ข้าวแช่ตำรับบุนนาค ของหวานไทยโบราณสุดแสนจะสดดชื่นมาเสิร์ฟให้ทุกท่านได้เอาไปทำกินแบบฟินๆ แล้วในฤดูร้อนของปีนี้ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดี่ยวตามมาดูไปพร้อมกันได้เลยที่ด้านล่างนี้ ว่าต้องทำยังไงบ้าง อาหาร
ข้าวแช่ตำรับบุนนาค บ้านสุโขทัย มาแจกสูตรให้เอาไปทำกินตามแบบฟินๆ แล้ววันนี้
ใครอยากได้สูตรของหวานโบราณไปทำกินแก้รร้อนบอกเลยว่าแวะเข้ามาส่องถูกที่ถูกทางมากจริงๆ เพราะว่าทางนี้เราได้ไปนำเอาสูตรของหวานไทยโบราณมาให้ได้เอาไปทำกินตาม และเมนูที่ว่านั้นก็คือ “ข้าวแช่” และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดี่ยวตามมาดูไปพร้อมกันได้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง
ส่วนผสม
- ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วย
- น้ำลอยดอกไม้ น้ำกรอง
ดอกไม้สำหรับลอยได้แก่
- ชมนาด กุหลาบมอญ กระดังงา
อุปกรณ์
- หม้อขนาด 10-12 นิ้ว
- ผ้าขาวบาง 2 ผืน
- ตะแกรงกลม
- หม้อสำหรับต้มข้าว
- พายไม้
- เทียนอบใส่ถ้วยขนาดเล็ก
- หม้อสำหรับอบควันเทียน
- ผ้าขนหนูผืนใหญ่สำหรับคลุมหม้อ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- น้ำแข็งสำหรับน็อกข้าว
แป้งชุบทอด
- แป้งทอดกรอบ (150 กรัม) 1 ถุง
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำโซดา (ขนาด 325 มล.) 1 ขวด
- เกลือสมุทร ตามชอบ
อุปกรณ์
- กระชอนกรอง ตะกร้อ อ่างผสม
พริกหยวกสอดไส้
- พริกหยวกแก่ขนาดกำลังดี 12 เม็ด
- ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 8 ฟอง
- เนื้อหมูบดติดมัน 600 กรัม
- รากผักชีซอย 10-15 ราก (หรือปริมาณตามชอบ)
- กระเทียมกลีบเล็ก 10 กลีบ
- พริกไทยขาวป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 3/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำมันพืชหรือน้ำมันคาร์โนลาสำหรับทอด
อุปกรณ์
- อ่างผสม
- มีดคว้าน
- ลังถึง
- ตะแกรงล้างผัก
- กระชอน
- กระทะขนาด 12 นิ้ว
- ตะหลิว
- ตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน
ลูกกะปิทอด
- กระชายซอย 1 ถ้วย
- หอมแดงซอย 1 ถ้วย
- ตะไคร้ซอย 1 ถ้วย
- มะพร้าวขูดขาว 3/4 ถ้วย
- ข่าฝานบางๆ 3-5 แว่น
- กระเทียมไทยซอยบาง 1/4 ถ้วย
- ปลาดุกอุยย่างแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วย
- กะปิ 90 กรัม
- หางกะทิ (หัวกะทิ 2 ถ้วย + น้ำ 2 ถ้วย) 4 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าว 1/4 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลทรายและกุ้งแห้งป่นปุย (ไม่เค็มจัด) ปริมาณตามชอบ
- แป้งชุบทอด
อุปกรณ์
- เครื่องปั่นน้ำ
- กระทะเคลือบกันติด
- ไม้พาย
- หอมแดง
พริกชี้ฟ้าสอดไส้ปลาหวาน
- หอมแดงโทน 24 หัว
- พริกชี้ฟ้าเขียว 12 เม็ด
- น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีชนิดไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะพูน
- น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อปลาช่อนแดดเดียวย่างสับละเอียด 200 กรัม
- หอมแดงเจียว ตามชอบ
- แป้งชุบทอดและน้ำมันสำหรับทอด
ปลาสลิดหรือปลาช่อนบุบแป้งทอด
- ปลาสลิดแดดเดียว 4 ตัว (ประมาณ 500 กรัม)
