ศรีสุวรรณ “ถูกชก” ปากแตก อีกแล้ว!! ครั้งนี้เจอ “ซัด “เลือดออกปาก หน้า กกต.

ข่าวเด่นออนไลน์ ศรีสุวรรณถูกชกปากแตก อีกแล้ว!! ครั้งนี้เจอลุงวัย 67 ปี “ซัด “เลือดออกปาก อยู่ที่หน้า กกต. พร้อมกับตะโกนด่าออกมาอย่างเสียงดังฟังชัดว่า “ไอ้เXย ร้องมั่วซั่ว” บอกเลยเรื่องนี้ทำเอาชาวเน็ตฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่พี่ศรีนั้นถูกบุกเข้าไปทำร้ายร่างกาย

ศรีสุวรรณถูกชกปากแตก ลุงปริศนาต่อยแล้วด่าเสียงดังฟังชัดว่า “ไอ้เXย ร้องมั่วซั่ว”

เปิดนาทีสุดลุ้นระทึกใจหลังจากมีลุงวัย 67 บุกเข้าไปต่อยหน้า พี่ศรีสุวรรณ จนปากแตก พร้อมตระโกนด่าเสียงดังฟังชัดว่า ร้องมั่วร้องซั่ว ประเทศกำลังจะมีประชาธิปไตย ขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่าง ค่าไฟแพงทำไมไม่ร้อง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 11.15 น.

Facebook ที่ใช้ชื่อว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว นั้นได้นำเรื่องราวที่เราเกริ่นมาให้ฟังเมื่อตอนต้นลงในไทมไลน์ว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางมายังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าพบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่ออธิบายรายละเอียดและยื่นเอกสารจากประเด็นนโยบายเงินออนไลน์ของพรรคเพื่อไทย แล้วให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลายช่อง

ให้ตอนที่พี่ศรีนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับสื่อก่อนที่จะแยกย้ายกันไป นายทศพล ธนานนท์โสภณกุล ลุงปริศนาวัย 67 ปี บุกเข้ามาต่อยหน้า พี่ศรี เต็มคาราเบล พร้อมตะโกนด่าอย่างเสียงดังฟังชัดแบบโมโหมากสุดว่า ไอ้ร้องตะพึดตะพือเอ้ย ไอ้เหี้น เป็นประชาธิปไตยร้องตะพึดตะพือ ไอ้เหี้ย ไปร้องสิ ค่าไฟฟ้าขึ้นราคา 55555

หลังจากลุงด่าพี่ศรีเสร็จแล้วด็พยายามจะเดินเข้าไปหาพี่ศรีอีกรอบแต่เข้าหาไม่ได้ เพราะมีคนกันเอาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางฝั่งขอพี่ศรีนั้นก็บอกว่า มันเป็นสิทธิของประชาชน แล้วคุณเป็นใครมาต่อยผมแบบนี้ ลุงคนดังกล่าวนั้นก็ถามกลับไปว่า แล้วมึงเสียหายเรื่องอะไร เป็นผู้เสียหายหรอ ไอ้เหี้ย กูเป็นประชาชน ไอ้ เหี้ย ร้องทุกพรรคเลย

ทางด้านพี่ศรีก็ถามกลับว่าคุณนั้นมาต่อยผมทำไม ซึ่งทางลุงคนดังกล่าวนั้นก็ให้เหตุผลว่า พี่ศรีนั้นมาร้องเรียนคนอื่นมั่วซั่วไปหมด ด้านพี่ศรีก็บอกว่ามันเป็นสิทธิ์ที่พี่ศรีนั้นสามารถร้องหรือทำได้ พร้อมถามว่าคุณนั้นมีสิทธิ์อะไรมาต่อยหนน้า ซึ่งทางลุงนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็ทำท่าจะวิ่งเข้าหาพี่ศรีอีกรอบ 55 แต่ถูกสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันเอาไว้

จากนั้นก็ได้แยกทั้งสองคนนั้นให้ห่างออกจากัน ซึ่งลุงคนดังกล่าวนั้นก็ยังไม่วายตะโกนด่าพี่ศรีอย่างต่อเนื่องว่า ดีแต่ร้องพรรคนั้นพรรคนี่ร้องอย่าโน่นอย่างนี้ ร้องมั่วร้องซั่ว พี่ศรีของเรานั้นก็ไม่ยอมพร้อมตะโกนกลับมาว่าไปเจอกันที่ศาล และหลังจากสถานการณ์ยุติลงพี่ศรีของเรานั้นก็อยู่ในโหมดตกอกตกใจ พร้อมกับถอดหน้ากากอนามัยออกให้นักข่าวดู

ก่อนจะพบว่ามมีเลือดออกมาจากที่บริเวณริมฝีปากล่าง พร้อมกับบอกว่าจะไปแจ้งความที่โรงพักทุ่งสองห้อง เพราะพี่ศรีไม่เคยเจอลุงคนดังกล่าวเลย พร้อมจะให้ไปคุยกันที่ศาล ส่วนทางด้านลุงคนดังกล่าวนั้นก็ได้บอกสาเหตุที่ต่อยพี่ศรีว่าเป็นเพราะ ไม่พอใจพี่ศรีที่ชอบร้องเรียนมั่วซั่วไปหมด และร้องเรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเพื่อไทย

