่ชายได้ร่วมมือกันกับนางสาวจันทร์เพ็ญ เพื่อเรียกร้องขอความรับผิดชอบจากรัฐบาล และเงินเยียวยาที่ตนควรจะได้รับผ่านไปทางผู้สื่อข่าว

นายอรรถพงษ์ วัย 47 ปี ผู้ตายที่มีอาชีพเป็นเจ้าพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เดินทางไปเข้ารับการฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ตามนโยบายของทางบริษัทตามมาตรการรัฐ ซึ่งเทศบาลได้จัดหน่วยงานเพื่อมาให้บริการ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา

เมื่อฉีดวัคซีนเสร็จนายอรรถพงษ์ ได้เดินทางกลับมาพักต่อที่บ้าน เนื่องจากที่ฉีดวัคซีนมาได้ไม่นานนั้นเอง นายอรรถพงษ์ ได้มีอาการป่วยไม่สบายเกิดขึ้น คือ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการของไข้หวัด แต่ก็ไม่คิดมาจะมีอะไรมากเดียวคงหายเลยไม่ได้ไปหาหมอ จนเวลาล่วงเลยไปถึงวันที่ 3 ต.ค. 64 นายอรรถพงษ์ มีอาการทรุดลงอย่างหนัก เนื่องจากได้เป็นลมล้มทั้งยืน เมื่อนำส่งไปเพื่อหวังจะได้รักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่นายอรรถพงษ์ก็ได้เสียชีวิตลงแล้วในเวลาต่อมาเพียงไม่นาน

นายอรรถพงษ์ ผู้ตายและนางจัสาวนทร์เพ็ญ ภรรยาผู้ตาย ได้มีบุตรร่วมกันเป็นจำนวน 3 คน ลูกคนโตกำลังศึกษาที่ชั้น ม.4 แต่อีก 2 คนยังเป็นเด็กเล็ก เวลาวิกฤติเช่นนี้ต้องมาสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป

นางสาวจันทร์เพ็ญ ได้ออกมาเล่าว่าสามีของตนเป็นคนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสามีก็ไม่ได้มีโรคประจำตัวแต่อย่างไร แต่พอเข้าฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มสามีต้องมาเสีชีวิตลง ตนอยากจะให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบที่มาสาเหตุของการตายโดยละเอียด และถ้าหากว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงเพราะการฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ตนอยากให้ทางภาครัฐฯออกมาแสดงความรับผิดชอบพร้อมเยียวยาให้ครอบครัวของตนด้วย ตนเสียสามีขาดเสาหลักต้องการเงินเพื่อมาดูแลบุตรอีกทั้งหมด 3 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางสาวจันทร์เพ็ญได้เดินไปเคาะที่โลงศพของสามี ก่อนเอ่ยปากบอก “ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วนะ จะดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด” ทั้งนี้ นางสาวนจันทร์เพ็ญและบรรดาญาติมิตรได้ร่วมตัวกันนั่งเป็นกลุ่มใหญ่หน้าโลงศพ ซึ่งตั้งสวดอภิธรรมที่วัด วัดหนองแช่แว่น ตำบลมาบโป่ง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่อจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ ทั้งนี้ภรรยาได้เคาะโลงศพสามีบอกว่าไม่ต้องห่วงอะไรจะดูแลลูกให้ดีที่สุด และตนเองและญาติพี่น้องคนภายในครอบครัวจะร้องเรียนความเป็นธรรมให้จนถึงที่สุด