Wednesday, 10 December 2025

โรคเท้าเป็นรู (Pitted keratolysis): สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาอย่างถูกต้อง

10 Dec 2025
43

โรคเท้าเป็นรู หรือ Pitted keratolysis เป็นปัญหาที่หลายคนคุ้นเคยในรูปแบบของ “เท้าเหม็น เท้าอับชื้น” แต่แท้จริงแล้วเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชั้นนอก ทำให้เกิด “หลุมเล็ก ๆ” หรือ “รู” กระจายตามฝ่าเท้า มาพร้อมกลิ่นแรงและความอับไม่พึงประสงค์ แม้จะล้างเท้าทุกวันแต่ก็ไม่หายหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง

สล็อต xo Slotxo

แม้โรคนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เสียบุคลิกภาพ และส่งผลต่อความมั่นใจได้อย่างมาก การเข้าใจสาเหตุ อาการ วิธีรักษาและป้องกันจึงสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเหงื่อออกมากหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมอับชื้นบ่อยครั้ง

โรคเท้าเป็นรูคืออะไร?

โรคเท้าเป็นรูคือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้า เชื้อแบคทีเรียจะย่อยโปรตีนชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ หลายรูบนฝ่าเท้า เหมือนผิวถูกกัดกินเป็นหลุมเล็ก ๆ

ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ

  • ฝ่าเท้ามีหลุมเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1–3 มิลลิเมตร 
  • มักเกิดบริเวณส้นเท้า หรือจุดที่เท้ารับน้ำหนัก 
  • มีกลิ่นแรงมาก แม้ล้างเท้าก็ยังไม่หาย 
  • ผิวบริเวณนั้นอาจชื้น ลื่น หรือเป็นสีขาวซีด 
  • ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บ แต่บางรายอาจรู้สึกระคายเคือง 

โรคนี้ถูกเข้าใจผิดบ่อย ๆ ว่าเป็นเชื้อรา ทั้งที่จริงเป็น “เชื้อแบคทีเรีย” ซึ่งต้องใช้การรักษาแบบเฉพาะ

สาเหตุของโรคเท้าเป็นรู

1. ความอับชื้น

ฝ่าเท้าที่อับชื้นจากเหงื่อเป็นเวลานาน เช่น การสวมรองเท้าหุ้มส้นนาน ๆ จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและย่อยผิวหนังได้ง่าย

2. เหงื่อออกมากผิดปกติ

ผู้ที่เหงื่อออกบริเวณเท้ามากกว่าปกติ เสี่ยงเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป เพราะผิวมีความชื้นต่อเนื่อง

3. รองเท้าและถุงเท้าไม่ระบายอากาศ

รองเท้าหนัง รองเท้าผ้าใบหนา ถุงเท้าหนา ทำให้ความชื้นสะสม เกิดการหมักหมม เพิ่มโอกาสเกิดเชื้อแบคทีเรีย

4. ใช้รองเท้าหรือถุงเท้าซ้ำหลายวัน

การใส่รองเท้าคู่เดิมหรือถุงเท้าคู่เดิมโดยไม่ซักให้แห้งสนิท ทำให้เชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ในรองเท้าและกลับมาติดเท้าอีกครั้ง

5. อาชีพหรือกิจกรรมที่เสี่ยง

ผู้ที่ต้องยืนหรือเดินทั้งวัน เช่น

  • ทหาร 
  • พนักงานโรงงาน 
  • นักกีฬา 
  • พนักงานบริการ 
  • ผู้ที่ใส่รองเท้าหุ้มส้นตลอดวัน 

ล้วนมีโอกาสเกิดโรคนี้มากเป็นพิเศษ

โรคเท้าเป็นรู (Pitted keratolysis): สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาอย่างถูกต้อง

อาการของโรคเท้าเป็นรู

ผู้ที่เป็นโรคเท้าเป็นรูอาจสังเกตได้ดังนี้

  • ฝ่าเท้ามีรูเล็ก ๆ เหมือนถูกกัด 
  • มีกลิ่นเท้าแรงมากผิดปกติ 
  • ผิวบริเวณที่เป็นโรคดูเปียก ลื่น หรือซีด 
  • หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดแผลลอกหรือแตก 
  • บางรายอาจรู้สึกแสบร้อนหรือระคายเคือง 

