Thursday, 21 November 2024

7 ตำนานสถานที่ เรื่องสุดแปลก ที่สุดความลึกลับของโลก

เรื่องลึกลับ 7 ตำนานสถานที่ เรื่องแปลกที่ลึกลับของโลก “ตำนาน” คือ เรื่องเล่าขานซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยในการถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และเรื่องราวที่เล่าจะสะท้อนให้เห็นถึง วิถีชีวิต  ความเชื่อ ความคิด และรวมไปถึงประเพณีในด้านต่างๆของมนุษย์ในยุคอดีหรือยุคโบราณ

สล็อต xo Slotxo

7 ตำนานสถานที่  เรื่อง “ลึกลับของโลก” ความคิด ความเชื่อ ประเพณี ที่สืบทอดจากคนยุคอดีตเรื่องเล่าที่เหนือจิตนาการ

7 ตำนานสถานที่ ที่ถูกถ่ายทอดจากเล่าทางความเชื่อ ความคิด จนกลายเป็นประเพณีที่ถูกสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ได้ และอาจมีหลักฐานหรือไม่มีก็ได้ เมในส่วนของอดีตนั้น มีตำนานอยู่มากมายหลายเรื่องหลายสถานที่ และทุกสถานที่ทุกเหตุการณ์นั้นมีจุดกำเนิดที่น่าเหลือเชื่อ เกิดกว่าที่มนุษย์จะสามารถจิตนาการได้ และก็ได้กลายเป็นเรื่องเล่าที่คนยุคอดีตเล่าสืบต่อกันมาจนถึงคนยุคปัจจุบัน วันนี้เราก็จะมาฟังเรื่องราว 7 ตำนานสถานที่แปลกที่ เรื่อง ลึกลับของโลก

1.Chocolate Hills , Philippines

1.Chocolate Hills , Philippines

Chocolate Hills ได้เกิดขึ้นเรียงรายครอบคลุมพื้นที่กว่า 50 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสถานที่นี้จะประกอบไปด้วยเนินเขาในรูปแบบเดียวกันในจำนวนกว่า 1,200 ลูก และเนินเขาทั้งหมดอยู่ท่ามกลางหญ้าสีเขียวที่ขึ้นโดยรอบ ส่วนเนินเขาทั้งหมดจะมีการเปลี่ยนสีกลายเป้นสีน้ำตาลในช่วงฤดูแล้ง และตำนานได้เล่าว่า “เมื่อนานมาแล้ว มีควายยักษ์ตัวหนึ่ง ที่มีขานดเท่าเนินเขาได้เดินเข้ามากัดกินพืชพันทางการเกษตรของชาวบ้าน จนพืชทั้งหมดที่ชาวบ้านปลูกพังเสียหาย จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดจึงได้ช่วยคิดหากลอุบายโดยได้หาอาหารบูดและอาหารเน่าเสียกองโต เพื่อนำมาให้ควายยักษ์ตัวนั้นกิน จากนั้นควายยักษ์ก็ได้กลืนกินอาหารทั้งหมดด้วยความตะกะจนได้เกิดมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และได้วิ่งรนรานทิ้งกองอุจจาระไปทั่ว และเมื่ออึจจาระของควายยักษ์ได้แห้งลงก้ได้กลายเป็นเนินเขา”

2.Tsingy , Madagascar

2.Tsingy , Madagascar

พื้นที่ที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทางทิศตะวันตกของ Madagascar ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาหินปูนที่ชื่อว่า  Tsingy ภุเขาหินปูนนี้มีรูปร่างประหลาดและมีความแหลมคมดูลักษณะคล้ายกับเข็มยักษ์ ตำนานได้เล่าสืบทอดกันมาว่า “ซิฟากา ที่เป็นสัตว์ในตระกูลลีเมอร์และได้มีการอาศัยอยูที่ Madagascar สัตว์ตัวนี้ได้รับของขวัญชิ้นพิเศษจากเทพเจ้าแห่งจันทรา ที่ได้มีการเนมิตสีขนซิฟากาให้เปล่งประกายราวกับแสงจันทร์จึงทำให้พวกมันในความสง่างาม และในขณเดียวกันขนเรืองแสงที่มีลักษณะอันโดดเด่นนั้นก็ได้ทำให้ซิฟากาเป็นที่ผิดสังเกตและสามารถมองเห็นได้ง่ายสร้างความไม่ปลอดภัยแก่ตัวเจ้าซิฟากาจากเนื้อมือของเจ้าฟอสซาแมวนักล่า จนสุดท้ายบรรดาซิฟากาก็ได้ถูกกำจัดทิ้ง ในส่วนของซิฟากาที่มีชีวิตรอดก็ได้หาที่หลบภัยแห่งใหม่ในป่าหินปูน และซิฟากาที่เหลือก็ได้ทำของความช่วยเหลือจากเทพแห่งจันทราอีกครั้ง และเทพแห่งจันทราก็ได้ประทานพรให้ป่าหินที่แสนจะธรรมดาให้กลายเป็นป่าหินปูนเข็มยักษ์ซึ่งหินต่างๆจะมีความแหลมคมมาก Tsingy ได้จัดว่าเป็นสถานที่ที่ปลออดภัยแต่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ง่ายเช่นกัน”

