Thursday, 19 September 2024

รู้หรือไม่!?? vibrator ไวเบรเตอร์ดีต่อสุขภาพ ผู้หญิงจริงๆ เพราะมันคืออุปกรณ์ทางการแพทย์โบราณที่มีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19

10 Jun 2022
600

รู้หรือไม่!?? vibrator ไวเบรเตอร์ดีต่อสุขภาพ ผู้หญิงจริงๆ เพราะมันคืออุปกรณ์ทางการแพทย์โบราณที่มีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 ที่มีรูปร่างหน้าตามันจะเหมือนกับ “เซ็กส์ทอย SexToy” แต่ถ้าไปศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์นี้จะรู้ว่ามันคืออุปกรณ์ที่แพทย์เอาไว้ใช้งานรักษาอาการเส้นประสาททั่วไป และรักษาเนื้องอก และของสิ่งนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเซ็กส์เลย

สล็อต xo Slotxo

ไวเบรเตอร์ดีต่อสุขภาพ vibrator ไม่ใช่ SexToy แต่คืออุปกรณ์ทางการแพทย์โบราณศตวรรษที่ 19

ไวเบรเตอร์ดีต่อสุขภาพ-ผู้หญิงจริงๆ

เชื่อว่ามีหลายคนนั้นไม่ทราบว่า “ไวเบรเตอร์” (vibrator) คืออะไรหลังจากที่มองเห็นรูปร่างแลดูเหมือนว่ามันคือ “เซ็กส์ทอย” แต่ต้องขอบอกเลยนะว่าอันนี้จริงๆ แล้วมันคือ “อุปกรณ์ทางการแพทย์” ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 โดยการนำมาใช้รักษาอาการป่วยต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากเส้นประสาททั่วไป อาการอาหารไม่ย่อย อาการท้องผูกและโรคไขข้ออักเสบต่างๆ รวมมาถึงโรคเนื้องอกโดยที่มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันการนำมาใช้ในเรื่องเซ็กซ์แต่อย่างใด

vibrator ไม่ใช่ SexToy

ประมาณกลางศตวรรษที่ 20 ได้มีคนนำ vibrator ไปพัฒนาในรูปแบบใหม่ทำให้มันสามารถใช้ได้แบบไร้สายด้วยการปรับมาใส่ถ่านแทน และการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นั้นมันตรงกันพอดีกับการปฏิวัติทางเพศ ในช่วงทศวรรษ 1960 ลากยาวจนมาถึงช่วงทศวรรษ 1980 ก็ไม่มีใครบนโลกใบนี้นั้นมองว่า vibrator มันคืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เอาไว้ใช้รักษา เพราะทุกคนมองว่าเจ้า vibrator มันคือ “เซ็กส์ทอย  SexToy” ไปแล้วจากรูปร่างหน้าตาของมันไปอย่างสมบูรณ์ แต่ยังดีที่บริษัทที่นำเครื่อง vibrator มาจำหน่ายตามท้องตลาดทั้วไป และไม่มีใครดึงประโยชน์ที่ช่วยรักษาทางการแพทย์มาโปรโมตสินค้า vibrator ชนิดนี้อีกแล้วในตอนนี้

ไวเบรเตอร์ดีต่อสุขภาพ-นำไปพัฒนาในรูปแบบใหม่

หลายคนยังคงมีความสงสัยว่า vibrator มันทำได้แค่นั้นเหรอ?

ถึงแม้ว่าทางการแพทย์จะยังไม่เห็นด้วยกับข้อความที่กล่าวมาเมื่อข้างต้น ดังนั้นพวกเขาก็เลยได้ไปค้นหาเอกสารสำคัญต่างๆทางด้านการแพทย์ต่างเพื่อค้นหาคำตอบว่าจริงๆ แล้ว vibrator นั้นสามารถทรักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับการรับรองในองค์ความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันจริงหรือไม่จริง อาจจะฟังดูแปลกประหลาด แต่ขอบอกเลยว่ามันคือเรื่องจริง เพราะว่าพวกเขานั้นพบเจอกันเอกสารสำคัญที่สามารถยืนยันได้จากทางการแพทย์จำนวนหลายชิ้น หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการเผยแพร่ผลงานวิจัยครั้งนี้ออกมาผ่าน American Urological Association’s Journal of  Urology ฉบับพฤษภาคม 2022

ไวเบรเตอร์มันคืออุปกรณ์ทางการแพทย์โบราณ

จริงๆแล้ว vibrator มันใช้รักษาอะไรกันแน่แท้จริง? แน่นอนว่า vibrator มันอาจจะไม่ได้ใช้รักษาโรคเนื้องอกหหรืออะไรที่เกี่ยวกับเส้นประสาท อาการอาหารไม่ย่อย และอาการท้องผูกเหมือนในอดีตที่ผ่านมาแน่นอน เพราะนักวิจัยกลุ่มนี้นั้นพบว่า vibrator มีความสามารถช่วยให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง และยืดหยุ่นในส่วนบริเวณกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน แถมมันยังช่วยให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ให้กลับมาปกติได้ รวมมาถึงช่วยงบรรนเทาอาการปวดปากช่องคลอดเรื้อรังอีกด้วย

อาการที่ว่ามาทั้งหมดนี้ มีเอกสารสำคัญหลายชิ้นทางการแพทย์ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า vibrator ช่วยรักษาและบรรเท่าอาการเหล่านี้ได้จริง และนักวิจัยได้ทำการตั้งคำถามต่อไปว่า ถ้ามันเป็นแบบนี้พวกเราควรจะมองว่า vibrator ในรูปแบบใหม่ได้หรือไม่ได้ เพราะ vibrator มันไม่ใช่แค่อุปกรณ์ “เซ็กส์ทอย” เพียงอย่างเดียวแต่ถ้าว่ามันกลับเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์อีดหนึ่งอย่าง ที่มีประโยชน์ใช้แก้ปัญหาสุขภาพหรือรักษาโรคได้หลายอย่างจริง

vibrator มีความสามารถช่วยให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง

พูดง่ายๆให้เข้าใจภาษาบ้านๆของเรานั้นก็คือกลุ่มของนักวิจัยได้ทำการตั้งคำถามยิงไปแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า ทางการแพทย์นั้นมีความพร้อมในการสั่ง vibrator มาให้ผู้ป่วยใช้ควบคู่กับยารักษาอาการป่วยเหล่านั้นที่ว่ามาเมื่อข้างต้นหรือยัง เพราะว่าเรื่องนี้นั้นสามารถพูดหรือเล่าสู่กันฟังได้อย่าง่ายๆ แต่ถ้านำมาใช้จริงๆในทางการรักษาและทางการแพทย์นั้นดูเหมือนจะทำได้ยาก เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างทางการแพทย์อย่างมากมาย เพราะหลายๆคนนั้นมองว่า vibrator คือเซ็กทอนย์เท่านั้น แต่ถ้าว่าความจริงแล้ว vibrator มันคืออุปกรณ์ทางการแพทย์อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรมองข้าม และอย่างที่เรากล่าวมาเมื่อตอนต้นว่าถ้าหากเราทราบประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เริ่มต้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับ vibrator เพราะนี่มันก็คือหนึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เคยเป็นเครื่องมือใช้ในการรักษาอาการป่วยบางชนิด และมันก็คืออุปกรณ์ที่เกิดขึ้นมานานนับร้อยปีที่ผ่านมาเท่านั้นเองๆไม่แปลกแต่ก็ไม่ปกติจริงไหม!???