ซึ่งเรื่องที่พี่ศรีนั้นร้องมันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ควรปล่อยให้เขาไปใช้สิทธิ์เอง จะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของ กกต. และที่ลุงนั้นใช้วิธีดังกล่าวเป็นเพราะว่าลุงนั้นไม่เห็นด้วยที่มาร้องคนอื่นเขาแบบนี้ ส่วนก่อนเกิดเรื่องนั้นลุงมาทำธุระพอดี ไม่ได้มาดัดรอ พอเห็นหน้าความโกรธมันก็ปะทุขึ้น เพราะชอบร้องไม่เข้าเรื่อง เรื่องที่ไม่พอใจที่สุดคือ

ตอนนี้เป็นประชาธิปไตยกำลังหาเสียงเลือกตั้งกันอยู่อย่าไปหาเรื่องหาราว เพราะมันไม่ควรเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องที่พี่ศรีนั้นจะไปแจ้งความก็เชิญไปทำเลย เพราะมันคุ้มค่ากับที่ไปร้องคนอื่นร้องพิธา และก็อยากจะถามให้รู้เลยว่ารับจ้างมาร้องหรือเปล่า ลุงยังบอกอีกว่า ผิดก็ว่าผิดว่าไปตามกฎหมาย เพราะคนแบบนี้ไม่ควรอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองไม่ชอบ

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ กกต. ก็นำตัวของบุคคลดังกล่าวเข้ามารอในห้องพักของสำนักงาน เพื่อรอให้ปากคำพนักงานสอบสวน โรงพักทุ่งสองห้อง หลังจากที่พี่ศรีแจ้งความไปแล้ว ทางด้านพี่ศรีนั้นเตรียมเรียก 1 ล้านบาท กับลุงคนที่ต่อยพี่ศรีจนเลือกกบปาก ไม่รับคำขอโทษเอาเป็นเงินเท่านั้น

นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่โรงพัก กับลุงคนดังกล่าวที่บุกเข้ามาต่อยพี่ศรีที่หน้า กกต. จนเลือดกบปาก หลังจากที่ไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา

พี่ศรีนั้นได้บอกว่าพี่ศรีได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว พร้อมจะดำเนินคดีอาญากับลุงคนดังกล่าว ในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยหลังจากนี้ก็จะไปพบโรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายและจะนำใบรับรองแพทย์มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบสำนวนคดี โดยเรื่องดังกล่าวนี้ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับพี่ศรีอีกเป็นครั้งที่สอง

ที่ผ่านมามีการร้องเรียนให้ทางการนั้นตรวจสอบ เป็นสิทธิของทุกคนที่สามารถทำได้ ซึ่ง สำนักงานกกต. ก็มีทั้งประชาชน รวมไปถึงนักการเมือง มาร้องเรียนอยู่เกือบทุกวัน การทำร้ายร่างกายคนอื่นตามสถานที่ต่างๆ ถือว่าไม่เคารพสิทธิ์ของบุคคลอื่น ส่วนตัวก็กลัวว่าจะมีการก่อเหตุไปมากกว่านี้ แต่หลังจากนี้ก็เตรียมจัดทีมรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น

สำหรับลุงคนดังกล่าวนั้นก่อนหน้านี้เคยเห็นไปตามสถานที่ที่ร้องเรียนมากมายมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งบางครั้งก็เข้ามาถ่ายรูปคล้ายกับนักข่าวหรือสื่อ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมาก่อเหตุแบบนี้ ส่วนคดีก่อนหน้านี้ที่ถูกลุงอีกคนเข้ามาวางมวย ใยตอนนี้กำลังร้องเรียนที่กองปราบปราม เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ศาลได้เรียกคู่ความมาตกลงค่าเสียหายทางแพ่งแล้ว

โดยพี่ศรีนั้นเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท เพราะว่ามันทำให้ความรู้สึกของพี่ศรีนั้นย่ำแย่ และเป็นบุคคลที่ประชาชนรู้จัก ซึ่งมาก่อเหตุต่อหน้านักข่าวแถมลงบนโลกออนไลน์ ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม แถมคนที่มาททำร้านพีศรียังได้รับเงินจำนวนมากจากประชาชนที่โอนมาให้ แต่กลับไม่ยอมจ่ายเงินให้ตามที่ร้องขอไป

พร้อมบอกอีกว่าจะไม่ยอมโอนเงินจ่ายที่เรียกไปให้พี่ศรี ทางพี่ศรีนั้นก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายแบบที่ไม่ยอมความเด็ดขาก ส่วนคดีนี้ยังต้องประเมินด้านความเสียหายก่อน แต่จะเรียกค่าเสียหายก่อนเลย 1 ล้านบาท  และไม่รับขอโทษจากคนที่มาต่อยเด็ดขาก และขอดำเนินคดีจะเอาเรื่องในศาลเท่านั้น

ส่วนการตั้งคำถามจากประชาชนว่าทำไมถึงไม่ร้องเรียนเรื่อง การฉายข้อความหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ บนสะพานพระราม 8 ให้ กกต.ตรวจสอบ พี่ศรีบอกว่า ได้เขียนข้อความใน Facebook ส่วนตัวไปแล้ว ว่าสำนักงาน กกต. ได้ทำเรื่องบอกพรรคเพื่อไทยไปแล้วว่า การยิงเลเซอร์หาเสียง ในรูปแบบดังกล่าวไม่ผิดข้อกำหนด

ดังนั้นจึงไม่ร้องเรียนในเรื่องนี้ สำหรับการถูกทำร้ายร่างกายในตอนที่ไปร้องเรียนกับทางการมาแล้วถึง 2 พี่ศรีนั้นก็บอกอีกว่า ก็จะเดินหน้าร้องเรียนเรื่อยๆ ไม่หมดหวังไม่หมดกำลังใจ แต่ยังจะเพิ่มการร้องเรียนต่อไป เนื่องจากเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่สามารถทำได้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่