- หรือปลาช่อนแดดเดียว (ตัวละ 350-400 กรัม) 1 ตัว
- แป้งชุบทอดและน้ำมันพืชสำหรับทอด
หมูเส้นหรือหมูฝอย
- น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีแบบไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
- หมูฝอย 150 กรัม
- หอมแดงเจียวสำหรับโรย ตามชอบ
หัวไชโป๊วผัดหวาน
- หัวไชโป๊วหั่นฝอย 150 กรัม
- น้ำมันหอมเจียว 1 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีแบบไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
ปลาช่อนฉาบหวาน
- ปลาช่อนแดดเดียว (ตัวละ 150 กรัม) 1 ตัว
- น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอดปลาช่อน
ผักเคียงหรือผักแนม
- มะม่วง เช่น พิมเสนมัน แก้วขมิ้น
- กระชาย
- แตงกวา
- ต้นหอม
- พริกจินดาแดง
ขั้นตอนวิธีทำ
ข้าวแช่ (สำหรับ 12 ที่)
น้ำลอยดอกไม้ประกอบไปด้วยดอกไม้ 4 ชนิด คือ
- ชมนาด มะลิ กุหลาบมอญ และกระดังงาไทย
- สัดส่วนคือ 60% 30% 7% และ 3% ของผิวหน้าน้ำลอยตามลำดับ
- เลือกใช้หม้อเคลือบ
- ไม่ควรใช้หม้ออะลูมิเนียม
- ขนาดหม้อมีปากกว้างพอสมควรคือกว้างประมาณ 10-12 นิ้ว
- ความลึกประมาณ 7-8นิ้ว เตรียมไว้
- ใส่น้ำสะอาด (น้ำกรอง) ลงในหม้อ
- ทิ้งระยะให้ผิวน้ำอยู่ห่างจากปากหม้ออย่างต่ำ 1-1½ นิ้ว
เด็ดดอกไม้ในช่วงเย็น (ประมาณ 6 โมง)
- จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังส่งกลิ่นหอม
- ดอกชมนาดเด็ดทีละดอก
- โดยปลิดเอาแต่ดอก ไม่เอากลีบเลี้ยง
- หรือใช้วิธีตัดเป็นช่อออกจากต้นมา
- แล้วมาเด็ดเอาทีละดอกได้เช่นเดียวกัน
- ส่วนดอกมะลิเลือกเอาดอกกำลังตูมขนาดกำลังพอดีไม่เล็กจนเกินไป
- เมื่อได้ดอกไม้ครบแล้ว ล้างดอกไม้ทีละชนิด
- เมื่อล้างสะอาดแล้วจึงใส่ลงในหม้อที่มีน้ำลอยเตรียมไว้อยู่แล้ว
- ทำจนครบทุกชนิด
- ยกเว้นดอกกระดังงาถ้าใช้ให้นำมาลนไฟจนส่งกลิ่นหอมก่อนแล้วจึงนำไปลอย
- หลังจากลอยจนเต็มผิวน้ำแล้ว ปิดฝาหม้อ วางพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง
วิธีทำพริกหยวกสอดไส้
ล้างพริกหยวกให้สะอาด
- ซับให้แห้งกรีดพริกหยวกตลอดความยาว
- ตั้งแต่ขั้วพริกถึงปลายพริก
- ใช้มีดคว้านเอาแกนเมล็ดพริกด้านในออกทำจนครบ
เตรียมไส้หมูสับ
- โขลกรากผักชีและกระเทียมให้ละเอียดใส่ลงในอ่างผสมเนื้อหมู
- ตามด้วยพริกไทยขาวป่น
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ และน้ำตาล ใส่ไข่ไก่
- นวดผสมให้เหนียวเข้ากันดี
สอดไส้พริกด้วยหมูสับปรุง
- ใส่ไส้ช่วงบนและล่างของเม็ดพริกก่อนจนเต็มแล้วจึงใส่ตรงกลาง
- ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งลูบตลอดความยาวพริก
- เพื่อให้แน่ใจว่าไส้หมูเต็มเสมอกันทั้งเม็ดพริก
- ทำจนครบทั้ง 12 เม็ด
- เรียงพริกหยวกใส่จานเตรียมไว้
- ระหว่างนั้นตั้งหม้อลังถึงใส่น้ำให้เดือด
- นำพริกหยวกนึ่งประมาณ 8 นาที
- หากพริกเม็ดใหญ่ให้เพิ่มเวลานึ่งอีก 1-2 นาที
- เมื่อครบเวลาปิดไฟ นำพริกหยวกวางเรียงด้านในตะแกรงล้างผัก
- วางเรียงเม็ดพริกในแนวตั้งเพื่อให้น้ำจากพริกไหลลงด้านล่างตะแกรง
- พักให้พริกหยวกเย็นสนิทและผิวพริกหยวกแห้งตึง
- นำไปพักในตู้เย็นให้เซทตัว
เตรียมโรยฝอยไข่
- ต่อยไข่ไก่ลงในชามผสม
