Monday, 6 May 2024

แจกสูตร “ข้าวแช่ตำรับบุนนาค” บ้านสุโขทัย

19 Mar 2024
90

ข้าวแช่ตำรับบุนนาค ของหวานไทยโบราณสุดแสนจะสดดชื่นมาเสิร์ฟให้ทุกท่านได้เอาไปทำกินแบบฟินๆ แล้วในฤดูร้อนของปีนี้ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดี่ยวตามมาดูไปพร้อมกันได้เลยที่ด้านล่างนี้ ว่าต้องทำยังไงบ้าง อาหาร

สล็อต xo Slotxo

ข้าวแช่ตำรับบุนนาค บ้านสุโขทัย มาแจกสูตรให้เอาไปทำกินตามแบบฟินๆ แล้ววันนี้

แจกสูตร “ข้าวแช่ตำรับบุนนาค” บ้านสุโขทัย

ใครอยากได้สูตรของหวานโบราณไปทำกินแก้รร้อนบอกเลยว่าแวะเข้ามาส่องถูกที่ถูกทางมากจริงๆ เพราะว่าทางนี้เราได้ไปนำเอาสูตรของหวานไทยโบราณมาให้ได้เอาไปทำกินตาม และเมนูที่ว่านั้นก็คือ “ข้าวแช่” และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดี่ยวตามมาดูไปพร้อมกันได้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง

ส่วนผสมข้าวแช่ตำรับบุนนาค

ส่วนผสม

  • ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกไม้ น้ำกรอง

ดอกไม้สำหรับลอยได้แก่

  • ชมนาด กุหลาบมอญ กระดังงา

อุปกรณ์

  • หม้อขนาด 10-12 นิ้ว
  • ผ้าขาวบาง 2 ผืน
  • ตะแกรงกลม
  • หม้อสำหรับต้มข้าว
  • พายไม้
  • เทียนอบใส่ถ้วยขนาดเล็ก
  • หม้อสำหรับอบควันเทียน
  • ผ้าขนหนูผืนใหญ่สำหรับคลุมหม้อ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • น้ำแข็งสำหรับน็อกข้าว

แป้งชุบทอด

  • แป้งทอดกรอบ​ (150 กรัม) 1 ถุง
  • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำโซดา (ขนาด 325 มล.) 1 ขวด
  • เกลือสมุทร ตามชอบ

อุปกรณ์

  • กระชอนกรอง ตะกร้อ อ่างผสม

พริกหยวกสอดไส้

  • พริกหยวกแก่ขนาดกำลังดี 12 เม็ด
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 8 ฟอง
  • เนื้อหมูบดติดมัน 600 กรัม
  • รากผักชีซอย 10-15 ราก (หรือปริมาณตามชอบ)
  • กระเทียมกลีบเล็ก 10 กลีบ
  • พริกไทยขาวป่น 1/2 ช้อนชา
  • น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 3/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง

น้ำมันพืชหรือน้ำมันคาร์โนลาสำหรับทอด

อุปกรณ์

  • อ่างผสม
  • มีดคว้าน
  • ลังถึง
  • ตะแกรงล้างผัก
  • กระชอน
  • กระทะขนาด 12 นิ้ว
  • ตะหลิว
  • ตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน

ลูกกะปิทอด

  • กระชายซอย 1 ถ้วย
  • หอมแดงซอย 1 ถ้วย
  • ตะไคร้ซอย 1 ถ้วย
  • มะพร้าวขูดขาว 3/4 ถ้วย
  • ข่าฝานบางๆ 3-5 แว่น
  • กระเทียมไทยซอยบาง 1/4 ถ้วย
  • ปลาดุกอุยย่างแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วย
  • กะปิ 90 กรัม
  • หางกะทิ (หัวกะทิ 2 ถ้วย + น้ำ 2 ถ้วย) 4 ถ้วย
  • น้ำตาลมะพร้าว 1/4 ถ้วย
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายและกุ้งแห้งป่นปุย (ไม่เค็มจัด) ปริมาณตามชอบ
  • แป้งชุบทอด

