เปิด ประโยชน์จากปลากระป๋อง พร้อมเผย “วิธีรับประทาน” ให้ “สุขภาพ” ร่างกายแข็งแรงเจริญอาหาร ให้ได้คุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดที่มีอยู่ในเนื้อปลากระป๋องรสเด็ดที่เคยถูกมองว่าเป็น อาหาร ที่ไม่มีประโยชน์ บอกเลยงานนี้ใครที่ชอบกิน ปลากระป๋อง นั้นต้องห้ามพลาดแวะเข้ามารับชมความรู้ที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ก่อน
ประโยชน์จากปลากระป๋อง พร้อมเผย “วิธีกิน” ให้ไม่ทำร้ายร้ายกาย
อาหารกระป๋อง นั้นมีประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิด อย่าไปเชื่อคำคนบางที่เคยบอกว่า อาหารกกระป๋อง ไม่มีประโยชน์ให้มาก เพราะถ้าหากเราเอามันมาทำเป็นอาหารรับประทานให้ถูกวิธีประโยชน์ของ อาหารกระป๋อง นั้นก็จะมีมากมายอย่างที่เราไม่คาดฝันเลยละ
แน่นอนว่าคนส่วนมากนั้นมองว่า อาหารกระป๋อง ไม่ค่อยมีคุณค่าโภชนาการกินบ่อยๆสารอาหารจะไม่ครบร่าวกายจะไม่แข็งแรง แต่อันที่จริงแล้วสำหรับ “ปลากระป๋อง” นั้นมันมีคุณค่าทางสารอาหารที่มีอยู่ในเนื้อปลามากมายอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และถือเป็นหนึ่งในอาหารที่นำประโยชน์ให้กับร่างกายได้ดีในยามฉุกเฉิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้กินแต่ ปลากระป๋อง เท่านั้นถึงจะมีประโยชน์ เพราะปลากระป๋อง นั้นก็มีข้อไม่ดีและให้โทษต่อคนกินแบบไม่ถูกวิธีเป็นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นหากเรานั้นรู้วิธีทานมันเพื่อให้มีประโยชน็เราก็จะเลือกส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้กับร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ส่วนประกอบของปลากระป๋อง
1.ปลาทะเล เช่น
- ปลาทูน่า
- ปลาโอ
- ปลาซาร์ดี
- น ปลาแมคเคอเรล
2.ซอสมะเขือเทศ
3.น้ำมันปลา
4.น้ำเกลือ
คุณค่าทางสารอาหารของปลากระป๋อง
1.โปรตีน
2.เนื้อปลากระป๋องเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- ช่วยบำรุงร่างกายในส่วนที่สึกหรอ
3.โอเมก้า-3จากปลาทะเล
- บำรุงสมอ
- ง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
4.ทอรีน
ในอาหารดังกล่าวนั้นมีประโยชน์ต่อระบบการทำงานของประสาทส่วนกล้ามเนื้อและเกล็ดเลือด และถ้าหากเด็กได้รับสารนี้ที่เพียงพอต่อการนำไปใช้งานนั้น จะทำให้พัฒนาการทางสมองนั้นทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถ้าเด็กที่ดื่มนมวัวและขาดสารตัววนี้อาจส่งผลให้พัฒนาการทางสมองนั้นแย่ได้
นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยขับ cholesterol ที่ไม่ดีออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันตับอักเสบ ช่วยควบคุมน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเยี่ยม และช่วยป้องกันอาการซึมเศร้า
5.กรดลิโนเลอิก
หากได้รับสารนี้จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิด fat clots in the blood vessels แถมยังช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ แถมว่ายังอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด อย่างเช่น Fats, calcium, magnesium, phosphorus, potassium, zinc, copper, manganese, vitamin A, vitamin D, vitamin E, vitamin K, vitamin B6, vitamin B9 and vitamin B12.โดยสารอาหารหลายๆ อย่างนี้ช่วยบำรุงกระดูก
