นักวิจัยชี้มี “ขยะ” ในมหาสมุทรเทียบเท่ากับ “รถยนต์” ประมาณ 1,200 คัน

นักวิจัยชี้มี ขยะในมหาสมุทร เกือบสองร้อยล้านชิ้นลอยละล่องอยู่ในทะเล คาดว่าน่าจะมีหนักมากกว่า 2.3 ล้านตัน เทียบเท่ากับรถจำนวนเกือบสองพันคัน Lifestyle และปัญหานี้จะร้ายแรงมากยิ่งขึ้นในอีก 17 ปีข้างหน้า ร้านจนอาจทำให้ขยะนั้นมีมากกว่าจำนวนปลาที่ลอยอยู่ในน้ำ

ขยะในมหาสมุทร มีมากกว่า 171 ล้านล้านชิ้น ล่องลอยอยู่ในทะเลหนักกว่า 2.3 ล้านตัน

ทุกคนทราบหรือไม่ว่าในตอนนี้มี ขยะมีพลาสติก ลอยละล่องมากมายอยู่ในท้องทะเลมากแค่ไหน แล้วคิดว่ามันจะเลวร้ายต่อโลกของเรามากเพียงใด!? ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยโดย scientist ชิ้นใหม่ชี้ให้เห็นว่าในเวลานี้มี ขยะ เกือบร้อยร้อนล้านล้านชิ้น ล่องลอยอยู่ที่ท้องทะเล อันกว้างใหญ่

จำนวนขยะพลาสติกที่กล่าวมาเมื่อข้างต้นนั้นมีน้ำหนักประมาณ 2.3 ล้านตัน ซึ่งถ้านำน้ำหนักดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับน้ำหนักรถที่เรานำมาใช้งานทุกๆวัน จะพบว่าน้ำหนักของขยะนั้นมันหนักมากกว่ารถประมาณ 1,200 คันเลยทีเดียว ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวนั้นเป็นงานวิจัยจากการวิเคราะห์โดย The 5 Gyres Institute

ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลนี้มาตั้งแต่ปี 1979 และป้อนข้อมูลใหม่เข้าไป ซึ่งได้มาจากการเก็บพลาสติกด้วยตาข่ายตามท้องทะเล ขยะดังกล่าวนั้นอยู่ใต้ท้องทะเลนั้นได้ทำการฆ่าสัตว์ใต้น้ำเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี โดยเหล่าสัตว์จะเข้าใจผิดว่ามันคือเหยื่อ จากนั้นก็จะอดอาหารตายเพราะขยะนั้นเข้าไปติดอยู่เต็มท้อง

แน่นอนว่าขยะดังกล่าวนั้นมันสามารถเข้ามาปนเปื้อนกับอาหารและน้ำดื่มของมนุษย์ได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังพบว่ามี Microplastics ในปอดและเส้นเลือดของมนุษย์ด้วย ขยะดังกล่าวที่อยู่ในท้องทะเล ส่วนใหญ่มีที่ไปที่มาจากบนพื้นโลกของมนุษย์ ที่ไหลลงไปในแหล่งน้ำเพราะลมเพราะฝนเพราะพายุ จากนั้นก็จะไหลลงไปสู่ทะเล เมื่อลงสู่มหาสมุทรแล้ว ก็จะไม่ย่อยสลาย

และมันจะสลายกลายเป็นเศษขยะชิ้นเล็กๆ ซึ่งงเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากในการจะเก็บกวดมันขึ้นมา และถ้าเราไม่รีบทำอะไร จำนวนขยะมหาศาลจากบนพื้นดินที่ไหลลงไปในน้ำก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2.6 เท่า ภายในปี 2040 และจนถึงตอนนั้น ก็อาจจะมีจำนวนมากกว่าปลาในมหาสมุทร

Richard Thompson ศาสตราจารย์จาก University of Plymouth บอกว่าพวกเรานั้นมีความเห็นที่เหมือนกันว่าในตอนนี้มีขยะจำนวนมหาศาลล่องลอยอยู่ในท้องทะเล และเราจำเป็นจะต้องเดินหน้าไปหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหลักๆ

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่