อุปกรณ์

  • เครื่องปั่นน้ำ
  • กระทะเคลือบกันติด
  • ไม้พาย
  • หอมแดง

พริกชี้ฟ้าสอดไส้ปลาหวาน

  • หอมแดงโทน 24 หัว
  • พริกชี้ฟ้าเขียว 12 เม็ด
  • น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีชนิดไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะพูน
  • น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อปลาช่อนแดดเดียวย่างสับละเอียด 200 กรัม
  • หอมแดงเจียว ตามชอบ
  • แป้งชุบทอดและน้ำมันสำหรับทอด

ปลาสลิดหรือปลาช่อนบุบแป้งทอด

  • ปลาสลิดแดดเดียว 4 ตัว (ประมาณ 500 กรัม)
  • หรือปลาช่อนแดดเดียว (ตัวละ 350-400 กรัม) 1 ตัว
  • แป้งชุบทอดและน้ำมันพืชสำหรับทอด

หมูเส้นหรือหมูฝอย

  • น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีแบบไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
  • หมูฝอย 150 กรัม
  • หอมแดงเจียวสำหรับโรย ตามชอบ

หัวไชโป๊วผัดหวาน

  • หัวไชโป๊วหั่นฝอย 150 กรัม
  • น้ำมันหอมเจียว 1 ถ้วย
  • น้ำตาลมะพร้าวราชบุรีแบบไม่เป็นก้อน 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ

ปลาช่อนฉาบหวาน

  • ปลาช่อนแดดเดียว (ตัวละ 150 กรัม) 1 ตัว
  • น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา (ขึ้นอยู่กับความเค็มของน้ำปลา) 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอดปลาช่อน

ผักเคียงหรือผักแนม

  • มะม่วง เช่น พิมเสนมัน แก้วขมิ้น
  • กระชาย
  • แตงกวา
  • ต้นหอม
  • พริกจินดาแดง

ข้าวแช่ตำรับบุนนาค ของหวานคลายร้อน เพื่อความสดชื่นได้ 100%

ขั้นตอนวิธีทำ

ข้าวแช่ (สำหรับ 12 ที่)

น้ำลอยดอกไม้ประกอบไปด้วยดอกไม้ 4 ชนิด คือ

  • ชมนาด มะลิ กุหลาบมอญ และกระดังงาไทย
  • สัดส่วนคือ 60% 30% 7% และ 3% ของผิวหน้าน้ำลอยตามลำดับ
  • เลือกใช้หม้อเคลือบ
  • ไม่ควรใช้หม้ออะลูมิเนียม
  • ขนาดหม้อมีปากกว้างพอสมควรคือกว้างประมาณ 10-12 นิ้ว
  • ความลึกประมาณ 7-8นิ้ว เตรียมไว้
  • ใส่น้ำสะอาด​ (น้ำกรอง) ลงในหม้อ
  • ทิ้งระยะให้ผิวน้ำอยู่ห่างจากปากหม้ออย่างต่ำ 1-1½ นิ้ว

เด็ดดอกไม้ในช่วงเย็น (ประมาณ 6 โมง)

  • จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังส่งกลิ่นหอม
  • ดอกชมนาดเด็ดทีละดอก
  • โดยปลิดเอาแต่ดอก ไม่เอากลีบเลี้ยง
  • หรือใช้วิธีตัดเป็นช่อออกจากต้นมา
  • แล้วมาเด็ดเอาทีละดอกได้เช่นเดียวกัน
  • ส่วนดอกมะลิเลือกเอาดอกกำลังตูมขนาดกำลังพอดีไม่เล็กจนเกินไป
  • เมื่อได้ดอกไม้ครบแล้ว ล้างดอกไม้ทีละชนิด
  • เมื่อล้างสะอาดแล้วจึงใส่ลงในหม้อที่มีน้ำลอยเตรียมไว้อยู่แล้ว
  • ทำจนครบทุกชนิด
  • ยกเว้นดอกกระดังงาถ้าใช้ให้นำมาลนไฟจนส่งกลิ่นหอมก่อนแล้วจึงนำไปลอย
  • หลังจากลอยจนเต็มผิวน้ำแล้ว ปิดฝาหม้อ วางพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง
วิธีทำพริกหยวกสอดไส้

ล้างพริกหยวกให้สะอาด

  • ซับให้แห้งกรีดพริกหยวกตลอดความยาว
  • ตั้งแต่ขั้วพริกถึงปลายพริก
  • ใช้มีดคว้านเอาแกนเมล็ดพริกด้านในออกทำจนครบ

