รู้หรือไม่ว่า มนุษย์ “หมดทาง” สู้โลกร้อนด้วย “วิธีเดิม” แล้ว

รู้หรือไม่ว่า มนุษย์หมดทางสู้โลกร้อน ด้วย วิธีเดิม แล้ว United Nations Environment Programme กล่าวว่าวิธีเดียวที่สามารถต่อกรกับภาวะโลกร้อนนี้ได้คือ Lifestyle ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่มีชื่อว่าหรี่แสงอาทิตย์ลงเท่านั้น ถึงจะสามารถช่วยโลกได้ทันเวลา

มนุษย์หมดทางสู้โลกร้อน แล้ว UN ชี้วิธีเดียวที่ต่อรองได้คือต้อง Solar Geoengineering?

รู้หรือไม่ว่าในช่วงนี้มนุษย์โลกนั้นเริ่มจะไม่สามารถต่อรองกับภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังได้แล้ว เพราะเมื่อหลายปีที่ผ่านมนุษย์โลกนั้นปล่อยปะละเลยเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งเราสามารถเห็นความจริงข้อนี้ได้จากข่าวสารที่สื่อเผยแพร่ออกมา ว่าไม่มีประเทศไหนเลยที่สามารถปล่อย carbon dioxide ผิดออกมาให้น้อยลง จนทำให้ภาวะโลกร้อนนั้นมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งจะบอกว่าเราไม่สนใจเรื่องนี้เลยก็ไม่ได้ เพราะก่อนที่โลกนั้นจะพบเจอกับโรคระบาดสุดร้ายแรงนั้น ประเด็นดังกล่าวนั้นก็ถูกนำมาพูดถึงอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ทั่วโลก แต่พอโควิดมาประเด็นนี้เลยค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆจนเกือบหมด จนเกือบจะไม่หลงเหลือคนที่สนใจเรื่องนี้เลย ว่าจะทำยังไงถึงจะต่อรองกับภาวะโลกร้อนนี้ได้อย่างทันเวลา

หลังจากที่โรคระบาดนั้นมาแพร่เชื้อนานกว่าสามปี นั้นมันทำให้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่มันผ่านไปนานมากกว่าจะกลับมาใช้วิธีเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นเราควรใช้วิธีอื่นในการช่วยโลกให้หลุดพ้นทันเวลา จากการหนีภาวะโลกร้อนที่มาเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

ในสถานการณ์ที่กลืนไม่ได้คายไม่ออกนี้ทาง United Nations Environment Programme นั้นได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเมื่อเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมาว่า ในฐานะที่พวกเขานั้นคือแขนที่ทำหน้ารับผิดชอบโปรเจคด้านสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ และเป็นตัวตั้งตัวตีหลักในการสู้โลกร้อนในเวทีโลกมาตั้งแต่แรก ก็ได้ออกรายงานมายอมรับตรงๆ ว่า

พวกเราทุกคนนั้นไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆ มาใช้ต่อกรกับภาวะโลกร้อนได้ทันเวลาอีกต่อไป และวิธีสุดท้ายที่มีอยู่ที่อาจจะทำให้ภาวะโลกร้อนนั้นลดลงได้นั้นก็คือ Solar Geoengineering บอกเลยใครที่สงสัยว่า Solar Geoengineering คืออะไรเดี่ยวตามมารับชมพร้อมกันได้เลยที่ด้านล่างนี้

Solar Geoengineering? คืออะไร

หน้าที่ของมันหลักๆก็คือเทคโนโลยีประเภทที่สามารถ ‘หรี่แสงอาทิตย์‘ ลงได้ด้วยการนำสารเคมีขึ้นไปหว่านบนชั้นบรรยากาศ  เพื่อให้แสงอาทิตย์นั้นสาดส่องลงบนโลกให้ลดน้อยลง นี่คือเทคโนโลยีที่คนร่ำรวยคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Bill Gates เคยเสนอ และมีโครงการทดลองในพื้นที่ปิดมาสักพักแล้ว

แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นถูกผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยที่จะนำมาใช้งาน เนื่องจากมันคือวิธีการที่เข้าไปแย่งหน้าที่การทำงานของชั้นบรรยากาศโดยตรงๆ ซึ่งไม่มีใครบอกว่าโลกจะร้อนน้อยลงแน่นอนถ้าใช้วิธีนี้ แต่สิ่งที่คนกลัวก็คือผลต่างๆ ที่คาดไม่ถึงที่จะเกิดขึ้น เพราะนี่คือการแย่งหน้าที่ธรรมชาติระดับลึกล้ำมากๆ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นก็คือ วิธีดังกล่าวนั้นอาจจะลดภาวะโลกร้อนได้จริงๆ แต่จำนวนของแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างลงมามันก็จะน้อยลงตาม และมันก็จะทำให้บางพื้นที่นั้นมีปริมาณฝนที่น้อยลง ทำให้พืชบางตระกูลนั้นเจริญเติบโตได้ยากมากกว่าเดิม และอาจทำให้สัตว์มากมายหลายชนิดที่ต้องได้รับผลกระทบ เนื่องจากสัตว์ที่ต้องกินพืชพวกนี้มีอาหารน้อยละลด

ส่งผลเสียหายในระยะยาวแบบแชร์ลูกโซ แน่นอนว่าวิธีดังกล่าวนั้นอาจเป็นการพัฒนาที่เป็น หายนะระดับระบบนิเวศได้อย่างง่ายดาย กล่าวคือผลสุดท้ายของการ ‘หรี่แสงอาทิตย์‘ มันอาจจะทำให้โลกของเรานั้นพบเจอสิ่งที่ร้ายกาจมากกว่า สภาวะโลกร้อนที่เรานั้นพบเจอในตอนนี้ก็เป็นไปได่

หลังจากเรื่องราวดังกล่าวนั้นถูกเผยแพร่ออกมาก็มีนักวิทยาศาสตร์ลงชื่อจำนวนมากเพื่อต่อต้านวิธีดังกล่าวนั้นทันที เพราะพวกเขานั้นมองว่าวิธรการดังกล่าวนั้นมันมีนัยยะเรื่องของการเมืองเข้ามาปะปนอยู่ เพราะสุดท้ายถ้าพวกเขานั้นยอมใช้งานวิธีดังกล่าวที่ไม่รู้เลยว่า จะเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง แต่คนที่จะได้รับประโยชน์จากวิธีดังกล่าวนั้นก็คือนักธุรกิจ

ที่หากินกับการทำให้โลกร้อนในแบบฉบับที่ไม่ได้มีประโยชน์กับใครเลย แถมยังต้องปรับตัวและรับผลใดๆอย่างสาสมจากการทำให้โลกร้อน United Nations นั้นไม่ได้รีบร้อนอยากจะนำเอาวิธีการดังกล่าวมาใช้งานแบบที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะจากข่าวสารที่เผยแพร่ออกมานั้นย้ำว่าควรจะศึกษาผลกระทบจริงจังก่อนใช้

และเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือกลุ่มคนที่มีจุดยืนอย่างชัดเจนนั้นบอกว่า ไม่ควรใช้วิธีดังกล่าวเพราะมันควรจะได้รับการยินยอมก่อนว่า แผนการที่ใช้อยู่ปัจจุบันมันไม่มีทางจะลดภาวะโลกร้อนอย่างใดในทางปฏิบัติหน้าที่ และก็ไม่ควรที่จะค้านจนหัวชนฝาทางออกที่ไม่มีใครอยากใช้ แต่สุดท้ายอาจจะเลี่ยงไม่ได้อย่าง ‘เทคโนโลยีหรี่แสงอาทิตย์‘

และถ้าเราเปิดใจยอมรับวิธีดังกล่าวนี้และรีบทำการศึกษาและทดลองถึงความเป้นไปได้ และผลกระทบของมันก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด เพราะนั่นแปลว่าการที่เราจะรู้จักเทคโนโลยีนี้ดีในวันที่เราต้องใช้มันจริงๆ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ วิธีดังกล่าวนั้นมันอาจจะส่งผลกระทบบางอย่างให้กับโลก

ดังนั้นจะต้องมีจุดศูนย์กลางที่สามารถเรียกทุกประเทศมาคุยและยอมรับ ‘ความเสี่ยง‘ ร่วมกันได้ และจุดศูนย์กลางดังกล่างนั้นก็คือสหประชาชาติ ที่อธิบายให้เข้าใจได้ว่าคือ United Nations ต้องรับรู้แล้วว่าตัวเองต้องมีหน้าที่ในการให้ประชาชนทุกคนบนโลกมาพูดคุยถึงทางเลือกอันน่ากระอักกระอ่วนนี้

สามารถติดตามข่าวสารใหม่สดทุกวันที่ได้ที่นี่