- ตีพอเข้ากันแล้วกรองผ่านกระชอนให้ได้ไข่ไก่เนื้อเนียน พักไว้
- ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะขนาด 12 นิ้ว
- ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง
- พอน้ำมันร้อนได้ที่ ใช้นิ้วทั้งห้าจุ่มลงในชามไข่ไก่
- ยกขึ้นสะบัดไข่ออกจากนิ้วกลับไปกลับมาเป็นเส้นบางๆ
- สานกันเป็นแพแน่นบนผิวน้ำมัน
- รอจนฝอยไข่ด้านที่สัมผัสกับน้ำมันเริ่มเหลือง
- ค่อยๆวางพริกหยวกสอดไส้ที่นึ่งแล้วลงบนแพไข่
- วางพริกให้ค่อนไปด้านในด้านหนึ่งเพียงเล็กน้อย
- ค่อยๆใช้ตะหลิวและส้อมประคองแพไข่ให้ม้วนรอบพริกหยวก
- แล้วตักขึ้นพักบนตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน
- แล้วจึงวางซับด้วยกระดาษทิชชูแผ่นหนาอีกที
- ทำเช่นนี้จนครบทั้ง 12 เม็ด
วิธีทำลูกกะปิ
- ใส่กระชาย หอมแดง ตะไคร้
- มะพร้าวขูด ข่า กระเทียม
- และเนื้อปลาดุกลงในอ่างผสม
- คลุกเคล้าให้ส่วนผสมกระจายเข้ากันดี
- ละลายกะปิกับหางกะทิ 1 ถ้วยจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
- แล้วจึงเทลงในอ่างผสม
- คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
ใส่หางกะทิครึ่งหนึ่งลงในโถปั่น
- ตักเครื่องลูกกะปิที่ผสมไว้ลงในโถปั่น
- ปั่นจนส่วนผสมมีลักษณะเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
- แล้วจึงทยอยตักเครื่องลูกกะปิลงไปเพิ่ม
- สลับกับใส่หางกะทิที่เหลือ
- วิธีการปั่นแบบนี้จะช่วยให้ลูกกะปิละเอียดเสมอกัน
- ลูกกะปิที่ปั่นได้ที่ควรมีเนื้อละเอียด
เทเครื่องลูกกะปิที่ปั่นแล้วทั้งหมดลงในกระทะเคลือบ
- ตั้งบนไฟแรง ใช้ไม้พายกวนไปตลอด
- พอส่วนผสมเริ่มงวดลง ลดไฟเป็นไฟกลาง
- ใส่น้ำตาลมะพร้าว
- กวนต่อจนลูกกะปิแห้งดี
- ปิดไฟ พักลูกกะปิไว้ในกระทะ
- ทิ้งไว้จนเย็นสนิท
นำกระทะลูกกะปิกลับขึ้นตั้งบนไฟอ่อน
- หยอดหัวกะทิรอบๆลูกกะปิ
- แล้วกวนต่อให้ส่วนผสมคลายตัวนุ่มลงอีกครั้ง
- ชิมส่วนผสมให้ออกรสหวาน-เค็มรดต้นคอ
- หรือหวานเค็มใกล้เคียงกัน
- ถ้าขาดเค็มให้โรยด้วยกุ้งแห้ง
- หลังจากนั้นกวนให้ลูกกะปิแห้งดีอีกครั้ง
- ปิดไฟ ตักออกจากกะทะ
- พักไว้ให้ลูกกะปิหายร้อน
- ลูกกะปิจะมีความฉ่ำปั้นง่ายขึ้น
ปั้นลูกกะปิขนาดประมาณเหรียญ 25 สตางค์
- กดให้แบนเล็กน้อย เรียงใส่ถาดเตรียมไว้
- หากยังไม่ทอดทันทีให้ปิดพลาสติกแรปคลุมไว้ก่อน
วิธีทำหอมแดงและพริกชี้ฟ้าสอดไส้ปลาหวาน
- ใส่น้ำมันหอมเจียวลงในกระทะ
- พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
- คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
- น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
- ใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
- พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
- เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
- ลดเป็นไฟอ่อน ค่อยๆโปรยเนื้อปลาช่อนสับลงไป
- ผัดคลุกให้เนื้อปลาซับน้ำตาลในกระทะ
- ค่อยๆเติมเนื้อปลาลงทีละน้อยจนหมด
- ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดไฟ
- ใส่หอมแดงเจียวตามชอบ
เตรียมคว้านหอมแดงและพริก
- โดยตัดหอมแดงออกจากมัดให้เหลือปลายไว้ประมาณ 2 ซม.
