“โรคพยาธิในช่องคลอด” สวัสดีค่า ทุกท่านวันนี้แอดอยากจะมาทุกคนเกี่ยวกับเรื่องราวของสุขภาพ เน้นย้ำผู้หญิงก่อนเลย เพราะเราจะมาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “โรคพยาธิในช่องคลอด” นับได้เลยว่าภัยเงียบที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทั้งนี้ยังเสี่ยงติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว
“โรคพยาธิในช่องคลอด” ภัยเงียบของผู้หญิง
อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด
- มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
- มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด
- บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
- ปวดปัสสาวะบ่อย
- เจ็บปวดขณะปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์
จึงอยากบอกต่อทุกท่านเลยว่า หากเป็นแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบรักษา จะลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะทำให้อักเสบได้ เนื่องจากท่อปัสสาวะและช่องคลอดอยู่ใกล้กันจึงสามารถติดเชื้อได้ง่าย ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก และส่งผลให้มีบุตรยากในอนาคต
เชื้อราในช่องคลอด และพยาธิในช่องคลอด ต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้ด้วยความแตกต่างของเชื้อราและพยาธิในช่องคลอด สามารถแยกได้จากลักษณะอาการที่เด่นๆ เช่น เชื้อราในช่องคลอดมักจะก่อให้เกิดอาการคันมากกว่า และตกขาวจะมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก แต่พยาธิในช่องคลอดจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีอาการแสบบริเวณอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
วิธีการรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด
มาดูกันเลยสำหรับวิธีการรักษา สำหรับโรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการรับประทานยาตามแพทย์สั่งต่อเนื่อง 7-10 วัน ในทางการแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดและคู่นอน มารับการตรวจและรักษาไปพร้อมๆ กัน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำใหม่นั่นเอง
วิธีการป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด
ด้วยโรคพยาธิในช่องคลอดสามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ฉะนั้นแล้วโรคนี้จึงสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ นับได้เลยว่าการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง นอกจากนี้หากพบว่ามีอาการตกขาวผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์