Friday, 22 November 2024

กินอะโวคาโดสัปดาห์ละ 1 ลูก!!วิจัย 30 ปีบอกว่าลดความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคหัวใจ” ได้หลายเปอร์เซ็นต์

27 May 2022
255

กินอะโวคาโดสัปดาห์ละ 1 ลูก!!วิจัย 30 ปีบอกว่าลดความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคหัวใจ” ได้หลายเปอร์เซ็นต์ เพราะอะโวคาโดนั้นนมีสรรพคุณทางยาเยอะมากกว่าที่คิด ผลไม้และผักหลายชนิดนั้นมีสรรพคุณทางยาที่มีส่วนช่วยทำให้สุขภาพร่งกายของเราต้านโรคและแข็งแรงได้

สล็อต xo Slotxo

กินอะโวคาโดสัปดาห์ละ 1 ลูก!!วิจัยชี้ ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้หลายเปอร์เซ็นต์

กินอะโวคาโดสัปดาห์ละ 1 ลูก

เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยใหม่ที่พึ่งออกมาในวารสารของสมาคมโรคหัวใจอเมริกันและวิจัยที่กล่าวมานั้นบอกว่า “กินอะโวคาโดช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ” ได้จริงๆ ต้องขอบออกก่อนเลยนะว่างานวิจัยที่เรานำมาให้ทุกคนได้ดูในครั้งนี้นั้นไม่ใช่งานวิจัยธรรมดาอย่างที่คุ้นหูคุ้นตา แต่ถ้าว่ามันคือวงานวิจัยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษานามากถึง 30 ปี ส่วนงานวิจัยที่ทดลองขึ้นในครั้งนนี้นั้นทำกับกลุ่มตัวอย่างที่มีมากกว่าแสนคน และผลที่ได้ออกมาหลังจากทดลองในครั้งนี้นั้นบอกว่าการ “กินอะโวคาโด” ครึ่งลูกอาทิตย์ละสองครั้ง ความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจนั้นลดลงไปมากกว่าคนที่ไม่กินมากถึง 17 เปอร์เซ็นต์

“กินอะโวคาโดช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ”

ถึงแม้ว่าผลของวิจัยในครั้งนี้จะออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อนี้ ทางทีมนักวิจัยยังไม่วายจะหันกลับมาเตือนทุกคนว่า อย่าเพิ่งแห่แหนไปซื้ออะโวคาโดมากินในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะพืชชนิดนนี้นั้นเป็นพืชที่ให้พลังงานอาหารที่สูงมากอย่างเช่นเจ้าไขมัน ถ้ากินในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหวนั้นบอกเลยว่าโอกาสจะมี “ไขมันในเลือดสูง” จะเกิดขึ้นกับคุณได้ไม่ยาก

กินอะโวคาโดสัปดาห์ละ 1-ผล

ดังนั้นสามารถสรุปได้อย่างง่ายๆเลยว่าถ้าต้องการจะกินอะโวคาโดเพื่อสุขภาพนั้น ขอแนะนำว่าเราควรจะกินมันในแบบเปล่าๆ แทนอาหารที่มีไขมันสูงอยู่แล้วอย่างเช่นเบคอน ไม่ควรนำไปกินกับโปรตีนนและอาหารอื่นๆเพราะอาจจะทำให้ไขมันพุ่งสูงขึ้นมาได้

กินอะโวคาโดเพื่อสุขภาพ

จะเห็นว่านักวิจัยนั้นจะออกแนวห้ามปรามคนที่ชอบทานอะไรเพื่อสุขภาพเอาไว้ค่อนข้างเยอะมาก เพราะว่าในตอนนี้ผู้คนนั้นเริ่มหันหน้ามาให้ความสนใจกับเจ้าอะโวคาโดนี้ เพราะเชื่อกันว่ามันดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้อ้วน และความเชื่อพวกนี้ และจะทำให้ผู้คนนั้นเข้าใจและนำอะโวคาโดไปกกินแบบผิดๆและส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมาทีหลังอย่างเช่นโรคอ้วนและโรคไขมันในเลือดสูง