- ตัดขั้วสีขาวด้านล่างหอมแดงออกบางๆ
- ใช้มีดคว้านด้านในหอมแดงให้เป็นโพรง
- แต่เนื้อหอมแดงและเปลือกด้านนอกยังสมานกันอยู่ ทำจนครบ
ส่วนพริกชี้ฟ้าโดยล้างพริกชี้ฟ้า
- ให้สะอาด ซับให้แห้งสนิท
- ใช้มีดคว้านกรีดเม็ดพริกตามยาวตั้งแต่ขั้วจนถึงปลายพริก
- เซาะไส้พริกด้านในออกจนหมด
- สอดไส้พริกด้วยไส้ปลาหวานจนเต็ม
- เนื้อปลาที่เป็นไส้เรียบเสมอกับเปลือกพริก
- ใส่จานเตรียมชุบทอดในขั้นตอนต่อไป
- ใส่ไส้ปลาหวานในหอมเเดงจนเต็ม
- เรียงใส่จาน
- เตรียมสำหรับชุบทอด
วิธีทำปลาสลิดหรือปลาช่อนชุบแป้งทอด
- ใช้มีดแล่ปลาสลิดออกเป็นสองฝั่ง
- เอาก้างออก ใช้กรรไกรตัดครีบออกให้เรียบร้อย
- นำไปผึ่งแดดจนเนื้อปลาตึงแห้ง
- แล่ปลาสลิดเป็นชิ้นบางที่สุด
- วางเรียงชิ้นปลาสลิดอย่าให้ซ้อนกันไว้บนจาน
- ผึ่งไว้ข้ามคืนจนเนื้อปลาแห้งสนิท
- ส่วนปลาช่อนให้ทำเช่นเดียวกัน
- แล่ปลาช่อนให้เป็นเส้น
- มีหน้าตัดประมาณ 2 ซม.
- แล้วสไลซ์ปลาเป็นชิ้นบาง
- เรียงใส่จานผึ่งไว้ข้ามคืนให้แห้ง
- ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง
- ใส่ปลาช่อนหรือปลาสลิด
- โดยใส่ปลาสลิดหรือปลาช่อนหั่นชิ้นที่ผึ่งจนแห้งแล้วลงในแป้งชุบทอด
- โปรยชิ้นปลาลงในกระทะ
- ทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
เคล็ดลับ
1.เลือกซื้อปลาสลิดแดดเดียวแบบไม่มีกลิ่นตุ
- เนื้อปลาสีขาวไม่อมเหลือง
2.เลือกปลาช่อนแดดเดียวที่มีเนื้ออมชมพู
- กดแล้วเนื้อยังนุ่ม
- แปลว่าปลายังสดไม่เก่าหรือแห้งจนเกินไป
เครื่องหวาน
- น้ำมันหอมเจียว1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1½ -2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูเส้นหรือหมูฝอย
1.เตรียมน้ำตาลสำหรับเคลือบหมูฝอย
- โดยตั้งกระทะบนไฟกลางใส่น้ำมันหอมเจียว
- พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
- คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
- น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
- จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
- พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
- เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
- ปิดไฟทันที เทน้ำตาลเคี่ยวใส่ถ้วยเตรียมไว้
- อย่าเคี่ยวนานเพราะน้ำตาลจะข้นเกิน
- และเวลานำคลุกจะหมูฝอยจะคลุกได้ไม่ทั่ว
- และหมูเกาะกันแน่นเป็นก้อน
2.ใส่หมูฝอยกลับลงในกระทะเดิม
- เปิดไฟอ่อนคั่วหมูฝอยให้พอร้อนระอุทั่ว
- ตักน้ำตาลเคี่ยวหยอดให้ทั่วหมู
- ใช้ตะหลิวสองอันเคล้าหมูฝอยให้ทั่ว
- ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ
- ใส่หอมแดงเจียว
- คลุกให้เข้ากัน
- หมูฝอยควรจะฉ่ำ
- ไม่กรอบเหมือนหมูฝอยธรรมดาที่หาซื้อสำเร็จ
เคล็ดลับ
- เลือกซื้อหมูฝอยเส้นเล็กละเอียด
