โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis โดยเชื้อชนิดนี้สามารถสร้างสปอร์ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทำให้คงอยู่ได้นานนับสิบปีในดินหรือสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน โรคนี้สามารถเกิดได้ทั้งในสัตว์และคน จึงถูกจัดเป็นหนึ่งในโรคจากสัตว์สู่คน (Zoonosis) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
โรคแอนแทรกซ์ คืออะไร
โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบในสัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ม้า รวมถึงสัตว์ป่า มนุษย์สามารถติดโรค สุขภาพ ได้จากการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อ หนัง หรือขนสัตว์
ในอดีตโรคนี้ถูกนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ เนื่องจากเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและอันตรายถึงชีวิต
สาเหตุและการติดต่อของโรคแอนแทรกซ์
- สัมผัสโดยตรง: การสัมผัสกับเลือด เนื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ติดเชื้อ
- การสูดดม: หายใจเอาสปอร์แอนแทรกซ์เข้าสู่ร่างกาย
- การรับประทาน: กินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกไม่ทั่วที่มีเชื้อปนเปื้อน
- การฉีดสาร: พบในผู้ใช้สารเสพติดที่ปนเปื้อนเชื้อ
โรคนี้ ไม่ติดต่อจากคนสู่คน โดยตรง แต่เกิดจากการสัมผัสเชื้อที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือสัตว์ป่วย
ประเภทของโรคแอนแทรกซ์
แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง
เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด เกิดจากการสัมผัสเชื้อโดยตรง ทำให้เกิดตุ่มแดง คัน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มหนองและเป็นแผลดำตรงกลาง
แอนแทรกซ์ทางปอด
เกิดจากการสูดสปอร์เข้าไป ทำให้มีอาการคล้ายหวัดในระยะแรก แต่จะลุกลามจนเกิดอาการหายใจลำบาก ปอดบวม และอาจเสียชีวิตได้รวดเร็ว
แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร
เกิดจากการกินเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ อาการคือคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง และอาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
แอนแทรกซ์จากการฉีดสาร
พบในผู้ใช้ยาเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือด เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง
อาการของผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์
- ไข้สูง หนาวสั่น
- อ่อนเพลีย
- แผลพุพองเป็นตุ่มดำ (หากติดทางผิวหนัง)
- หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก (หากติดทางปอด)
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง (หากติดทางเดินอาหาร)
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia)
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อัตราการเสียชีวิตอาจสูงมาก
การวินิจฉัยและการรักษาโรคแอนแทรกซ์
- การวินิจฉัย: ตรวจเลือด ตรวจเชื้อจากแผล ตรวจสารคัดหลั่ง หรือเอกซเรย์ปอด
- การรักษา: ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Ciprofloxacin, Doxycycline หรือ Penicillin
- ผู้ป่วยรุนแรง: อาจต้องนอนโรงพยาบาลและรักษาแบบประคับประคองควบคู่
การรักษาจะมีประสิทธิภาพสูงหากตรวจพบและเริ่มใช้ยาตั้งแต่ระยะต้น
วิธีป้องกัน โรคแอนแทรกซ์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วยหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
- สวมถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องทำงานกับสัตว์
- กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกเท่านั้น
- มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง เช่น สัตวแพทย์ ทหาร หรือผู้ทำงานในห้องแล็บ
- เฝ้าระวังในพื้นที่ที่เคยมีการระบาด
โรคแอนแทรกซ์ อันตรายแค่ไหน
โรคนี้ถูกจัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิต โดยเฉพาะกรณีติดเชื้อทางปอดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 80–90% แต่หากรักษาทันทีตั้งแต่แรกเริ่ม อัตราการหายขาดจะสูงขึ้นมาก
สรุปเกี่ยวกับโรคแอนแทรกซ์
โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่อันตราย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขอนามัย กินอาหารสุก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที
หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานการพบโรคแอนแทรกซ์ ควรติดตามข่าวสารและมาตรการป้องกันจากกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของคุณและครอบครัว
FAQ
โรคแอนแทรกซ์คืออะไร? – โรคติดเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ติดต่อจากสัตว์สู่คนได้
โรคแอนแทรกซ์ติดต่ออย่างไร? – ติดต่อจากการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ สูดสปอร์เข้าไป หรือกินเนื้อสัตว์ปนเปื้อน
อาการโรคแอนแทรกซ์มีอะไรบ้าง? – มีไข้ แผลดำ หายใจลำบาก ปวดท้องรุนแรง ขึ้นกับช่องทางการติดเชื้อ
รักษาโรคแอนแทรกซ์ได้ไหม? – สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9