เตรียมไส้หมูสับ

  • โขลกรากผักชีและกระเทียมให้ละเอียดใส่ลงในอ่างผสมเนื้อหมู
  • ตามด้วยพริกไทยขาวป่น
  • ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ และน้ำตาล ใส่ไข่ไก่
  • นวดผสมให้เหนียวเข้ากันดี

สอดไส้พริกด้วยหมูสับปรุง

  • ใส่ไส้ช่วงบนและล่างของเม็ดพริกก่อนจนเต็มแล้วจึงใส่ตรงกลาง
  • ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งลูบตลอดความยาวพริก
  • เพื่อให้แน่ใจว่าไส้หมูเต็มเสมอกันทั้งเม็ดพริก
  • ทำจนครบทั้ง 12 เม็ด
  • เรียงพริกหยวกใส่จานเตรียมไว้
  • ระหว่างนั้นตั้งหม้อลังถึงใส่น้ำให้เดือด
  • นำพริกหยวกนึ่งประมาณ 8 นาที
  • หากพริกเม็ดใหญ่ให้เพิ่มเวลานึ่งอีก 1-2 นาที
  • เมื่อครบเวลาปิดไฟ นำพริกหยวกวางเรียงด้านในตะแกรงล้างผัก
  • วางเรียงเม็ดพริกในแนวตั้งเพื่อให้น้ำจากพริกไหลลงด้านล่างตะแกรง
  • พักให้พริกหยวกเย็นสนิทและผิวพริกหยวกแห้งตึง
  • นำไปพักในตู้เย็นให้เซทตัว

เตรียมโรยฝอยไข่

  • ต่อยไข่ไก่ลงในชามผสม
  • ตีพอเข้ากันแล้วกรองผ่านกระชอนให้ได้ไข่ไก่เนื้อเนียน พักไว้
  • ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะขนาด 12 นิ้ว
  • ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง
  • พอน้ำมันร้อนได้ที่ ใช้นิ้วทั้งห้าจุ่มลงในชามไข่ไก่
  • ยกขึ้นสะบัดไข่ออกจากนิ้วกลับไปกลับมาเป็นเส้นบางๆ
  • สานกันเป็นแพแน่นบนผิวน้ำมัน
  • รอจนฝอยไข่ด้านที่สัมผัสกับน้ำมันเริ่มเหลือง
  • ค่อยๆวางพริกหยวกสอดไส้ที่นึ่งแล้วลงบนแพไข่
  • วางพริกให้ค่อนไปด้านในด้านหนึ่งเพียงเล็กน้อย
  • ค่อยๆใช้ตะหลิวและส้อมประคองแพไข่ให้ม้วนรอบพริกหยวก
  • แล้วตักขึ้นพักบนตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน
  • แล้วจึงวางซับด้วยกระดาษทิชชูแผ่นหนาอีกที
  • ทำเช่นนี้จนครบทั้ง 12 เม็ด

วิธีทำลูกกะปิ

  • ใส่กระชาย หอมแดง ตะไคร้
  • มะพร้าวขูด ข่า กระเทียม
  • และเนื้อปลาดุกลงในอ่างผสม
  • คลุกเคล้าให้ส่วนผสมกระจายเข้ากันดี
  • ละลายกะปิกับหางกะทิ 1 ถ้วยจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • แล้วจึงเทลงในอ่างผสม
  • คลุกเคล้าให้เข้ากันดี

ใส่หางกะทิครึ่งหนึ่งลงในโถปั่น

  • ตักเครื่องลูกกะปิที่ผสมไว้ลงในโถปั่น
  • ปั่นจนส่วนผสมมีลักษณะเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
  • แล้วจึงทยอยตักเครื่องลูกกะปิลงไปเพิ่ม
  • สลับกับใส่หางกะทิที่เหลือ
  • วิธีการปั่นแบบนี้จะช่วยให้ลูกกะปิละเอียดเสมอกัน
  • ลูกกะปิที่ปั่นได้ที่ควรมีเนื้อละเอียด

