อาการ “ปวดหัวไมเกรน (Migraine)” ถือเป็นหนึ่งในโรคปวดศีรษะที่พบบ่อยที่สุดในคนไทย โดยเฉพาะในวัยทำงานและผู้หญิง มักมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวร่วมกับคลื่นไส้ ตาพร่ามัว หรือไวต่อแสงและเสียง โรคนี้ไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและหลอดเลือดที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ
⚡ ไมเกรนคืออะไร
ไมเกรนเป็นโรคปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทและหลอดเลือดในสมอง ทำให้เกิดการขยายตัวและหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดอาการปวดแบบตุบ ๆ ที่มักจะปวดข้างเดียวของศีรษะ แต่บางรายอาจปวดทั้งสองข้างก็ได้
โดยทั่วไปอาการปวดไมเกรนจะมีลักษณะเป็นรอบ ๆ เช่น ปวด 1–2 ครั้งต่อเดือน หรือบางคนอาจมีอาการถี่จนกระทบต่อชีวิตประจำวัน หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจกลายเป็น “ไมเกรนเรื้อรัง” ได้

🔍 สาเหตุของไมเกรน
แพทย์เชื่อว่าไมเกรนเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งทาง พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน
- อาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต ชีส อาหารหมักดอง คาเฟอีน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ หรืออุณหภูมิ
- การใช้สายตานาน ๆ รวมถึงแสงจากหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์
- กลิ่นแรงหรือเสียงดังเกินไป ก็เป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้เช่นกัน
🔔 อาการของไมเกรน
อาการของไมเกรนแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะหลัก แต่บางคนอาจมีไม่ครบทุกระยะ
1. ระยะก่อนปวด (Prodrome)
จะรู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิด หรืออยากอาหารบางอย่างผิดปกติ เช่น ของหวานหรือกาแฟ
2. ระยะออร่า (Aura)
พบในผู้ป่วยบางราย มีอาการตาพร่า เห็นแสงวิบวับ เห็นภาพซ้อน หรือชาบริเวณใบหน้า แขน มือ
3. ระยะปวดศีรษะ (Headache Phase)
เป็นช่วงที่มีอาการปวดตุบ ๆ ข้างเดียวของศีรษะ อาจปวดรุนแรงจนทำงานไม่ได้ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสงและเสียง
4. ระยะหลังปวด (Postdrome)
หลังอาการปวดหายแล้วจะรู้สึกเหนื่อย มึนงง หรืออารมณ์แปรปรวน คล้ายสมองล้า
💊 วิธีบรรเทาอาการปวดไมเกรน
การรักษาไมเกรนมีทั้งแบบ บรรเทาอาการเฉียบพลัน และ ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
วิธีบรรเทาขณะปวด
- พักในที่เงียบ มืด และอากาศถ่ายเท
- ดื่มน้ำมาก ๆ และหลีกเลี่ยงกลิ่นหรือเสียงรบกวน
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยากลุ่ม NSAIDs (ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์)
- ใช้ถุงเย็นประคบศีรษะบริเวณที่ปวด
การรักษาเพื่อป้องกัน
สำหรับผู้ที่มี สุขภาพ อาการบ่อย แพทย์อาจให้ยาเฉพาะ เช่น ยากลุ่ม Triptans, Beta Blockers, หรือ ยากันชักบางชนิด เพื่อช่วยควบคุมความถี่ของไมเกรน รวมถึงแนะนำการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยกระตุ้น

🌿 วิธีดูแลตัวเองให้ห่างจากไมเกรน
- นอนหลับให้เพียงพอและเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
- รับประทานอาหารให้ครบมื้อ หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น
- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วหรือโยคะ
- จัดการความเครียด ด้วยการทำสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือฟังเพลงผ่อนคลาย
- ลดเวลาใช้หน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ และพักสายตาทุก 30 นาที
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว เพื่อป้องกันการขาดน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของไมเกรน
🚨 เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลันมากจนไม่เคยเป็นมาก่อน
- มีอาการชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด หรือมองเห็นภาพซ้อน
- ปวดหัวต่อเนื่องหลายวันโดยยาแก้ปวดทั่วไปไม่บรรเทา
- มีไข้ คอแข็ง หรืออาเจียนร่วมกับปวดหัว
อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ หรือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน
🧭 สรุป : ปวดไมเกรนไม่ใช่เรื่องเล็ก
ไมเกรนเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การสังเกตอาการและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นคือกุญแจสำคัญในการป้องกัน หากดูแลตนเองอย่างถูกวิธีและเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถควบคุมโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9






