Sunday, 5 May 2024

วิจัยชี้คนสูบกัญชา “ไม่ได้” ขี้เกียจตัวเป็นขน หรือสูญเสียแรงผลักดันต่อสิ่งรอบตัว

07 Sep 2022
250

รู้ไหมว่าคน!! สูบกัญชาไม่ได้ขี้เกียจ ตัวเป็นขน หรือสูญเสียแรงผลักดันต่อสิ่งรอบตัวหรือสูญเสียสุขภาพและไม่ได้มีความสุขน้อยจนเกินไปมากกว่าคนปกติทั่วไป จากงานวิจัยของ University of Cambridge, King’s College ซึ่งนักวิจัยนั้นอธิบายว่าความเชื่อเหล่านั้นที่คือ “อคติ” ที่ไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงเป็นเพียงจินตนาการ

สล็อต xo Slotxo

สูบกัญชาไม่ได้ขี้เกียจ และไม่ได้มีความสุข “น้อยกว่า” คนปกติทั่วไป จากงานวิจัยของ University of Cambridge, King’s College

สูบกัญชาไม่ได้ขี้เกียจ มากกว่าคนทั้วไป

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นภาพของคนที่ใช้กัญชา บ้างก็นั่งนิ่ง บ้างก็นั่งหลับ บ้างก็นั่งสัปปหก บ้างก็ขี้เกียจขนตัวเป็นขน ไม่ยอมทำขยับตัวลุกไปทำงานทำการ แต่ถ้าว่างานวิจัยล่าสุดที่จัดทำโดย University of Cambridge, King’s College บอกว่าความเชื่อที่เกริ่นมานั้นเป็นเพียง “มายาคติ” และไม่เป็นความจริงเลย ทีมนักวิจัยต้องการพิสูจน์ว่าผู้ใช้ที่ใช้ marijuana ตกอยู่ในภาวะ (Apathy) สูญเสียแรงบรรดาใจ และมีภาวะ (Apathy) เฉยชาต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ซึ่งว่านักวิจัยนั้นได้ทดลองกับอาสาสมัครกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มของผู้ใหญ่จำนวน 274 คน โดบใช้ marijuana หรือกัญชาประมาณ 4 ครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ และจับคู่กับกลุ่มที่มีลักษณะที่เหมือนกันมากที่สุด แต่ไม่ใช้ marijuana กัญชา

สูบกัญชาไม่ได้ทำให้สนใจคนรอบข้างน้อยลง

นักวิจัยได้ทดลองจับตาดูความเฉยชาต่อสิ่งรอบข้าง โดยนักวิจัยนั้นจะให้คะแนนคำถาม อย่างเช่น “ฉันจะมีความสุขทุกเมื่อที่ได้อยู่กับคนในครอบครัวหรือการได้อยู่กับเพื่อนสนิท” ส่วนการทดสอบว่าอาสาสมัครสูญเสียแรงผลักดันหรือไม่ได้สูญเสีย ทำผ่านคำถามเกี่ยวกับรูปแบบบุคลิกภาพ เช่น ความแสวงหาการเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือแนวคิดด้านการทำงาน นักวิจัยพบว่า กลุ่มอาสาสมัครที่ใช้ marijuana กัญชาได้รับคะแนนด้านการเมินเฉยต่อสิ่งรอบตัว “น้อยกว่า” กลุ่มอาสาสมัครที่ไม่ใช้ marijuana กัญชาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สูบกัญชาไม่ได้ขี้เกียจ-น้อยกว่าหรือมากกว่าคนทั่วไป

หรืออาจสรุปได้ว่าอาสาสมัครเหล่านั้นมีความสุขกับตัวเองมากกว่า ส่วนด้านแรงบรรดานใจ นักวิจัยไม่ทราบว่าอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่ม มีผลทดลองที่แตกต่างกัน เพราะนักวิจัยยังเจอความจริงบางอย่างว่า จำนวนการใช้ marijuana  ไม่สมดุลกันกับข้อสงสัยที่พวกเขาตั้งขึ้นมาทั้งสองข้อที่ตั้งมา การทดลองดังกล่าวนั้นไม่ได้ทำเพียงแค่ในแบบทดสอบเท่านั้น เพราะนักวิจัยนั้นยังได้ไปทำการทดลองกับกลุ่มอาสมัครมากกว่าครึ่งหนึ่งที่มาเข้าร่วมการทดลอง ผ่านการทดลองในทางพฤติกรมม 2 อย่าง

