ไขปริศนาคาใจ ไวรัสปริศนากลายมาเป็น วัคซีนป้องกันฝีดาษวานรได้อย่างไร

ไขปริศนาคาใจ ไวรัสปริศนากลายมาเป็น “วัคซีน” ที่มีเอาไว้ใช้ป้องกัน “ฝีดาษลิง” ได้อย่างไร และมันมาจากไหน จริงไหมที่เขาบอกว่ามาจาก “ม้า” เรื่องลึกลับซับซ้อนกลไกสุขภาพจากมนุษย์และสัตว์ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา อย่างเช่นที่ไปที่มาของ “วัคซีนฝีดาษลิง” ที่คนทั่วโลกนั้นใช้ฉีดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ไวรัสปริศนากลายมาเป็น “วัคซีน” ที่มีเอาไว้ใช้ป้องกัน “ฝีดาษลิง”

ในสมัยโบราณกลุ่มแพทย์กลุ่มเล็กๆ นั้นได้บอกว่าขั้นตอนการรักษาแบบบุกเบิก ซึ่งรวมถึงการใช้ไวรัสที่คิดว่าแพร่ระบาดในวัว และนำมันมาใช้เพื่อป้องกันผู้คนจากโรคฝีดาษนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื้อ และเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย ส่วนเทคนิคดังกล่าวนั้นบอกว่ามันมีชื่อว่า “การฉีดวัคซีน” มีมาจากภาษาละติน “vaccinus” ที่แปลว่า “ของวัว” ส่วนหลักฐานเริ่มแรกนั้นบอกให้เราทราบว่า “วิธีดังกล่าวนนั้นมีประสิทธิภาพพิเศษ” เพราะสามารถป้องกันผู้คนที่ได้รับใหเปลอดภัยจากการติดเชื้อได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนที่ได้รับมันเข้าไปมีอัตราการเสียชีวิตน้อยมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และแม้จะไม่เสียชีวิต แต่ก็อาจเสียโฉมอย่างถาวร

และเมื่อวันเวลาผ่านไปก็ได้มีผู้คนนั้นเกิดความสงสัยในเรื่องของวัคซีนที่แสดงตัวขึ้นมาในอดีต กลุ่มคนที่สงสัยเรื่องดังกล่าวนั้นคือกลุ่มแพทย์ที่รักษาโรคเหล่านี้ ที่เชื่อกันว่า “ฝีดาษวัว” ไม่สามารถติดต่อจากสัตว์มาสู่มนุษย์ได้ อีกทั้งยังมีคนแอบอ้างว่าเด็กที่เคยได้รับการ “ฉีดวัคซีน” ร่างกายนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเหมือนวัว เช่น รอยด่างที่อยู่บนตัวโคนม  จนกลายเป็นประเด็นร้อนในยุคนั้นที่แพทย์นั้นออกโลงมาโต้ตอบกัน ต้องขอบอกก่อนนะว่าตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนั้นก็ยังไม่มีใครที่ไหนสามารถทรายได้ว่าแท้จริงแล้ว่า “ไวรัส” ที่ใช้สร้างวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษที่เราใช้อยู่มาจากที่ใดและสัตว์อะไรให้มา แต่ถ้าว่าวงการแพทย์และนักวิจัยนั้นก็ยังไวรัสลึกลับนี้มาใช้อยู่ในวัคซีนต่างๆ หนึ่งในวัคซีนที่ว่านั้นก็คือ “วัคซีนฝีดาษลิง” ซึ่งในขณะนี้องค์การอนามัยโลกก็ได้ออกประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังปี 1930 เป็นต้นมาไวรัสลึกลับดังกล่าวที่ถูกนำมาใช้กลับกลายมาเป็นวัคซีนที่ยอดนิยมมากที่สุด และในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มีวัคซีนมากกว่าหนึ่งร้อยประเภทโด่งดังแพร่กระจายไปทั่วโลก ต่อมาในปี 1966 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศรณรงค์กำจัดโรคฝีดาษ และเลือกวัคซีนจำนวน 6 สายพันธุ์เท่านั้น ที่จะใช้เพื่อให้สำเร็จ และเมื่อวันเวลาผ่านเลยไป การแพร่กระจายวัคซีนที่ผลิตจากไวรัสที่ไม่มีใครรู้จัก ก็ยิ่งเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีครั้งหนึ่งที่มีคนคิดว่า “โรคฝีดาษม้า” เคยทำให้เกิดการระบาดบ่อยครั้งในทวีปยุโรปบางประเทศ และมันก็สามารถพบได้ทั่วไปแต่ถ้าว่ากลับไม่มีการแยกประเภทโรคที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จนไม่สามารถมีคำอธิบายลากยาวมาถึงปี 1976 ในปีที่ม้าเริ่มล้มป่วยด้วยแผลและอาการเหมือนป่วยไข้ในมองโกเลีย และได้มีคนเสนอข้อแนะบางอย่างว่า การเลี้ยงสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และการวินิจฉัยโรคที่ดีขึ้นอาจทำให้ไวรัสนี้สูญพันธุ์ได้