3.Bear Rock , USA

3.Bear Rock , USA

Bear Rock เป็นภูเขาหินขนาดยักษ์ หรือ กล่าวขานกันในชื่อ “อนุสาวรีย์ปีศาจ” ซึ่งตั้งอยู่สูงตระหง่านจากพื้นดินและมีพื้นผิวที่มีความประหลาด เพราะหินโดยรอบมีลักาณะเป็นร่องลึกยาวเป็นเส้น และในตำนานได้เล่าต่อกันมาว่า “เมื่อนานมาแล้ว มีเด็กผู้หญิงจำนวน 7 คน ได้เข้าไปวิ่งเล่นอยู่ภายในป่าและได้ถูกไล่ล่าจากกลุ่มหมียักษ์ เด็กหญิงทั้งหมดได้พากันนี้ โดยการปีนขึ้นไปบนเนินหินก้อนหนึ่ง ขณะเดียวกันหมียักษ์ก็ได้ตามมาติดๆ ได้ใช้กรงเล็บของมันจิกเพื่อปีนตามเด็กหญิง เด็กหญิงทั้ง 7 ชวนกันสวดมนต์เพื่อขอวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่ช้าก็เป็นผลอำนาจลึกลับได้เสกให้ภูเขาก้อนเล็กนั้นให้กลายเป็นภูเขาสูงเทียบฟ้า จนหมียักษ์ลื่นตกลงไปที่พื้นดินทีละตัวและฝากไว้เพียงรอยเล็กที่รอบด้านภูเขา เมื่อภูเขาสูงจนเด้กหญิงทั้ง 7 ขึ้นสู่ท้องฟ้าไปก็ได้กลายร่างเป็นกลุ่มดาว 7 Sisters หรือกลุ่มดาวลูกไก่ ”

4.Socotra Island , Yemen

4.Socotra Island , Yemen

Socotra Island เป็นอีกสถานที่ที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่าหายากจำนวนกว่า 700 ร้อยสายพันธุ์ และตำนานที่เล่าต่อกันมาว่า “พระเจ้าได้สร้างโลกใหม่ที่ได้สร้างเกาะเล็กกลางทะเลอาหรับที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ สัตว์ต่างๆที่ลักษณะสวยงามและเป็นที่น่าหลงใหล และสัตว์ที่พระเจ้าบรรจงสร้างให้มีความงดงามที่สุดคือ มังกร  ซึ่งสามารถเรียกได้ว่ามังกรนั้นคือราชาแห่งเกาะ รูปร่างอัศจรรย์แต่มีพลังกำลังที่โหดร้าย หลังที่พระเจ้าสร้างเกาะนี้ถัดไปหลายปี ก็ได้ลงมาเยี่ยมชมเกาะแต่ต้องตกใจเพราะไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดเหลืออยู่ เนื่องจากสัตว์ต่างๆได้ถูกเจ้ามังกรเขมือบกินไม่เหลือแม้แต่ซาก พระเจ้าได้มีความโกรธจึงได้เสกเจ้ามังกรตัวยักษ์ให้มันกลายเป็นต้นไม้ ซึ่งปัจจุบันเราเรียกต้นไม้ดังกล่าวว่า Dragon Tree และเมื่อเราตัดกิ่งไม้หรือเปลือกไม้ชนิดนี้เราก็จะเห็นมีสีคล้ายเลือดไหลออกมา โดยมีความเชื่อมาของเหลวที่ไหลออกมานั้นเป็นเลือดออกมังกร”

