Friday, 22 November 2024

ถ้าเลือกวิธีลดน้ำหนักกับ “นับแคลอรี่” มันจะทำให้เราจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักจริงหรือไม่

20 Jan 2023
257

ถ้า ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่ วิธีล้าสมัยแบบนี้เสี่ยงต่อ สุขภาพ และมันถูกวิธีถูกหลักจริงๆไหม!? แล้วเราจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักหรือเปล่า บอกเลยใครที่กำลังจะลดน้ำหนักหรือมีปัญหาคาใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องห้ามพลาดแวะเข้ามารับชมเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ก่อน

สล็อต xo Slotxo

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่ วิธีล้าสมัยแบบนี้เสี่ยงต่อ “สุขภาพ” หรือเปล่า

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่- อัยตรายหรือเปล่า

เมื่อเดินทางเข้าสู่ปีใหม่เชื่อว่ามีหลายคนนั้นได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ที่จะทำให้ชีวิตนั้นดีขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น การลดน้ำหนักเพื่อให้มีรูปร่างที่ดีขึ้นสวยขึ้น แน่นอนว่านี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายในปีใหม่ที่คนนั้นอยากทำให้ได้มากที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เรามักจะหันมาใช้วิธีควบคุมอาหารและเพิ่มการออกกำลังกาย

เพราะพลังงานที่มีอยู่ในอาหารเมื่อเอามาวัดเป็น Calorie  เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่คิดว่าถ้าเรานับและลดปริมาณแคลอรี่ ที่เรานั้นหม่ำเข้าไป เราจะทำให้การลดน้ำหนักของเรานั้นมีประสิทธิภาพเร็วขึ้น แต่นั่นขอบอกก่อนเลยนะว่าเป็นแนวทางหลายๆคนนั้นต้องคิดใหม่ว่ามันถูกต้องหรือถึงเวลาที่ต้องคิดใหม่

วิธีลดน้ำหนักกับ “นับแคลอรี่” มันจะทำให้เราจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักจริงหรือไม่

มีผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าการนับ Calorie เป็นวิธีที่เก่ากำกึกมาก และออกมาเตือนว่ามันอันตรายมาก เดี่ยวเราลองมาสำรวจแนวคิดนี้กันว่า Calorie เป็นหน่วยของพลังงานที่นิยมใช้เพื่อแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร คำนี้มาจากคำภาษาละตินว่า calor ซึ่งแปลว่าความร้อนและใช้มานานกว่าศตวรรษ

ศาสตราจารย์ Nicolas Cage นิยาม Calorie ว่าเป็นระดับความร้อน ที่นำมาใช้เพื่อทำให้น้ำ 1 ลิตรมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นถึง 1 °C (degree Celsius) ที่ระดับน้ำทะเล และทางด้าน Dr. Giles Yeoh ศาสตราจารย์ด้านอณูประสาทต่อมไร้ท่อ แห่ง university of Cambridge นั้นบอกกับสื่อว่า

ลดน้ำหนักวิธีล้าสมัยแบบนี้เสี่ยงต่อ “สุขภาพ” หรือเปล่า

Nicolas Cage คนนี้ก็คือคนแรกที่ใช้คำนี้ในการอธิบายเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ที่ให้ความร้อนเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ดังนั้นคำจำกัดความในพจนานุกรมของวันนี้ที่กล่าวว่า แคลอรี่เทียบเท่ากับพลังงานความร้อนที่จำเป็นในการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำ 1 กิโลกรัมขึ้น °C (degree Celsius) และเท่ากับหนึ่งพัน Calorie หรือ หนึ่งกิโลแคลอรี

การค้นพบนี้มีผลกระทบอะไรบ้างทั่วโลก

ความฉลาดของทางวิทยาศาสตร์ในการวัดปริมาณ Calorie ของอาหารที่เป๊ะมากที่สุดนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ เพราะอยู่ดีๆ เราก็เปลี่ยนจากความคิดที่เชื่อว่าโภชนาการของของใครคนหนึ่งสัมพันธ์กันโดยตรงกับเชื้อชาติของพวกเขา ภูมิอากาศที่พวกเขาอาศัยอยู่ ชนชั้นทางสังคม

