ทำไมคนเกาหลีรักแร้ “ไม่เหม็น” เขากำจัดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์นี้ได้ด้วยวิธีไหน!?

ทำไม Lifestyle คนเกาหลีรักแร้ไม่เหม็น เป็นเพราะอะไร!? แล้วเขากำจัดกลิ่นที่ไม่น่าพึ่งพอใจนี้ได้ด้วยวิธีไหน!? บอกเลยใครที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเต่านั้นต้องไม่พลาดแวะเข้ามารับชมเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ก่อน สุขภาพ เพราะว่านี้เป็นอีกหนึ่งความลับของคนเกาหลีที่น่านำมาใช้นำมาลองเป็นอย่างมาก

คนเกาหลีรักแร้ไม่เหม็น เป็นเพราะอะไร!? แล้วเขาจัดการกับกลิ่นสุดไม่น่าพึ่งพอใจได้อย่างไร

ทุกวันนี้ กลิ่นรักแร้ ที่ลอยล่องส่งออกมาจากร่างกายของมนุษย์นั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มากเวลาที่ออกไปยังที่สาธารณะ และการ กำจัดกลิ่นรักแร้ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน เพราะมันเป็นมารยาทสังคมของชนชั้นกลางในปัจจุบันแทบจะทั่วโลกไปแล้ว

ซึ่งนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กับอุตสาหกรรมผู้ผลิตสินค้า ระงับกลิ่นรักแร้ มากมายสามารถสร้างกำไรได้มากมายไม่รู้กี่ล้านเหรียญ โดยทั่วไปเราอาจมองว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร เพราะถึงเราจะรู้สึกจากประสบการณ์ว่าคนแต่ละชนชาตินั้นตัวเหม็นไม่เท่ากัน (และไม่เหม็นแบบเดียวกัน)

แต่สิ่งที่เป็นสัจธรรมก็คือทุกคนทุกประประเทศนั้นมันมีกลิ่นเหม็นติดตัวเหมือนกันทั้งหมด และมารยาทสังคมในมาตรฐานปัจจุบันก็ควรจะ กำจัดกลิ่น  ทุกครั้งก่อนออกจากบ้านอย่างน้อยๆ ก็เพื่อสวัสดิภาพทางจมูกของคนใกล้ๆ เวลาโหนรถเมล์หรือรถไฟฟ้า

แต่หารู้ไหมว่าจริงๆแล้ว รักแร้เหม็น ที่ว่านั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนนั้นเป็นและมี เพราะมนุษย์บางคนไม่มีกลิ่นเต่าหรือ กลิ่นรักแร้ และจริงๆ มันสามารถบ่งบอกได้เป็นชนชาติเลยว่าคนแถวไหนมีโอกาสที่ รักแร้มีกลิ่น ไม่เหม็นและนี่ก็ไม่ใช่การเคลมลอยๆ เพราะมีฐานมาจากงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ

ที่มีชื่อว่า Journal of Investigative Dermatology ที่เผยแพร่ออกมาตั้งแต่ปี 2013  โดยนักวิจัยจาก (University of Bristol) ประเทศอังกฤษ คือในตอนนั้นนักวิจัยไปเจอบางอย่างว่ามันมียีนอยู่หนึ่งตัวที่สามารถนำมาเป็นตัวกำหนดเลยได้ว่า ใครน่าจะมีโอกาส รักแร้เหม็นหรือไม่เหม็น ยีนตัวนี้มีชื่อว่า ABCC11 (และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ คนมียีนตัวนี้จะขี้หูแห้งด้วย

หรือพูดให้เข้าใจอีกอย่างก็คือเรานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยได้ว่าคนที่ รักแร้มีกลิ่น จะมีขี้หูที่เปียก สำหรับคนรักแร้ไม่เหม็นจะมีขี้หูแห้ง) ชสงวตะวันตกแทบทุกคนมียีนที่เรากล่าวมา และนี่เป็นสาเหตุที่ฝรั่งจึงเป็นคนที่มี รักแร้เหม็น (หรือกระทั่งตัวเหม็น) ทั้งๆ ที่อาหารการกินของเขาดูไม่น่าจะทำให้เขามีกลิ่นตัวเลย

