อีกไม่นานเกินรอ!! เราจะได้ชิม “ชีสเค้ก 3D” ที่ผลิตมาจาก 3D Printer

ชีสเค้ก 3D ที่นักวิจัยทดลองทำขึ้นมาจาก “เครื่องปรินต์ 3 มิติ” ได้สำเร็จ คาดการณ์ว่าอีกไม่นานเกินรอ!! อนคตเราอาจจะได้กิน อาหาร ผ่านการปริ้นออกมาเลยก็เป็นไปได้ บอกเลยใครที่สนใจเรื่องนี้อยู่ต้องห้ามพลาดแล้วตามมาดูเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูไปพร้อมกันได้เลยที่ด้านล่างนี้

ชีสเค้ก 3D  สำเร็จแล้ว หลังนักวิจัยทดลองผลิตด้วย “เครื่องปรินต์ 3 มิติ” ได้สำเร็จ

หากใครจำได้เมื่อไม่นานที่ผ่านมาได้มีทีมวิจัยจาก Columbia University in the City of New York เคยทดลองทหุ่นเลเซอร์ฆ่ายุงออกมาโชว์ว่า เราสามารถเอา ser technology และระบบ AI ตรวจจับยุงมาผสมกันสร้างเป็นเครื่องจักรฆ่ายุงให้ตายได้ ซึ่งครั้งนี้นักวิจัยเจ้าเก่าก็กลับมาสร้างงานวิจัยใหม่อีกรอบ แต่กลับมาด้วยการทดลองทำ ‘เค้ก’ ด้วยเครื่อง 3D Printer ซึ่งไอเดียก็คือ ใช้ส่วนผสมเบสิกทั่วไปมาลองทำเค้ก 3 มิติ ซึ่งวัตถุดิบก็ได้แก่

1. เกรแฮมแครกเกอร์
2. เนยถั่ว
3. เยลลี
4. นูเทลลา
5. กล้วยบด
6. ครีมน้ำตาล
7. ซอสเชอร์รี

โดยขั้นตอนการผลิตนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากแค่เอาส่วนผสมดังกล่าวนั้นมาใช้เป็น ‘หมึก’ ของ 3D Printer แล้วก็ออกแบบให้พิมพ์ออกมาตามที่เราต้องการ เอาจริงๆ มันฟังดูเหมือนง่าย แต่การทำเค้ก 3D ไม่ได้ง่ายเหมือนที่ปากพูด เพราะส่วนผสมบางอันนั้นมันคือน้ำ นักวิจัยจึงต้องออกแบบเค้กนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้ส่วนผสมดังกล่าวสามารถก่อเกิดเป็นตัวเค้กขึ้นรูปได้

ซึ่งหลังจากที่ทำอยู่นับครั้งไม่ถ้วยสุดท้ายมันก็สำเร็จ และมันก็ไม่ใช่แค่เค้กที่ทำมาจาก 3D Printer เพราะมันต้องผ่านขั้นตอนการอบด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อให้เค้กสุกและกินได้  แน่นอนว่ามันต้องชิมก่อนว่ามันให้รสชาติอย่างไร (เพราะมันเป็นเค้ก) ซึ่งถามว่าอร่อยไหม คนที่ได้ลองกินก็จะบอกว่ามันแปลกประหลาดแบบที่ไม่เคยกินมาก่อน

แล้วนักวิจัยเขสจะทำแบบนี้ไปทำไม? 

คือนักวิจัยมองว่าอีกไม่กี่ปีมนุษย์น่าจะพิมพ์อาหารออกมากินได้เหมือนในภาพยนตร์ที่เราเคยได้รับชม  และในโลกของความเป็นจริงอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มันก็มีการพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printer ออกมาอยู่ ถ้ามองการไกลคือเราต้องเริ่มคิดแล้วว่าเมนูอะไรที่จะพิมพ์ออกมากินได้ด้วย 3D Printer

เพราะการทดลองของนักวิจัยนั้นแค่ผลิตเค้ก 3D ขึ้นมานั้นมันยังทำได้ยากเย็นแสนเข็ญมากๆ เพราะมันต้องออกแบบมาให้เหมาะกับขั้นตอนการทำด้วย ไม่ใช่คิดจะทำอาหารหน้าตาแบบอาหารปกติก็ทำได้เลย ซึ่งทางนักวิจัยนั้นบอกว่าในอนาคตเจ้า 3D Printer นั้นน่าจะสร้างสมดุลทางโภชนาการให้เราได้

เพราะการทำอาหารในแบบที่กล่าวมานั้นมันสามารถบอกเราได้ว่า ในแต่ละมื้อแต่ละคาบนั้นเรากินอะไรลงไปเท่าไหร่ และมันมีคุณค่าทางอาหารบอกได้เลย ซึ่งในทางปฏิบัติคือมันจะทำให้รู้ว่าเราต้องการสารอาหารตัวไหนบ้าง แล้วระบบก็จะแนะนำอาหารที่เรากินแล้วจะได้รับสารอาหารที่ขาดไป

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่