แน่นอนว่ามันต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์มากอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถกินมันได้แม้กระทั้งกระดูกปลาที่ทำให้เราได้ประโยชน์มากกว่าการกินแค่เนื้อปลาเป็นหลายเท่า
6.ไลโคปีน
ซอสมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนนั้นมีสรรพคุณทางยาสามารถ antioxidant และลดการอักเสบในร่างกายได้ ซึ่งเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของโรคกระดูกพรุนหากใครชอบกินบอกเลยมันดีมาก
อันตรายจากปลากระป๋อง
แม้ว่าปลากระป๋องจะมีประโยชน์รมากมายที่ร่างกายเรานั้นต้องการแถมยังมีรสชาติที่อร่อย แต่ถ้าว่าในการผสมทำให้รสชาติที่แสนอร่อยนั้นมีปริมาณ sodium สูง โดยกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขนั้นชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตทั้งหมดทั้งมลวที่กล่าวมาว่า
ปลากระป๋องขนาด 85 กรัม 1 กระป๋อง
- มีโซเดียมสูงถึง 300 มิลลิกรัม
- หรือคิดเป็น 1 ใน 7 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
- ถ้ากินมากเกินไปนี่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงโรคไต
- เสี่ยงโรคเรื้อรังหลายอย่าง
นอกจากนี้ยังอาจมีอันตรายจาก “Histamine” ที่เกิดขึ้นจาก Bacteria ย่อย amino acids ในตัวปลา ระหว่างการขนส่งและจัดเก็บปลาทะเล ซึ่งบางครั้งความเย็นอาจน้อยเกินไปในการเก็บรักษา โดยพบบ่อยใน Tuna, bonito flakes, sardines and mackerel ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของปลากระป๋อง
วิไลลักษณ์ ศรีสุระ นักโภชนาการชำนาญพิเศษ Bureau of Nutrition, Department of Health อธิบายให้เข้าใจดังนี้ว่า การรับประทานเนื้อปลาที่มีปริมาณ Histamine สูงกว่า 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทำให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพได้ โดยเฉพาะกับผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและคนที่ต้องระวังมากที่สุดคือกลุ่มคนที่แพ้อาหารทะเลคนแก่เด็ก
ซึ่งช่วงวัยดังกล่าวนั้นเป็นช่วงวันที่ไม่จำเป็นจะต้องรับสารอาหารที่อยูใน ปลากระป๋อง โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้เกี่ยวกับอาหารทะเลบางอย่างก็ต้องระวังให้มากเช่นกัน ส่วนอาการแพ้ก็ขึ้นอยู่กับการกินที่มากๆ มีทั้งผื่นขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายท้องร่วมด้วย”
กินปลากระป๋องอย่างไรให้ได้ประโยชน์ และปลอดภัย
1.ไม่กินมากเกินไปหรือซื้อมากินบ่อยครั้งจนเกินไป ควรเลือกกินพอให้เป็นโปรตีนในมื้ออาหารที่จำเป็นเท่านั้น โดยไม่ควรรับประทานเกิน 2-3 ครั้งภายใน 7วัน
2.ไม่เลือกกินปลาชนิดเดียวกันซ้ำๆ
- ควรเปลี่ยนชนิดของปลาบ้าง
3.ไม่ปรุงรสเค็มเพิ่มมากจนเกินไป
- ไม่ต้องปรุงเค็มเพิ่ม
- เพราะมีปริมาณโซเดียมผสมปรุงรสมาให้อยู่แล้วในปริมาณที่มากพอสมควร
4.เพิ่มผักอื่นๆ
- เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร
- สามารถปรุงวิตามินเพิ่มได้
5.เลือกกระป๋องของปลากระป๋องที่มีสภาพสมบูรณ์
- ไม่บุบ เบี้ยว ไม่มีรูรั่ว
- ไม่มีสนิมขึ้น
- สังเกตวันหมดอายุก่อนรับประทาน
6.หากรู้สึกว่ารสชาติ สี กลิ่น ไม่เหมือนปกติ
- ไม่ควรรับประทาน
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์