โรคเท้าเป็นรู หรือ Pitted keratolysis เป็นปัญหาที่หลายคนคุ้นเคยในรูปแบบของ “เท้าเหม็น เท้าอับชื้น” แต่แท้จริงแล้วเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชั้นนอก ทำให้เกิด “หลุมเล็ก ๆ” หรือ “รู” กระจายตามฝ่าเท้า มาพร้อมกลิ่นแรงและความอับไม่พึงประสงค์ แม้จะล้างเท้าทุกวันแต่ก็ไม่หายหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง
แม้โรคนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เสียบุคลิกภาพ และส่งผลต่อความมั่นใจได้อย่างมาก การเข้าใจสาเหตุ อาการ วิธีรักษาและป้องกันจึงสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเหงื่อออกมากหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมอับชื้นบ่อยครั้ง
โรคเท้าเป็นรูคืออะไร?
โรคเท้าเป็นรูคือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้า เชื้อแบคทีเรียจะย่อยโปรตีนชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ หลายรูบนฝ่าเท้า เหมือนผิวถูกกัดกินเป็นหลุมเล็ก ๆ
ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ
- ฝ่าเท้ามีหลุมเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1–3 มิลลิเมตร
- มักเกิดบริเวณส้นเท้า หรือจุดที่เท้ารับน้ำหนัก
- มีกลิ่นแรงมาก แม้ล้างเท้าก็ยังไม่หาย
- ผิวบริเวณนั้นอาจชื้น ลื่น หรือเป็นสีขาวซีด
- ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บ แต่บางรายอาจรู้สึกระคายเคือง
โรคนี้ถูกเข้าใจผิดบ่อย ๆ ว่าเป็นเชื้อรา ทั้งที่จริงเป็น “เชื้อแบคทีเรีย” ซึ่งต้องใช้การรักษาแบบเฉพาะ
สาเหตุของโรคเท้าเป็นรู
1. ความอับชื้น
ฝ่าเท้าที่อับชื้นจากเหงื่อเป็นเวลานาน เช่น การสวมรองเท้าหุ้มส้นนาน ๆ จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและย่อยผิวหนังได้ง่าย
2. เหงื่อออกมากผิดปกติ
ผู้ที่เหงื่อออกบริเวณเท้ามากกว่าปกติ เสี่ยงเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป เพราะผิวมีความชื้นต่อเนื่อง
3. รองเท้าและถุงเท้าไม่ระบายอากาศ
รองเท้าหนัง รองเท้าผ้าใบหนา ถุงเท้าหนา ทำให้ความชื้นสะสม เกิดการหมักหมม เพิ่มโอกาสเกิดเชื้อแบคทีเรีย
4. ใช้รองเท้าหรือถุงเท้าซ้ำหลายวัน
การใส่รองเท้าคู่เดิมหรือถุงเท้าคู่เดิมโดยไม่ซักให้แห้งสนิท ทำให้เชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ในรองเท้าและกลับมาติดเท้าอีกครั้ง
5. อาชีพหรือกิจกรรมที่เสี่ยง
ผู้ที่ต้องยืนหรือเดินทั้งวัน เช่น
- ทหาร
- พนักงานโรงงาน
- นักกีฬา
- พนักงานบริการ
- ผู้ที่ใส่รองเท้าหุ้มส้นตลอดวัน
ล้วนมีโอกาสเกิดโรคนี้มากเป็นพิเศษ

อาการของโรคเท้าเป็นรู
ผู้ที่เป็นโรคเท้าเป็นรูอาจสังเกตได้ดังนี้
- ฝ่าเท้ามีรูเล็ก ๆ เหมือนถูกกัด
- มีกลิ่นเท้าแรงมากผิดปกติ
- ผิวบริเวณที่เป็นโรคดูเปียก ลื่น หรือซีด
- หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดแผลลอกหรือแตก
- บางรายอาจรู้สึกแสบร้อนหรือระคายเคือง
อาการมักรุนแรงขึ้นเมื่อ
- ใส่รองเท้าตลอดวัน
- อากาศร้อนหรือมีเหงื่อออกมาก
- เท้าอับชื้นไม่แห้งสนิท
วิธีรักษาโรคเท้าเป็นรู
การรักษาต้องทำคู่กับการดูแลความสะอาดและลดความชื้นที่เท้า ดังนี้
1. ใช้ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
แพทย์มักให้ยาทาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ ใช้ต่อเนื่องประมาณ 1–2 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น รูที่ฝ่าเท้าจะค่อย ๆ หาย และกลิ่นลดลง
2. รักษาอาการเหงื่อออกมาก
ถ้าเหงื่อออกบริเวณเท้ามาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อชนิดปลอดภัย หรือวิธีลดเหงื่อเฉพาะบุคคลตามที่แพทย์แนะนำ
3. รักษาความแห้งของเท้า
เช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้งก่อนใส่รองเท้า
โดยเฉพาะซอกนิ้วเท้า ฝ่าเท้า และส้นเท้า
4. เลือกถุงเท้าและรองเท้าที่เหมาะสม
- ถุงเท้าบาง ระบายอากาศดี
- รองเท้าโปร่งหรือรองเท้าที่ถ่ายเทอากาศได้
- หลีกเลี่ยงรองเท้าหุ้มส้นชนิดหนา
5. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าคู่เดิมทุกวัน
ควรสลับรองเท้าเพื่อให้รองเท้าได้แห้งสนิท ไม่ให้ความชื้นสะสม
6. หากเป็นหนักหรือเรื้อรัง ควรพบแพทย์
เพื่อรับยาทาฆ่าเชื้อหรือยารับประทานที่เหมาะสม สุขภาพ และตรวจว่ามีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เชื้อรา หรือแผลติดเชื้อ
วิธีป้องกันโรคเท้าเป็นรู
เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำ ควรดูแลเท้าเป็นประจำดังนี้
- ล้างเท้าด้วยสบู่ทุกวันและเช็ดให้แห้งสนิท
- เปลี่ยนถุงเท้าใหม่ทุกวัน
- สลับรองเท้าอย่างน้อย 2 คู่
- ใช้แป้งหรือสเปรย์ลดเหงื่อเพื่อป้องกันความอับ
- หลีกเลี่ยงรองเท้าที่คับหรือระบายอากาศไม่ดี
- ตากรองเท้าในที่ลมโกรกหลังใช้งาน
การป้องกันนั้นสำคัญที่สุด เพราะแม้รักษาหายแล้ว หากปล่อยให้อับชื้นอีก โรคนี้ก็อาจกลับมาได้ง่ายมาก
เมื่อไรควรไปพบแพทย์
ควรไปพบแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการดังนี้
- รูที่ฝ่าเท้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น
- มีกลิ่นแรงจนผิดปกติ
- มีแผล เจ็บ แดง หรือบวม
- รักษาเองแล้วไม่ดีขึ้น
- กลับมาเป็นซ้ำบ่อยครั้ง
แพทย์จะประเมินอาการและให้ยาเฉพาะที่เหมาะสม พร้อมแนะนำแนวทางดูแลเฉพาะรายเพื่อให้หายขาด โรคเท้าเป็นรูเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่เหงื่อออกมากหรือใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลานาน อาการสำคัญคือฝ่าเท้ามีรูเล็ก ๆ และกลิ่นเท้าแรง แม้จะไม่รุนแรงถึงชีวิตแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก
การรักษาที่ถูกต้องคือใช้ยาฆ่าเชื้อ ดูแลความสะอาด ลดความอับชื้น และปรับพฤติกรรมการใส่รองเท้า หากดูแลถูกวิธี โรคนี้สามารถรักษาหายและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9







