กินหรือทิ้งดี: วันหมดอายุบนฉลาก “เห็นวันที่หมดอายุแล้ว ต้องรีบทิ้งเลยใช่ไหม?” ไลฟ์สไตล์คำถามนี้อาจผุดขึ้นในหัวของใครหลายคนทุกครั้งที่เปิดตู้เย็นหรือตู้กับข้าวแล้วเจอของกินที่หมดอายุบนฉลากไปแล้วไม่กี่วัน แต่ในความเป็นจริง คำว่า “หมดอายุ” หรือ “วันหมดอายุ” (Expiry Date) ไม่ได้หมายความว่าอาหารชิ้นนั้นจะกลายเป็นพิษหรือเป็นอันตรายทันทีหลังผ่านวันนั้นไป
วันหมดอายุบนฉลาก อาหารเหล่านี้ยังกินได้อยู่หรือเปล่า
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและองค์กรด้านความปลอดภัยอาหารทั่วโลก เช่น FAO และ WHO ชี้ว่า มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง วันหมดอายุ (Expiry Date) และ วันควรบริโภคก่อน (Best Before) ซึ่งหลายคนยังสับสนอยู่ และนั่นอาจทำให้เราทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็น
รู้จักความหมายของวันหมดอายุ กับวันควรบริโภคก่อน ความต่างที่ส่งผลทั้งสุขภาพและเงินในกระเป๋า
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรรู้คือ ไม่ใช่ทุก “วันที่ระบุบนฉลาก” หมายถึง “ห้ามกินอีกเด็ดขาด” มาทำความเข้าใจความแตกต่างของคำที่มักพบในบรรจุภัณฑ์กันก่อน
- “วันหมดอายุ” (Expiration Date) คือ วันที่หลังจากนั้นอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาจไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค เช่น ยา นมสด อาหารสำหรับทารกหรือคนป่วย หากเลยวันนี้ไปแนะนำให้ทิ้งทันที
- “วันควรบริโภคก่อน” (Best Before / Best By) คือ วันที่ผลิตภัณฑ์ยังคงคุณภาพ รสชาติ และเนื้อสัมผัสตามที่ควรจะเป็น หากเลยวันนี้ไป อาหารอาจมีรสหรือกลิ่นเปลี่ยนแต่ยังรับประทานได้ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหากเก็บไว้อย่างถูกต้อง
- “ควรใช้ภายใน” (Use By) มักพบในสินค้าสดหรือแช่เย็น เช่น เนื้อสัตว์ นมสด อาหารพร้อมรับประทาน หมายถึงไม่ควรบริโภคเลยหลังวันดังกล่าว เนื่องจากเสี่ยงต่อการเจอแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
ดังนั้น การทิ้งอาหารที่หมดอายุโดยไม่ดูรายละเอียดหรือไม่ตรวจสอบสภาพจริงก่อน ถือเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ และสร้างขยะอาหารโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างอาหารที่ “หมดอายุ” แล้วแต่อาจยังรับประทานได้โดยปลอดภัย
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น นี่คือตัวอย่างของอาหารที่มักมี “วันควรบริโภคก่อน” ซึ่งหากหมดอายุไปแล้วไม่กี่วันหรือไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ยังสามารถรับประทานได้หากสภาพยังดี
- ขนมปัง: หากยังไม่ขึ้นรา ไม่มีกลิ่นเปรี้ยวหรือเน่า สามารถกินต่อได้ โดยเฉพาะขนมปังที่เก็บในช่องแช่เย็นหรือช่องแช่แข็ง
- ไข่ไก่: หากยังไม่แตกร้าว ไม่มีจุดดำหรือกลิ่นเหม็น เปิดเปลือกแล้วดูไข่ขาวยังใสอยู่ถือว่าใช้ได้
- โยเกิร์ต/นมเปรี้ยว: หากเก็บในตู้เย็น อาจรับประทานได้ 3–7 วันหลังหมดอายุ แต่อย่าลืมดูรสชาติและกลิ่นก่อนเสมอ
- อาหารแห้ง/ของกระป๋อง: ส่วนใหญ่มีวัน “Best Before” ซึ่งหมายถึงคุณภาพสูงสุด ไม่ใช่ความปลอดภัย หากไม่บุบ สนิม หรือปริออกมาจากกระป๋อง ก็ยังปลอดภัยต่อการกิน
เมื่อไรควรทิ้งจริง ๆ? สัญญาณที่บอกว่า “ไม่ควรกินเด็ดขาด”
แม้บางอาหารจะกินได้หลังหมดอายุ แต่ถ้ามีสัญญาณเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงทันทีเพื่อความปลอดภัย
- มีกลิ่นผิดปกติ เปรี้ยว เหม็น เน่า
- เปลี่ยนสีหรือเนื้อสัมผัสอย่างชัดเจน เช่น นมจับตัวเป็นก้อน ขนมปังขึ้นรา
- มีฟอง อัดลม หรือแรงดันในภาชนะ ทั้งที่ไม่ใช่อาหารหมัก
- กระป๋องบวม บุบ หรือมีรอยรั่ว
แม้อาหารบางอย่างยังดูดี lifestyle แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจ ให้ยึดหลัก “When in doubt, throw it out.” คือ ถ้าสงสัยให้ทิ้งดีที่สุด
ทิ้งอาหารไม่ดูฉลาก = สิ้นเปลือง + สร้างขยะอาหารโดยไม่รู้ตัว
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า ทุกปีมีอาหารมากกว่า 1.3 พันล้านตันถูกทิ้ง โดยส่วนใหญ่มาจากความเข้าใจผิดเรื่องวันหมดอายุ ทั้งที่หลายรายการยังบริโภคได้
โดยเฉพาะในครัวเรือนไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าใจว่า “หมดอายุ” คือ “เสียแล้ว” ทันที ทั้งที่ในหลายกรณีเป็นเพียงวันที่ผู้ผลิตรับรองว่ารสชาติและคุณภาพดีที่สุด ไม่ใช่วันสิ้นสุดความปลอดภัย
สรุป: อาหารหมดอายุกินได้ไหม? ได้! ถ้าคุณเข้าใจความหมายของวันหมดอายุอย่างถูกต้อง
สิ่งที่คนทั่วไปควรทำคือ
- อ่านฉลากให้ชัดเจน แยกแยะระหว่าง “หมดอายุ” กับ “ควรบริโภคก่อน”
- ตรวจสอบสภาพอาหารจริง ไม่ตัดสินแค่วันที่
- เก็บอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ
- ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า – ดู ดม ชิมนิดหน่อยก่อนตัดสินใจ
อาหารหมดอายุไม่ใช่ศัตรูเสมอไป แต่ความไม่รู้ต่างหากที่ทำให้เราทิ้งของกินไปเปล่าๆ การเปลี่ยนความเข้าใจผิดนี้ ไม่เพียงช่วยประหยัดเงิน แต่ยังช่วยลดขยะอาหาร และส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนมากขึ้น
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9