คนถูก “โกง” เงินไม่ใช่เพราะอยากได้มากเกินไป แต่อาจเป็นเพราะ “ความรู้สึกดี” และความ “น่าเชื่อถือ”

Lifestyle คนที่ ถูกโกงเงินไม่ใช่เพราะ “โลภ” ไม่ใช่เพราะอยากได้มากเกินไปเสมอไป แต่บางครั้งอาจเป็นเพราะ “ไว้ใจ” มากเกินไป ใน “ความรู้สึกดี” และความ “น่าเชื่อถือ” ของผู้หลอกที่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์วิธีการพูดวิธีการหลอกใหม่ๆขึ้นมา ทำให้ผู้ที่ตกเหยื่อนั้นหลงเชื่อจนสูญทั้งเงินและความไว้ใจ

ถูกโกงเงินไม่ใช่เพราะ “โลภ” เสมอไป แต่บางครั้งอาจเป็นเพราะ “ไว้ใจ” มากเกินไป

กลโกงของมิจฉาชีพที่หวังจะหลอกเอาเงินและหลอกเอาทรัพย์สินของผู้อื่นในยุคนี้นั้นมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่โดนหลอกและเหยื่ออีกจำนวนไม่น้อยไม่ลดเหลือน้อยลงเลยสักวัน ส่วนกรณีของประเทศไทยที่กำลังเป็นประเด็นให้ยิบยกขึ้นมาพูดถึง นั้นก็คือการหลอกให้ลงทุน “FOREX-3D” ที่หลายๆคนบอกว่ามันคือ “หุ้นไม่มีจริง” และก่อนหน้านี้ก็มีคดีความเรื่องของ “แชร์ลูกโซ่” อีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นข่าวใหญ่โต รวมไปจนถึงการหลอกลงทุนกับผู้ประกาศข่าวว่าตัวเอวคือ “คนดี–จิตอาสา” จนผู้คนส่วนใหญ่นั้นมองว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้นโลภมากและอยากรวยทางลัดเอง

แต่ข้อมูลจากสื่อตะวันตกที่เรานำมาให้ดูในวันนี้บอกว่า คนที่รวยอยู่แล้วและคนมีความรู้ก็มีโอกาสโดนหลอกเหมือนกัน โดยมีสาเหตุหลักๆมาจาก “ความไว้ใจ” คนที่สนิทคนนใกล้ชิดหรือคนที่ดูน่าเชื่อถือรวมไปจนถึง “ความกลัว” ว่าจะเสียโอกาสในการลงทุน และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  นั้นก็เคยได้ออกมาประกาศขอให้ประชาชนคนไทยนั้นระมัดระวังตัวให้มาก เพราะในตอนนี้มิจฉาชีพและคนที่หวังจะมาหลอกลวงเรานั้นมีทุกๆรูปแบบ เพราะแก๊งอาชญากรพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ

• การหลอกปล่อยเงินกู้ออนไลน์พร้อมดอกเบี้ยโหด
• หลอกให้เล่นพนันออนไลน์
• หลอกให้รักแล้วขอให้โอนทรัพย์สิน
• หลอกให้เปิดบัญชีม้า
• หลอกเอารูปภาพส่วนตัว

ถ้าหากว่าเรานั้นไปศึกษาผลงานวิจัยของต่างประเทศนั้นจะพบว่าสื่อของตะวันตก The Conversation และ Forbes นั้นบอกว่ากลโกงของยุคสมัยนี้นั้นไม่ใช่เรื่องประหลาด เพราะมันมีเทคโนโลยีจำนวนไม่น้อยเข้ามาช่วยให้พวกเขานั้นสามารถหลอกเหยื่อให้สูญเงินได้อย่างสะดวกสะบาย โดยเฉพาะกับกลุ่มของคนวัยชราที่มักโดนหลอกให้สูญเงินผ่านระบบออนไลน์ และผ่านการสนทนาทางมือถือให้หลงเชื่อ และคล้อยตามทำทุกอย่างที่คนโกงนั้นบอกมา

และกลุ่มของคนที่ไม่มีความรู้และเข้าไม่ถึงโซเชียล ซึ่งคนที่มีความรู้และคนที่มีเงินมากมายนั้นก็โดนหลอกจำนวนไม่น้อยเช่นกันเหมือนกันทุกกลุ่ม ส่วนนเคสที่คนไทยนั้นโดนหลอกเป็นจำนวนมากนั้นก็คือ “การลงทุน” หากเราเป็นติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่าพักหลังๆมานี้มีแต่ข่าวที่มีผู้เสียหายถูกชักกชวนไปลงทุน กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกนั้นก็สูญเงินไปจำนวนมากแล้ว นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมากก็มีผู้เสียหายที่โดนในลักกษณะนี้ออกมาร้องทุกข์