- ไม่ควรใช้แบบทอดกรอบ
- หรือหมูเส้นหยาบเกินไป
วิธีทำหัวไชโป๊วผัดหวาน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันหอมเจียวบนไฟกลาง
- พอน้ำมันร้อนใส่หัวไชโป๊วลงทอดจนเปลี่ยนเป็นสีขาว
- ตักขึ้นซับมันให้แห้งสนิท
- เทน้ำมันออกให้เหลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- เปิดไฟกลาง
- พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
- คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
- น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
- จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
- พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
- เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
- ใส่หัวไชโป๊วที่ทอดไว้กลับลงไป
- คลุกเคล้าให้น้ำตาลเคลือบทั่ว
- ปิดไฟ
- ตักหัวไชโป๊วผัดหวานใส่ถ้วย
วิธีทำปลาช่อนฉาบหวาน
- เตรียมเนื้อปลาช่อนแล่ตากแห้ง
- โดยตัดครีบ หางออก เลาะก้างออก
- แล่ปลาช่อนให้เป็นเส้น
- มีหน้าตัดประมาณ 2 ซม.
- สไลซ์ปลาเป็นชิ้นบาง
- เรียงใส่จานผึ่งไว้ข้ามคืนให้แห้ง
- เมื่อปลาแห้งแล้วจะเหลือน้ำหนักประมาณ 60 กรัม
ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง
- พอน้ำมันร้อน ใส่ปลาช่อนลงทอด
- พอเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
ทำน้ำตาลสำหรับฉาบปลา
- ใส่น้ำมันหอมเจียวลงในกระทะ
- พอน้ำมันร้อน พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
- คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
- น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
- จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
- พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
- เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด ปิดไฟ
- เทน้ำตาลเคี่ยวใส่ถ้วยเตรียมไว้
ใส่ปลาช่อนทอดลงในกระทะใบเดิม
- ตั้งบนไฟอ่อน
- ค่อยๆผัดจนปลาช่อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง
- ค่อยๆหยอดน้ำตาลที่เคี่ยวลงไป
- ใช้ตะหลิวสองอันผัดคลุกให้น้ำตาลเคลือบปลาทอดให้ทั่วกัน
- ปิดไฟ ปลาฉาบที่ดีควรมีลักษณะฉ่ำวาว
- กรอบหวานเค็มทั่วกัน
ข้าวแช่ตำรับบุนนาค ผักแนม ได้แก่
- มะม่วง พิมเสนมัน แก้วขมิ้น
- กระชาย
- แตงกวา
- ต้นหอม
- พริกจินดาแดง
เคล็ดลับการเตรียมผักแกะสลักคือ
- เตรียมน้ำเย็นจัดใส่น้ำแข็งไว้สำหรับแช่ผักให้สดเสมอ
- ผักที่แกะแล้วจะเด้งหรือโค้งงอสวยงาม
- เมื่อผักงอจนได้รูปทรงที่ นำขึ้นซับบนผ้าสะอาดให้แห้งทั้งสองด้าน
- วางเก็บใส่กล่องที่รองด้วยกระดาษทิชชูแผ่นหนา
- โดยแยกเก็บผักเป็นประเภทเพื่อที่กลิ่นจะได้ไม่ตีกัน
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์