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่- ล้าสมัยไปไหม

และแน่นอนกับเพศของพวกเขาแล้วเราไม่สามารถเทียบโภชนาการของกันและกันได้ แต่อยู่ดีๆ ก็สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ Nick Callather ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศแห่ งIndiana University Bloomington กล่าว สมมติฐานของเราเกี่ยวกับอาหารมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ประชากรเริ่มมองว่าอาหารคือบทสรุปของส่วนประกอบต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น protein carbohydrates สารอาหารรอง ไขมัน และอื่นๆ และในตอนนี้ร่างกายถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเครื่องยนต์และอาหารเปรียบเสมือเชื้อเพลิง เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนให้คุณค่ากับอาหาร Callather กล่าว

ในศตวรรษที่ 20 แคลอรี่เริ่มมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะ

ในศตวรรษที่ 20 แคลอรี่เริ่มมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะ

ในช่วงปี ค.ศ. 1920 และ 1930 กองทัพเรือญี่ปุ่น Japan Maritime Self-Defense Force ได้นำมาตรฐานอาหารสำหรับลูกเรือมาใช้กับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าสัมพันธ์กันกับมาตรฐานของยุโรปที่มีการเพิ่มข้าวสาลีและเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อหมูและไก่ที่เพิ่มเข้าไปในอาหารของกะลาสีเรือ ก่อนจะนำมาโฆษณาต่อประชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก

อาจเป็นไปได้ว่าอาหารญี่ปุ่นที่เราชอบกินกันมากๆในยุคสมัยนี้นั้นอาจจะมาจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา อเมริกาใช้การนับ Calorie เพื่อกำหนดปริมาณความช่วยเหลือด้านอาหารที่จำเป็นในการส่งไปยังประเทศที่ประสบปัญหาภัยแล้ง

และสันนิบาตชาติซึ่งเกิดขึ้นจาก Treaty of Versailles เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ได้ศึกษาโภชนาการตามมาตรฐานในปี 1935 ที่แบอกเอาไว้ว่าให้ผู้ใหญ่ควรได้รับพลังงาน 2,500 แคลอรีต่อวัน และในยุคสมัยนี้มาตรฐานของเพศชายนั้นอยู่ที่ 2,500 แคลอรี ส่วนมาตรฐานของเพศหญิงนั้นอยู่ที่ 2,000 แคลอรี

ทำไมผู้เชี่ยวชาญบางคนแย้งว่าการนับแคลอรี่นั้นล้าสมัย

ทำไมผู้เชี่ยวชาญบางคนแย้งว่าการนับแคลอรี่นั้นล้าสมัย

มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยเลยที่บอกว่าการนับแคลอรี่นั้นโบราณเกินและนี่คือเหตุผล และถึงแม้ว่าอาหารต่างชนิดกันจะมีค่าพลังงานเท่ากัน แต่ก็อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพและคุณค่าทางโภชนาการไม่เท่ากัน เช่น นมหนึ่งแก้วมีแคลอรีประมาณ 184 แคลอรี และเบียร์ 1 แก้วมีแคลอรีน้อยกว่าคือ 137 แคลอรี

Dr. Giles Yeoh บอกว่าเราไม่ได้กินแคลอรีเพราะจริงๆแล้วเรากินอาหารแล้วร่างกายของเราต้องทำงาน เพื่อดึงแคลอรี่ออกมา และมันก็ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่เรากิน อย่างเช่น แครอท โดนัท หรือสเต็ก ร่างกายของเราต้องทำงานในระดับที่ไม่เหมือนกันเพื่อดึงเอาแคลอรี่ออกมา

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่ น้ำหนักลดจริงๆหรอ

ฉลากที่ติดอยู่ในอาหารที่วางจำหน่ายออยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตจะบอกเราว่า อาหารหนึ่งหน่วยบริโภคมีแคลอรี่มากน้อยเพียงใด แต่มันไม่สามารถบอกได้ว่าร่างกายของเราจะดูดซึมได้มากน้อยเพียงใด เพราะทุก 100 แคลอรีของโปรตีนที่เรากินเข้าไป เราจะดูดซึมได้เพียง 70 แคลอรีเท่านั้น

ดังนั้น 30 เปอร์เซ็นต์ ของแคลอรีจากโปรตีนจะถูกนำไปใช้เพื่อให้เราสามารถดูดซึมแคลอรีได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าไขมันมีความหนาแน่นของพลังงานมาก และเป็นที่เก็บเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมาก สำหรับไขมันทุกๆ 100 แคลอรีที่เรากิน เราจะได้รับไขมันประมาณ 98 ถึง 100 แคลอรี

างแผนการรับประทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก

สรุปง่ายๆให้เข้าก็คือถ้าเรากินมันฝรั่งทอด 100 แคลอรี เราจะดูดซึมแคลอรีได้มากกว่าที่เรากินแครอท 100 แคลอรี Dr. Giles Yeoh แย้งว่าการแผนลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรี่เป็นนั้นไม่สมเหตุสมผล เว้นแต่เราจะพิจารณาถึงประเภทของอาหารที่เราบริโภคลงไป และความซับซ้อนไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น

เพราะพลังงานที่เราดึงออกมาจากอาหารแต่ละประเภทจะได้รับผลกระทบจากตัวแปรนับไม่ถ้วน อย่างเช่น อายุของเรา คุณภาพการนอนหลับ จำนวนแบคทีเรียในลำไส้และฮอร์โมนที่เรามี วิธีเคี้ยวอาหาร เพราะอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากเป็นพิเศษ โปรตีนและกากใยจะถูกทิ้งไป ในขณะที่ไขมัน น้ำตาล และเกลือจะถูกเพิ่มเข้าไป

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่ ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า

โดยมันจะทำให้อาหารมีแคลอรีสูงแต่คุณค่าทางโภชนาการลดลง แคลอรี่ให้ปริมาณแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีคุณค่าโภชนาการที่เพียงพอหรือมาก และก็ไม่ได้บอกว่ามีไขมัน น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ วิตามินมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นผมจึงมีปัญหากับการนับแคลอรี่ มันเป็นเครื่องมือทื่อ ๆ และการนับแคลอรี่อาจส่งเสริมให้เราเลือกสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้

ลดน้ำหนักกับนับแคลอรี่ คือความหลงใหลที่เป็นอันตราย ?

ความหลงใหลที่เป็นอันตราย ?

การผูกมัดกับแคลอรีนั้นสร้างความเสียหายให้กับผู้คน Adrian Rose Bitar  ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอาหารอเมริกันและสุขภาพแห่งCornell University ในนครนิวยอร์ก บอกเอาไว้และเตือนว่าการเข้าสู่แผนลดน้ำหนักโดยการลดจำนวนแคลอรี่อาจสร้างปัญหาได้

คนติดเหล้าสามารถเลิกติดเหล้าได้แต่เราไม่สามารถเลิกกินอาหารได้ ความผิดปกติในการรับประทานอาหารมากมายล้วแล้วแต่มีจุดเริ่มต้นมาจากโปรแกรมนับแคลอรี่ที่ดูไม่น่ากลัว เช่น ภาวะไร้ความอยากอาหารหรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้ โรคผิดปกติทางอารมณ์ทำให้กินมากเกินไปแล้วอาเจียนออก หรือ โรคคลั่งกินอาหารคลีนเพื่อสุขภาพ

ควรรักษาสมดุลของพลังงานที่เรากินกับพลังงานที่ใช้

ทางเลือกคืออะไร

ผู้เชี่ยวชาญบางคน อาทิ Bridget Benelam ที่ทำงานอยู่ที่มูลนิธิโภชนาการของอังกฤษ เตือนเราว่าอย่าทิ้งแคลอรี่ แม้มันจะมีข้อบกพร่องทั้งหมด แต่แคลอรี่ก็มีค่าสามารถนำมาใช้งานได้ โรคอ้วนน่าจะเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดที่เรากำลังพบเจออยู่ ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คนมีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนจึงมีความสำคัญ

สำหรับบางคนที่กำลังหาวิธีที่จะลดน้ำหนัก Bridget Benelam บอกว่าการนับแคลอรี่มีประโยชน์มากในการ วางแผนการรับประทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก เพราะสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าคนที่กินกินอะไรและแคลอรี่ที่กินนั้นมันมาจากไหน เช่น เมื่อเราดูว่าผู้คนกินไขมันอิ่มตัวมากเกินไปหรือไม่ ก็ให้คำนวณตามจำนวนแคลอรีที่ได้รับเข้าไปจากไขมันอิ่มตัว

ดังนั้นจากแนวทางวิทยาศาสตร์ เรื่องพวกนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการวัดและเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ และในสหราชอาณาจักร (NHS) กล่าวว่า ผู้คนควรรักษาสมดุลของพลังงานที่เรากินกับพลังงานที่ใช้ และบอกว่าอย่ากังวลมากเกินไปหากคุณกินมากเกินไปในบางครั้ง โดยแนะนำว่าให้ลดจำนวนพลังงานที่รับเข้าตัวในวันต่อ ๆ ไป