Friday, 17 October 2025

โรคภูมิแพ้คืออะไร และสารก่อภูมิแพ้พบจากที่ไหนบ้าง

16 Oct 2025
57

โรคภูมิแพ้ (hypersensitivity)” คือภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อ สารก่อภูมิแพ้ แรงกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติในอวัยวะที่สัมผัสหรือไวต่อสารนั้น เช่น จมูก ตา ผิวหนัง หรือระบบทางเดินอาหาร ในคนทั่วไปสารเดียวกันอาจ “ไม่ก่ออาการ” แต่ในผู้ป่วยภูมิแพ้ ความไวของร่างกาย และ ปริมาณการสัมผัส จะเป็นตัวกำหนดความรุนแรงของอาการ

สล็อต xo Slotxo

สารก่อภูมิแพ้หลักมี 2 ประเภท

สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

  • ไรฝุ่น (พบมากสุดในบ้าน โดยเฉพาะที่นอน ผ้าปู ปลอกหมอน ผ้านวม พรม)

  • แมลงสาบ

  • ขนสุนัข ขนแมว

  • เกสรหญ้า/ดอกไม้

  • เชื้อราในอากาศ

ไรฝุ่นเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ–ความชื้นที่เหมาะสมของห้องนอน จึงเป็นตัวการสำคัญในบ้าน

สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร

  • นมวัว, นมถั่วเหลือง, ไข่

  • อาหารทะเล

  • แป้งสาลี

เด็กเล็กมักแพ้ นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ส่วนเด็กโต/ผู้ใหญ่พบว่า อาหารทะเล เป็นสาเหตุสำคัญ

โรคภูมิแพ้ เกิดจากอะไร อาการ ตรวจ ป้องกัน รักษาให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

กลุ่มโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยในคนไทย

ภูมิแพ้อากาศ

เริ่มพบได้ตั้งแต่อายุ ~2 ปี ไปจนถึงผู้ใหญ่ เกิดจากเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบเรื้อรังเมื่อสูดสารก่อภูมิแพ้ มีอาการ คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล บางรายมี น้ำมูกไหลลงคอ/เสียงแหบ/เลือดกำเดา หากปล่อยนานอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ

ภูมิแพ้อาหาร

เกิดเมื่อรับประทานอาหารที่แพ้ผ่านกลไกภูมิคุ้มกัน อาการอาจเกิด หนึ่งระบบหรือหลายระบบพร้อมกัน และบางครั้ง รุนแรงถึงชีวิต (เช่น ช็อกจากภูมิแพ้) เด็กเล็กพบมากจากนมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ส่วนวัยโต–ผู้ใหญ่ อาหารทะเล เป็นสาเหตุสำคัญ ต้องระวังส่วนผสมแฝงในอาหารที่อาจกินโดยไม่รู้ตัว

ภูมิแพ้ผิวหนัง

พบบ่อยตั้งแต่อายุ 1–2 เดือนจนถึงเด็กโต มี ผื่นแห้งแดง คัน ลมพิษ ตาบวม ปากบวม ความสัมพันธ์กับ ภูมิแพ้อาหาร พบได้ จึงควรตรวจเพื่อแยกว่าเป็น แพ้อาหารจริง หรือเพียงถูก กระตุ้น จากอาหารบางชนิด

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง—พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

พันธุกรรม: ความเสี่ยงภูมิแพ้เพิ่มขึ้นชัดเจนหากคนในครอบครัวเป็น

  • พ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ → ลูกมีโอกาสเป็น ~30–50%

  • พ่อและแม่เป็นทั้งคู่ → ลูกมีโอกาสเป็น ~50–70%

  • ครอบครัวไม่มีประวัติ → โอกาสเป็น ~10%

สิ่งแวดล้อม: เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายได้ผ่านการ หายใจ, รับประทาน, สัมผัส ตัวอย่างเช่น

  • รับประทานอาหารทะเลแล้ว ลมพิษภายใน ~30 นาที

  • รับประทานยาบางชนิดแล้ว มีผื่นขึ้น

  • กวาดบ้าน/เล่นกับแมว–สุนัขแล้ว จาม คัดจมูก หรือหอบ

  • ปัจจัยกระตุ้นอื่น: อากาศเปลี่ยน, ควันธูป, ควันบุหรี่, ควันท่อไอเสีย, มลพิษอากาศ, ฝุ่น PM 5

สรุปคือ ยีน + สิ่งแวดล้อม ร่วมกันทำให้เกิดอาการ ในผู้ที่มีพื้นฐานเสี่ยง การลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และควบคุมสภาพแวดล้อมจึงสำคัญมาก

แยกอาการภูมิแพ้กับไข้หวัด + ทำไมขอบตาดำจากภูมิแพ้

ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ กับ ไข้หวัด มักสับสน เพราะมี จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ทั้งคู่ แต่ความต่างหลัก ๆ คือ

  • ภูมิแพ้: อาการ “เป็นเวลา” มักเกิด กลางคืน–เช้า ตื่นมา จาม/น้ำมูกไหล พอออกจากบ้านเจอแดดอาจดีขึ้น เกี่ยวโยงกับ ไรฝุ่นบนที่นอน/ตุ๊กตา หรือ สัมผัสสัตว์เลี้ยง

  • ไข้หวัด: อาการมัก ต่อเนื่องทั้งวัน และมี ไข้ เจ็บคอ เสมหะเปลี่ยนสี จมูกไม่ได้กลิ่น ร่วมด้วย