The Conversation และ Forbes มีคำอธิบายที่เหมือนกันว่า เหตุผลทางจิตวิทยาที่พลักดันให้คนที่หลอกลวง สามารถตุ๋นเอาเงินของผู้เสียหายไปได้สำเร็จไม่ได้เกิดจากผู้เสียหายนั้นมีความ “โลภมาก” หรือเป็นคนที่ “ไม่ฉลาด” แต่เป็นเพราะคนส่วนมากตัดสินใจลงทุนหลังจากได้รับการชักชวนจากคนใกล้ชิด ที่มีภาพพจน์ที่น่าเชื่อถือหรือคนที่เข้ามาตีสนิทจนรู้สึกสนิท โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นนักลงทุนที่จะกลัวว่าตัวเองนั้นจะพลาดโอกาสในการลงทุนหาเงินเพิ่มเติมได้ จนยอมเชื่อและยอมลงทุนกับสิ่งที่ไม่เคยรู้จักกว่าจะรู้ว่าโดนหลอกก็สายไปแล้ว

สื่อจากตะวันตกยกตัวอย่างเคสของ Bernard Madoff อดีตประธานตลาดหุ้น Nasdaq ที่ใช้ความน่าเชื่อถือและเส้นสายที่เขานั้นครอบครองอยู่มาหลอกผู้คนจำนวนไม่น้อยให้มาลงทุนในแชร์ลูกโซ่ โดย Bernard Madoff บอกว่าเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นและธุรกิจต่างๆ ที่ค่อนข้างน่าสนใจจนทำให้มีคนจำนวนมากกว่า 4,800 คนหลงเชื่อและลงทุนกับเขา สุดท้ายมันก็กลายเป็นคดีดังเมื่อปี 2008-2009 ที่ผ่านมา ซึ่งว่าผู้เสียหายส่วนมากนั้นก็คือ นิติบุคคลที่มีความรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่อของการลงทุนกับตลาดหุ้นเป็นทุนอยู่แล้ว

สิ่งที่มีผลมากที่สุดที่ทำให้คนที่หลอกนั้นประสบความสำเร็จในการหลอกก็คือ “สังคมโลกออนไลน์” นี้คือหนึ่งในเครื่องมือทำมาหากินของพวกคนที่ชอบหลอกชาวบ้าน เพราะพวกเขานั้นสามารถสร้างความรวยความน่าเชื่อถือได้ โดยที่ไม่มีใครทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ออกสู่สายตาผู้คนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น ในขณะที่ทักษะความรู้ทางด้านการเงิน ของคนในหลายประเทศแย่ลง จึงไม่สามารถไปตรวจสอบความซับซ้อนของวิธีการลงทุน (หรือหลอกลวง) พวกนี้ได้ด้วยตนเอง

หากมองกลับมายังประเทศไทยนั้นจะพบว่าผู้เสียหายส่วนมากนั้นโดนหลอกให้ “ลงทุน” โดยมีสัญญาที่รับประกันว่าจะได้เงินตอบแทนจำนวน “มหาศาล” และคนที่เข้ามาหลอกส่วนมากนั้นคือคนที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลที่มีอันจะกิน และจะอ้างชื่อของคนที่สำคัญๆมาเป็นตัวประกันเพื่อชวนคนมาลงทุนเยอะๆ

ซึ่งว่าสื่อและโซเชียลนั้นก็เป็นตัวหนุนตัวนำในการสนับสนุนความร่ำรวยของกลุ่มคนเหล่านั้น เช่น การแชร์ความหรูความรวยเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาสูงๆ จนผู้คนนั้นมองว่าเขาคนนั้นรวยจริง และตัดสินใจเชื่อหลงลมปากคำชวนทันที ก่อนที่จะโดนหลอกผู้เสียหายนั้นก็จะได้รับเงินก้อนที่สวยงามมาให้ตายใจและหวังเงินที่มากกว่าเดิม จนยอมลงทุนเงินที่มากเพื่อเงินจำนวนมหาศาล กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกนั้นก็สายเกินไปเหมือนทุกเคสที่ผ่านมา