1.เกมส์แรกนักวิจัยสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบความต้องการทางร่างกาย โดยนักวิจัยจะให้อาสาสมัครทดลองเล่นเกมส์กดปุ่ม เพื่อมาเปลี่ยนเป็นขนมหวานกลับไปเป็นของฝากที่บ้าน

2.เกมส์ที่สองที่นักวิจัยสร้างขึ้นนั้นทำขึ้นเพื่อ วัดระดับความพึงใจที่อาสาสมัครนั้นได้รางวัล โดยนักวิจัยนั้นจะให้อาสาสมัครตอบแบบสอบถามว่า อาสาสมัครต้องการรางวัลแบบไหนมากที่สุด และให้อาสาสมัครนั้น

ฟังเพลงในใจ 30 วินาที แล้วเลือก

  • ช็อคโกแลต 1 ชิ้น หรือเงิน 1 ปอนด์

โดยมีให้เลือกตั้งแต่

  • ไม่อยากได้สักนิดจนถึงต้องการมาก

และเมื่อได้รางวัลแล้ว ให้ประเมินอีกครั้งว่า

  • ไม่ชอบมันเลย’ หรือ ชอบมาก
  • และการทดลองดังกล่าวนั้นเป็นการทดลองครั้งที่นักวิจัยไม่เจอความแตกต่างระหว่างคนที่ใช้กัญชาและคนที่ไม่ใช้กัญชา

Martine Skumlien ว่าที่บัณฑิตปริญญาเอก Cambridge psychiatry PhD พูดถึงการทดลองนี้ว่า พวกเขานั้นรู้สึกแปลกใจมากที่ผลการทดลองในครั้งนั้นออกมาแล้วไม่พบความแตกต่างระหว่างคนที่ใช้กัญชาและคนที่ไม่ใช้กัญชา เขากล่าวเสริมว่า “(ผลการวิจัย) มันย้อนแย้งกับภาพจำที่เห็นตามละครและในภาพยนต์” “เราคุ้นเคยกับภาพของ “lazy stoners” ผ่านบทละคร และเราไม่เคยยุติความคิดและไม่เคยเลยที่จะหยุดตั้งคำถามว่า ภาพที่ฉายออกมานั้นมันสามารถนำมา เปรียบเทียบกับความเป็นจริงสำหรับคนที่ใช้กัญชาจริงและถูกต้องหรือผิดอย่างไร แล้วงานวิจัยของเราก็ก็สามารถบอกได้ว่า คนที่เกียจคร้านมันเป็นเพราะตัวของเขานั้นขี้เกียจเอง และคนที่ใช้กัญชาก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นและก็ไม่ได้มีขี้เกียจมากกว่าหรือน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ใช้มันเลย

สูบกัญชาไม่ได้ทำให้เสียสุขภาพจิต

Dr. Will Lawn จิตแพทย์จาก University of Cambridge, King’s College กล่าวว่า งานวิจัยของพวกเรานั้นไม่เจอว่าการใช้กัญชาของกลุ่มเด็กรุ่นใหม่จะส่งผลร้ายและรุนแรงมากกว่ากลุ่มของผู้ใหญ่ เพราะงานวิจัยของเรานำวัยรุ่นกับผู้ใหญ่มาเปรียบเทียบกันว่าใครที่ใช้กัญชาแล้วรุนแรงกว่ากัน แล้วไม่พบว่ากัญชาจะส่งผลเสียต่อวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ ในมุมของแรงกระตุ้น และประสบการณ์ความชื่นชอบและความพอใจและการตอบสนองของสมองต่อรางวัลเลย ซึ่งสามารถสรุปได้อย่างง่ายดายเลยว่า “กัญชา” นั้นไม่มีความสอดคล้องใดๆเลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ Dr. Will Lawn กล่าวต่อว่า แต่พวกเรานั้นยังต้องศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมต่อไปในระยะยาวแหละ เพื่อยืนยันสิ่งที่เราค้นพบว่ามันคือเรื่องจริง