อาการมักรุนแรงขึ้นเมื่อ

  • ใส่รองเท้าตลอดวัน 
  • อากาศร้อนหรือมีเหงื่อออกมาก 
  • เท้าอับชื้นไม่แห้งสนิท 

วิธีรักษาโรคเท้าเป็นรู

การรักษาต้องทำคู่กับการดูแลความสะอาดและลดความชื้นที่เท้า ดังนี้

1. ใช้ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

แพทย์มักให้ยาทาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ ใช้ต่อเนื่องประมาณ 1–2 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น รูที่ฝ่าเท้าจะค่อย ๆ หาย และกลิ่นลดลง

2. รักษาอาการเหงื่อออกมาก

ถ้าเหงื่อออกบริเวณเท้ามาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อชนิดปลอดภัย หรือวิธีลดเหงื่อเฉพาะบุคคลตามที่แพทย์แนะนำ

3. รักษาความแห้งของเท้า

เช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้งก่อนใส่รองเท้า
โดยเฉพาะซอกนิ้วเท้า ฝ่าเท้า และส้นเท้า

4. เลือกถุงเท้าและรองเท้าที่เหมาะสม

  • ถุงเท้าบาง ระบายอากาศดี 
  • รองเท้าโปร่งหรือรองเท้าที่ถ่ายเทอากาศได้ 
  • หลีกเลี่ยงรองเท้าหุ้มส้นชนิดหนา 

5. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าคู่เดิมทุกวัน

ควรสลับรองเท้าเพื่อให้รองเท้าได้แห้งสนิท ไม่ให้ความชื้นสะสม

6. หากเป็นหนักหรือเรื้อรัง ควรพบแพทย์

เพื่อรับยาทาฆ่าเชื้อหรือยารับประทานที่เหมาะสม สุขภาพ และตรวจว่ามีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เชื้อรา หรือแผลติดเชื้อ

วิธีป้องกันโรคเท้าเป็นรู

วิธีป้องกันโรคเท้าเป็นรู

เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำ ควรดูแลเท้าเป็นประจำดังนี้

  • ล้างเท้าด้วยสบู่ทุกวันและเช็ดให้แห้งสนิท 
  • เปลี่ยนถุงเท้าใหม่ทุกวัน 
  • สลับรองเท้าอย่างน้อย 2 คู่ 
  • ใช้แป้งหรือสเปรย์ลดเหงื่อเพื่อป้องกันความอับ 
  • หลีกเลี่ยงรองเท้าที่คับหรือระบายอากาศไม่ดี 
  • ตากรองเท้าในที่ลมโกรกหลังใช้งาน 

การป้องกันนั้นสำคัญที่สุด เพราะแม้รักษาหายแล้ว หากปล่อยให้อับชื้นอีก โรคนี้ก็อาจกลับมาได้ง่ายมาก

เมื่อไรควรไปพบแพทย์

ควรไปพบแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการดังนี้

  • รูที่ฝ่าเท้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น 
  • มีกลิ่นแรงจนผิดปกติ 
  • มีแผล เจ็บ แดง หรือบวม 
  • รักษาเองแล้วไม่ดีขึ้น 
  • กลับมาเป็นซ้ำบ่อยครั้ง 

แพทย์จะประเมินอาการและให้ยาเฉพาะที่เหมาะสม พร้อมแนะนำแนวทางดูแลเฉพาะรายเพื่อให้หายขาด โรคเท้าเป็นรูเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่เหงื่อออกมากหรือใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลานาน อาการสำคัญคือฝ่าเท้ามีรูเล็ก ๆ และกลิ่นเท้าแรง แม้จะไม่รุนแรงถึงชีวิตแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก

การรักษาที่ถูกต้องคือใช้ยาฆ่าเชื้อ ดูแลความสะอาด ลดความอับชื้น และปรับพฤติกรรมการใส่รองเท้า หากดูแลถูกวิธี โรคนี้สามารถรักษาหายและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้