ปลดปล่อยใจให้ “สบาย” ปลดปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่าน แล้วสิ่งที่เราทำอยู่จะดีขึ้นเอง

ปล่อยใจให้สบาย ปลดปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่าน แล้วสมองเราจะทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการเอาความคิดเอาใจไปไว้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากเกินไปอาจทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรานั้นเราไม่มีความสุข เท่ากับการมีอิสระก็เป็นไปได้

ปล่อยใจให้สบาย แล้วสมองเราจะทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การปล่อยให้ความคิดของเรานั้นเป็นไปธรรมชาติเรื่อยเปื่อยนั้นไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร เพราะการเอาหัวจิตหัวใจเอาความรู้สึกที่มีไปไว้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากเกินไปอาจทำให้การชีวิตของเรานั้นเราไม่มีความสุข เท่ากับการให้อิสระกับความคิดของเราเพียงช่วงเวลาหนึ่งอาจเป็นทางออกที่ทำให้เราสบายใจก็ได้ สำหรับคนที่ตั้งคำถามว่าการปลดปล่อยความคิดเหม่อลอยฟุ้งซ้าน หรือการฝันกลางฝันลมๆแล้งๆวันนี้มันมีประโยชน์อะไรกับตัวของเรา เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นมันคล้ายกับว่าเราไม่มีสติไม่มีสมาธิทำงานอยู่หรือไม่ แต่ความจริงแล้วพฤติกรรมนี้อาจส่งผลดีต่อตัวเราเองได้ดังนี้

เพิ่มความคิดสร้างสรรค์

การที่เราให้อิสระกับความคิดของตัวเราเองอาจส่งผลดีด้านความคิดสร้างสรรค์ของเรา และที่ว่ายังงั้นมันเป็นเพราะว่าเราสามารถปล่อยความคิดของเราให้ลื่นไหลไปตามธรรมชาติเหมือนสายน้ำ แต่ถ้าว่าความคิดสร้างสรรค์ของเราจะเกิดและจะมีประโยชน์ ต้องอาศัยการเรียนรู้และการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมาตั้งแต่อดีต

อารมณ์ดีเมื่อความคิดดี

ช่วงเวลาที่เราอารมณ์ดีอารมณ์ขันแน่นอนว่าความรู้สึกนึกคิดความของเรามันก็จะดีดังเช่นอารมณ์ในวันเวลานั้นของเรา และนั่นก็เป็นเพราะอารมณ์และความคิดของเราเชื่อมโยงกัน เมื่อเราได้ปล่อยความคิดของเราให้ลอยลมไป เมื่อนั้นเราจะกลับมามีอารมณ์และความคิดบางอย่างที่ดีขึ้น

สร้างความยืดหยุ่น

ความคิดที่เป็นไปตามธรรมของเรายังช่วยให้เราเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นด้านต่างๆมากขึ้น เพราะเมื่อความคิดของเราได้พักจากการทำหน้าที่แสนจะเหนื่อย เราจะมีความยืดหยุ่นต่อสิ่งต่างๆ มากขึ้นแถมว่ามันยังทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เข้ามาได้ดีกว่าเดิม เพราะเราสามารถจำลองสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีและยังสามารถคิดวิธีการรับมือกับปัญหาไว้ล่วงหน้า

ข้อดีที่เรากล่าวมาเมื่อตอนต้นนั้นอาจไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีจะเจอกับมันเมื่อปลดปล่อยความคิดและความรู้สึกไปตามธรรมชาติ เพราะความคิดของใครบางคนนั้นอาจไม่ได้สุขสบายอาจจะมี ความท้อใจ หรือความรู้สึกไม่ดี ถ้างั้นเรามาลองดู 4 วิธีในการปรับสภาพจิตใจและความคิดให้ดียิ่งขึ้นกันดีกว่า

1. สำรวจตัวเอง

ถ้าหากเรื่องที่โผล่ขึ้นมาในความคิดของเราเป็นเรื่องที่ทำให้เราไร้ความสุขมีแต่ความทุกข์ใจไม่สบายใจ เราควรหยุดพักกับความคิดที่เกิดขึ้นในตอนนนั้นดู และให้ลองดึงตัวเองกลับออกมาจากความคิดด้านลบให้ได้

2. หาสิ่งกระตุ้น

หากความคิดของเรายังคงเต็มไปด้วยอะไรที่ทำให้จิตใจของเราย้ำแย่หดหู่ไม่สบายใจ การหาสิ่งกระตุ้นหรือแรงผลักดันที่ดีไม่ว่าจะเป็น ผู้คน สิ่งของ หรือสถานที่ที่ทำให้เราได้ออกจากความคิดนั้นได้เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมาก

3. ทำไปทีละขั้น

การทำหลายอย่างพร้อมกันอาจช่วยทำให้เราทำงานเสร็จอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าว่าการกระทำแบบนั้นส่งผลให้ความสุขที่เราตะได้รับลดเหลือน้อยลง เพื่อจะพัฒนาความคิดแล้วเราควรเลือกทำไปทีละอย่างตามลำดับขั้นตอน

4. ให้ความสนใจแค่บางเรื่อง

เพื่อที่จะลดความคิดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแย่เศร้าหม่นหมอง เราสามารถฝึกสมองให้รับรู้ว่าเรื่องอะไรที่ควรใส่ใจหรือเรื่องอะไรที่ไม่ควรเอามาใส่ใจได้ด้วยตัวเอง และเราก็สามารถจัดเรื่องราวพวกนั้นให้เป็นขั้นตอนได้ เพราะมันจะช่วยให้เราได้ฝึกควบคุมความคิดและมีสติ เพื่อที่จะให้เราหาประโยชน์จากความคิดได้ดีมากขึ้น

ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่าวิธีที่จะช่วยให้เราได้ฝึกพัฒนาความคิดด้วยตัวเองอาจเป็นเรื่องที่เรารับทราบกันดีอยู่แล้ว แต่การที่เราจะเรียนรู้และทำมันออกมาได้ดีหรือไม่ดีมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเราเอง ช่วงเวลาที่ปล่อยใจให้เป็นอิสระดุจสายน้ำ ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น แต่ต้องไม่ลืมที่จะควบคุมให้อยู่ในระดับพอดีและต้อวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ ในชีวิตและการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาให้กับชีวิตบ้างเป็นครั้งคร่าวนอกจากจะทำให้เราสนุกกับการใช้ชีวิตแล้ว ยังทำให้เรากลับมาจดจ่อกับสื่องที่ทำอยู่ได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น