ซึ่งไม่เหมือนคนเอเชียใต้ที่ กลิ่นตัว นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่มีที่ไปที่มาจากอาหารการกิน อย่างเช่น เครื่องเทศหนักๆ อาหารรสจัดๆ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ระงับกลิ่นรักแร้ จึงก่อกำเนิดขึ้นมาและพัฒนาในสังคมตะวันตกมากสุดๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคนมันรักแร้ไม่เหม็น ก็คงไม่มีใครคิดโรลออนขึ้นมาหรอก เพราะมันไม่มีตลาด

นักวิจัยยังอธิบายให้เข้าใจเพิ่มเติมว่ายีน ATP-binding cassette transporter sub-family C member 11 ที่ชาวตะวันตกเกือบทุกคนนั้นมี (ในทางสถิติคือคนยุโรปมากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ มียีนดังกล่าว) ถือว่าเป็นสิ่งที่มีน้อยกว่าในคนเอเชีย โดยขนาดคนในเอเชียใต้ที่คนบ้านเราบอกว่าตัวเหม็นนั้นจริงๆ มียีนรักแร้เหม็นกันเพียง 50-70 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

พูดอีกอย่างนั้นก็คือมีคนอีกมากกว่าครึ่งที่ รักแร้ไม่มีกลิ่น และถึงแม้ว่าคนส่วนมากนั้นจะมี รักแร้ที่เหม็น อยู่แต่สิ่งที่น่าสนใจนั้นอยู่ที่ถ้าย้ายไปแถบเอเชียตะวันออก คนของเขาเกินครึ่งนั้นไม่มียีน รักแร้เหม็น พูดง่ายๆ ก็คือเอเชียตะวันออกคือโซนที่คนส่วนใหญ่ รักแร้ไม่เหม็น

และที่โหดมากกว่านั้นก็คือ นักวิจัยบ่งชี้ให้เขาใจเลยว่ากลุ่มของคน east asia ที่มียีน รักแร้เหม็น ไม่มากเท่ากับส่วนอื่นๆ ของโลกอย่างไม่น่าเชื่อ หรือผู้คนที่แทบไม่ปรากฏว่ามียีนตัวนี้เลยคือ “เกาหลี” ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า คนเกาหลีนั้นถ้าว่ากันในเชิงพันธุกรรมแล้ว มันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาหนุนเลยว่าพวกเขา รักแร้ไม่เหม็น

และถ้าหากเราลองไปค้นหาเรื่องราวดังกล่าวในโซเชียลเราก็อาจจะเจอกับความคิดเห็น ที่แสดงความมึนงงสุดหัวจะปวดของชาวต่างชาติที่ไปอยู่ในเกาหลีว่า ประเทศนี้ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องสำอางและเครื่องเสริมความงามเยอะไปหมด แต่สิ่งที่ขาดหายไปจากสารบบเครื่องสำอางคือพวกโรลออนและเครื่องดับกลิ่นรักแร้ต่างๆ

แต่ถ้าลองไปค้นหาจะพบว่าพวกเขาบอกว่าในอดีตของพวกนี้ไม่เคยมีมาก่อน แม้ในยุคสมัยนี้จะมีขายให้เห็นบ้าง แน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยและตั้งคำถามว่า สาเหตุที่ทำให้ชาวเอเชียนั้น กลิ่นรักแร้ไม่เหม็น เป็นเพราะอาหารการกินนั้นรสชาติไม่จัด เครื่องเทศไม่แรงเหมือนอาหารของบางประเทศเช่นทางอาหรับ

อย่างที่เราเล่ามาตั้งแต่ตอนต้นอาหารของคนยุโรปเกือบทุกพื้นที่มีเครื่องเทศสู้ประเทศของเราไม่ได้อย่างแน่นอน (ไม่ต้องไปสู้ถึงอินเดียแค่ผ่านเราก็พอ) แต่พวกเขานั้นก็ยัง รักแร้เหม็น กันอยู่ดีดังนั้นมันไม่เกี่ยวกับว่ากินอะไรมันเกี่ยวกับพันธุกรรม หรือถ้าใครยังไม่เชื่ออีก คงต้องลองไปขอดมรักแร้คนเกาหลีที่ไปอยู่อินเดียดู 55555