ขอบตาดำเพราะภูมิแพ้ (Allergic shiner) เกิดจากเยื่อบุจมูกและตา อักเสบบวมเรื้อรัง เลือดดำไหลกลับช้า คั่งใต้ตา → คล้ำ/บวม แก้โดย เลี่ยงการขยี้ตาแรง, หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้, และ รักษาอย่างต่อเนื่อง ให้การอักเสบลดลง

วิธีตรวจภูมิแพ้

ตรวจ วินิจฉัย ป้องกัน และการรักษาให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

วิธีตรวจภูมิแพ้ 3 แบบ

  1. Skin Prick Test (ทดสอบสะกิดผิวหนัง)
    แพทย์หยดน้ำยาสารก่อภูมิแพ้บนผิว แล้วสะกิดเบา ๆ ใช้เวลา 20–30 นาที ถ้าแพ้จะ คัน–นูน–บวม–แดง คล้ายตุ่มยุง ข้อดีคือ สะดวก รู้ผลเร็ว (ต้องงดยาแก้แพ้ล่วงหน้า 7–10 วัน)

  2. Allergy Blood Test (Specific IgE)
    ตรวจเลือดเพื่อวัด IgE จำเพาะ ต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด ใช้ประเมินว่า แพ้อะไร และระดับไหน ตรวจได้ทั้ง อาหาร และ อากาศ

  3. Oral Food Challenge Test
    ให้ผู้ป่วย ทดลองรับประทานอาหารที่สงสัย ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นวิธีที่ แม่นยำที่สุด ในการยืนยันการแพ้อาหาร หรือประเมินว่า หายจากการแพ้แล้วหรือไม่

5 วิธีป้องกันภูมิแพ้ในชีวิตประจำวัน

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ตามชนิดที่แพ้: ฝุ่น เกสร ขนสัตว์ อาหาร/ส่วนผสม

  • พักผ่อนพอเพียง เสริมภูมิคุ้มกัน

  • ควบคุมอุณหภูมิ–ความชื้น ภายในบ้าน ลดการกระตุ้นอาการ

  • กินอาหารมีประโยชน์ สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มสมรรถภาพร่างกายและปอด

เคล็ด สุขภาพ ลดไรฝุ่น: ดูดฝุ่นสม่ำเสมอ, ซักผ้าปูที่นอน/ปลอกหมอนน้ำร้อน ~60°C ทุกสัปดาห์, ใช้ ผ้าปู–ปลอกหมอนกันไรฝุ่น ช่วยได้มาก

แนวทางการรักษาและวัคซีนภูมิแพ้

  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ (หัวใจของการรักษา) โดยเฉพาะชนิดที่ทราบแน่ชัด

  • ยารักษาตามอาการ แพทย์จะประเมินแล้วให้ยาอย่างเหมาะสม เช่น ยาลดคัดจมูก, ยาพ่นจมูกสำหรับรายเรื้อรัง

  • วัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy)
    ฉีดสารก่อภูมิแพ้ “เฉพาะชนิดที่แพ้” เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง IgG ต้านภูมิแพ้ แพทย์จะ ไต่ระดับขนาดยา ตามเวลา อาจมี ผื่นแดง/คัน 4–8 ชม. หรือ คัดจมูก–น้ำมูกไหล ภายใน 30 นาทีหลังฉีด ภาวะแพ้รุนแรงพบได้น้อยและ บรรเทาได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม

สรุป: จัดการภูมิแพ้ได้ ถ้ารู้ปัจจัยเสี่ยงของตัวเอง

โรคภูมิแพ้เกิดจาก ภูมิคุ้มกันตอบสนองเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสัมพันธ์ทั้ง “พันธุกรรม” และ “สิ่งแวดล้อม” การดูแลที่ยั่งยืนคือ รู้ตัวกระตุ้นของเรา, ปรับพฤติกรรม–บ้าน–อาหาร, ใช้ยาอย่างถูกต้อง และ พิจารณาวัคซีนภูมิแพ้ ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากแยกโรคให้ชัดและดูแลต่อเนื่อง อาการจะ ดีขึ้น จนคุณภาพชีวิตกลับมาเต็มร้อย ได้

CTA: ถ้าอาการมาก–เป็นเรื้อรัง แนะนำ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้ เพื่อวางแผนตรวจและรักษาเฉพาะบุคคล

FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร?
จากการตอบสนองเกินของภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

ภูมิแพ้กับไข้หวัดต่างกันอย่างไร?
ภูมิแพ้เป็น “ตามเวลา/ตามการสัมผัส” มักไม่มีไข้ ขณะที่ไข้หวัดมักมีไข้ เจ็บคอ เสมหะเปลี่ยนสี และเป็นต่อเนื่องทั้งวัน

ตรวจภูมิแพ้แบบไหนแม่นสุด?
การทดสอบอาหารด้วย Oral Food Challenge ใช้ยืนยันได้แม่นยำที่สุด (ต้องทำในที่ที่ปลอดภัย), ส่วน Skin Prick Test และ Specific IgE ช่วยระบุชนิดสารก่อภูมิแพ้

ทำไมขอบตาดำเวลาแพ้?
เยื่อบุจมูก–ตาบวมเรื้อรังทำให้เลือดดำคั่งใต้ตา จึงเห็นเป็นรอยคล้ำ (Allergic shiner)