5.Uluru , Australia

5.Uluru , Australia

Uluru เป็นโขดหินลักษณะสีแดงที่มีก้อนใหญ่ขนาดมหึมาได้ตั้งอยู่ใจกลาง Australia ตาม ตำนานได้เล่าว่า “เมื่อครั้งอดีตชนเผ่าที่มาอาศัยบริเวณนั้นกำลังจะตาย เพราะสภาพอากาศที่ร้อนระอุของทะเลทราย แสงจาดวงอาทิตย์สาดส่องมาทำแรงจนทำให้น้ำแห้งเหือด ชนเผ่ามนุษย์จึงได้มีการสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าแห่งสายฝน และด้วยความเมตตาเทพเจ้าแห่งสายฝนได้ให้สัญญากับมนุษย์ว่าจะสร้างทะเลสาบที่กว้างใหญ่ที่ซึ่งไม่ให้แสงแดดสิ่งถึง จนปล่อยสายฝนตกมาให้เกิดก้อนหินยักษ์ขนาดมหึมากลางทะเลทราย”

6.Cave of Crystals , Mexico

6.Cave of Crystals , Mexico

Cave of Crystals ถ้ำหินคริสตัล ซึ่งถ้ำแห่งที่จะประกอบไปด้วยหินคริสตัลธรรมชาติที่มีขนาดที่สุดในโลก และจะส่องสว่างเนื่องจากมีแร่ยิปซัม ทั้งนี้ แท่งคริสตัลยังมีความยาวมากถึง 36 ฟุต ตำนานได้เล่าว่า “เมื่อนานมาแล้ว มีชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง ได้ช่วยชีวิตเด็กหญิงนางหนึ่งที่กำลังจะจมน้ำ และก็ต้องพบว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอคือเทพธิดาแห่ดวงดาว และเทพธิดาก็ได้มอบคริสตัลสิ่งของอันล้ำค่าให้แก่ชาวนาผู้ยากไร้ และด้วยความกลัวว่าจะมีคนมาปล้นแย้งขโมยไปชาวนาจึงได้ขอร้องต่อเทพธิดาให้ช่วยซ่อนคริสตัลไว้ในถ้ำลึก เมื่อเวลาผ่านไปชาวนาผู้ยากไร้ได้แก่ตัวลง พร้อมจำความจำที่ลืมเลือน จนเวลาเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ชาวนาได้ตัดสินใจเรียกญาติเพื่อมาบอกเรื่องสำคัญ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจำสถานที่ซ่อนคริสตัลได้จนสิ้นใจตาย”

7.Blue Hole , Belize

7.Blue Hole , Belize

หลุมสีฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหลุมลึกใจกลางทะเลและเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่บรรดานักดำน้ำต่างหลงไหล ตำนานเล่าว่า “เมื่อย้อนเวลากลับไปครั้งที่โลกยังถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ยังมีกลุ่มเสือเขี้ยว โหวง ที่ได้อาศัยอยู่ในถ้ำลึกโดยมันใต้หลุมน้ำนี้เพื่อเป็นสถานที่หลบภัยจากศัตรูจนได้เป็นที่อยู่อาศัยจากรุ่นสู่รุ่นต่อๆกันมา เวลาผ่านไปต่อจากนั้นอีก 1 ปี สัตว์อื่นที่ได้ผ่านมาที่ถ้ำก็ได้เอ่ยปากเตือนพวกเสือเรื่องภัยทะเลที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้ และเตือนกลุ่มเสือให้รีบย้ายถิ่นฐาน แต่พวกเสือเขี้ยวโหวงก็ไม่ได้เชื่อคำเตือนจากบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ และก็มีความมั่นใจเป็นอันมากว่าถ้ำที่ตนอาศัยอยู่มีความปลอดภัยแข็งแรง เวลาต่อมาอุณภูมิได้เพิ่มสูงขึ้นทำให้บรรดาสัตว์ต่างๆวิ่งหนีเพื่อหาที่อยู่ใหม่ แต่กลุ่มเสือได้นึกขำต่อการกระทำของบรรดาสัตว์รอบตัว และยังคงอาศัยอยู่ภายในถ้ำนั้นต่อไป จนกระทั่งเคราะร้ายเดินทางมาเยื่อน คลื่นยักษ์จากมหาสมุทรได้ซัดเข้าท่วมถ้ำที่พวกเสืออาศัยอยู่ทำให้เสือเขี้ยวโหวงจมหายไปพร้อมกับน้ำทะเล และถ้ำก็กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่กลางจากทะเล”