Wednesday, 24 April 2024

วิจัยชี้!! เบาหวานอาจไม่ถามหาแค่เรา “ขยับ” ร่างกายบ่อยๆเดินเบาๆ “หลัง” รับประทานอาหารเพียงไม่กี่นาที

27 Aug 2022
169

สุขภาพวิจัยชี้!!  เบาหวานอาจไม่ถามหา แค่เรา “ขยับ” ร่างกายบ่อยๆเดินเบาๆ “หลัง” รับประทานอาหารเพียง 2 นาทีหลังมื้ออาหารที่เราทานลงไป เพราะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอันตราย เช่น โรคอ้วน และโรคเบาหงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สล็อต xo Slotxo

เบาหวานอาจไม่ถามหา แค่เดิน 2 นาที “หลัง” มื้ออาหารที่เราเอาลงไปในปาก เพราะมัยช่วย “ลด” ระดับ “น้ำตาล” ในเลือด

เบาหวานอาจไม่ถามหา แค่เดิน 2 นาที “หลัง” มื้ออาหาร

รู้ไหมว่า? การเดินเบาๆหลังมื้ออาหารที่เราทานลงไปมันมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมายมหาศาล เพราะนอกจากการเดินมันจะช่วยให้ระบบการย่อยของเราสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว มันยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของเราได้ และที่สำคัญมัยช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนได้ วารสารทางการแพทย์ Sports Medicine นั้นได้ไปนำเอางานวิจัยที่เคยถูกเขียนเอาไว้มาเทียบเคียงกันจำนวนนเจ็ดชิ้น เพื่อต้องการนำมาเปรียบเทียบพฤติกรรม เช่น การนั่ง,การยืนและการเดิน มันมีผลต่อสุขภาพของหัวใจและระดับฮอร์โมนอินซูลิน และระดับน้ำตาลในเลือดหรือไม่อย่างใด

ซึ่งผลการศึกษาทั้งหมดที่พวกเขานั้นได้ไปรวบรวมมาชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การเดินเยงเล็กน้อยหลังจากที่เรานั้นรับประทานอาหารไม่นาน มีผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างมากมาก เพราะสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะสามารถช่วยได้จริง เมื่อเทียบนำผลของมันมาเปรียบเทียบผลจากเวลานั่งนิ่งและการล้มตัวลงนอนหลังจากที่นับประทานอาหารเสร็จ แถมมันยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  (เป็นภาวะการดื้ออินซูลิน ซึ่งคนส่วนมากนิยมเป็นโรคเบาหวานชนิดนี้กัน)

เบาหวานอาจไม่เกิดหากเดินเยอะ

โดยอาสาสมัครกลุ่มที่เดินเบาๆเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลังจากที่ได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหกลุ่มคนเหล่านี้นั้นมีปริมาณที่น้อยลง ส่วนกลุ่มอาสาสมัครที่ไม่ได้เดินหลังรับประทานอาหารลงไปพบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักวิจัยท่านหนึ่งบอกว่า การยืนเฉยๆแบบไม่ขยับเลยมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย เมื่อนำผลของมันนมาเทียบเตียงกับการเดิน 3-5 นาทีหลังจากที่รับประทานอาหารรลงไป เพราะเวลาที่เรานั้นเดินจะต้องใช้กล้ามเนื้อในการเดินมากกว่าการที่เรานั้นยืนนิ่งๆและไม่ได้ขยับร่างกาย เพราะมันคือการใช้พลังงานจากน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดเป็นจำนวนมาก

เบาหวานอาจไม่ถามหา หากเราออกกำลังงกาย

ส่วนอีกผลงานการวิจัยนั้นบอกว่า พวกเขานั้นพบว่าการเดินหลังจากที่รับประทานอาหารประมาณ 60-90 นาทีช่วยให้ร่างกายของเรานั้นดีขึ้น และมันคือวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แถมมันยังมีประโยชน์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างมีนัยสำคัญ เพราะมันเป็นช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดมีโอกาสที่จะสูงขึ้น แต่ถ้าหากเราไม่สามารถทำได้ในระยะ 60-90 นาที เราก็อาจจะไปทำกิจกรรมอื่นๆแทนได้ แบบขยับร่างกาย โดยที่ไม่ให้ร่างกายของเรานั้นนิ่งเฉย เช่น เดินยิบของ เดินออกไปสูดอาการที่นอกห้อง หรือเดินไปเข้าห้องน้ำ

Euan Ashley ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ Stamford International University บอกว่าเมื่อเขานั้นได้พบเจอกับผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ออกมาในครั้งนี้ ที่แสดงเห็นว่าการเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ ในระยะเวลาที่ไม่นานมันคุ้มค่ามากกับสิ่งที่เรานั้นจะได้รับ เพราะมันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นและสามารถวัดผลได้จริง ซึ่งการเดินเบาๆในช่วงเวลาอันสั้นนั้นจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากยิ่งๆขึ้นไป เพราะถ้าหากว่าในช่วงที่เรากำลังนั่งทำงาน แล้วเรานั้นลุกขึ้นไปสูดอากาศที่นอกห้อง หรือนอกสถานที่ที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการออกไปซื้อเครื่องดื่ม กระทั่งการเดินเล่นตามทางเดินก็ส่งผลดีต่อสุขภาพ ให้คนทำงานอย่างมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

เดินเยอะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

ส่วนคนที่ทำงานอยู่ที่บ้าน นักวิจัยก็ขอแนะนำว่าใหเพวกคุณนั้นเดินเล่นรอบๆบ้านของคุณ หากนั่งอยู่ภายในห้องแล้วไม่สามารถออกข้างนอกได้นั้น ก็ให้เดินวนรอบๆห้องที่เราอยู่ไปก่อน หลังจากที่เรานั้นรับประทานอาหารทุกมื้อ ซึ่งอาจจะเลือกทำเป็นหลังอาหารมื้อกลางวันมื้อที่หนักๆก็ได้ เพราะ ยิ่งเรานั้นเดินมากเท่าไหร่ไม่ว่าจะเดินเร็วเดินช้าใช้เวลามากน้อยเพียงใดในระหว่างวันนั้น มันยิ่งเสริมให้ประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของเรานั้นลดลงได้มากขึ้นเท่าตามการเดินของเราเท่านั้น และถ้าหากว่าเรานั้นไม่สามารถหาเวลาว่างให้ตัวเองได้เลยสัก 2-5 นาที เราก็สามารถใช้วิธีการลุกขึ้นยื่นนิ่งๆ ในช่วงเวลาที่สั้นๆ เพื่อให้ร่างกายของเรานั้นได้นำเอาน้ำตาลในเลือดออกมาใช้งานก็ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าวิธีดังกล่าวนั้นจะช่วยได้น้อย แต่ก็ยังถือว่าสามารถช่วยได้อยู่ บางครั้งอาจใช้เวลาในช่วงที่ไปเข้าห้องน้ำเผาผลาญพลังงานจากน้ำตาลได้เช่นกัน