เทเครื่องลูกกะปิที่ปั่นแล้วทั้งหมดลงในกระทะเคลือบ

  • ตั้งบนไฟแรง ใช้ไม้พายกวนไปตลอด
  • พอส่วนผสมเริ่มงวดลง ลดไฟเป็นไฟกลาง
  • ใส่น้ำตาลมะพร้าว
  • กวนต่อจนลูกกะปิแห้งดี
  • ปิดไฟ พักลูกกะปิไว้ในกระทะ
  • ทิ้งไว้จนเย็นสนิท

นำกระทะลูกกะปิกลับขึ้นตั้งบนไฟอ่อน

  • หยอดหัวกะทิรอบๆลูกกะปิ
  • แล้วกวนต่อให้ส่วนผสมคลายตัวนุ่มลงอีกครั้ง
  • ชิมส่วนผสมให้ออกรสหวาน-เค็มรดต้นคอ
  • หรือหวานเค็มใกล้เคียงกัน
  • ถ้าขาดเค็มให้โรยด้วยกุ้งแห้ง
  • หลังจากนั้นกวนให้ลูกกะปิแห้งดีอีกครั้ง
  • ปิดไฟ ตักออกจากกะทะ
  • พักไว้ให้ลูกกะปิหายร้อน
  • ลูกกะปิจะมีความฉ่ำปั้นง่ายขึ้น

ปั้นลูกกะปิขนาดประมาณเหรียญ 25 สตางค์

  • กดให้แบนเล็กน้อย เรียงใส่ถาดเตรียมไว้
  • หากยังไม่ทอดทันทีให้ปิดพลาสติกแรปคลุมไว้ก่อน

วิธีทำหอมแดงและพริกชี้ฟ้าสอดไส้ปลาหวาน

วิธีทำหอมแดงและพริกชี้ฟ้าสอดไส้ปลาหวาน

  • ใส่น้ำมันหอมเจียวลงในกระทะ
  • พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
  • คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
  • น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
  • ใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
  • พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
  • เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
  • ลดเป็นไฟอ่อน ค่อยๆโปรยเนื้อปลาช่อนสับลงไป
  • ผัดคลุกให้เนื้อปลาซับน้ำตาลในกระทะ
  • ค่อยๆเติมเนื้อปลาลงทีละน้อยจนหมด
  • ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดไฟ
  • ใส่หอมแดงเจียวตามชอบ

เตรียมคว้านหอมแดงและพริก

  • โดยตัดหอมแดงออกจากมัดให้เหลือปลายไว้ประมาณ 2 ซม.
  • ตัดขั้วสีขาวด้านล่างหอมแดงออกบางๆ
  • ใช้มีดคว้านด้านในหอมแดงให้เป็นโพรง
  • แต่เนื้อหอมแดงและเปลือกด้านนอกยังสมานกันอยู่ ทำจนครบ

ส่วนพริกชี้ฟ้าโดยล้างพริกชี้ฟ้า

  • ให้สะอาด ซับให้แห้งสนิท
  • ใช้มีดคว้านกรีดเม็ดพริกตามยาวตั้งแต่ขั้วจนถึงปลายพริก
  • เซาะไส้พริกด้านในออกจนหมด
  • สอดไส้พริกด้วยไส้ปลาหวานจนเต็ม
  • เนื้อปลาที่เป็นไส้เรียบเสมอกับเปลือกพริก
  • ใส่จานเตรียมชุบทอดในขั้นตอนต่อไป
  • ใส่ไส้ปลาหวานในหอมเเดงจนเต็ม
  • เรียงใส่จาน
  • เตรียมสำหรับชุบทอด

วิธีทำปลาสลิดหรือปลาช่อนชุบแป้งทอด

  • ใช้มีดแล่ปลาสลิดออกเป็นสองฝั่ง
  • เอาก้างออก ใช้กรรไกรตัดครีบออกให้เรียบร้อย
  • นำไปผึ่งแดดจนเนื้อปลาตึงแห้ง
  • แล่ปลาสลิดเป็นชิ้นบางที่สุด
  • วางเรียงชิ้นปลาสลิดอย่าให้ซ้อนกันไว้บนจาน
  • ผึ่งไว้ข้ามคืนจนเนื้อปลาแห้งสนิท
  • ส่วนปลาช่อนให้ทำเช่นเดียวกัน
  • แล่ปลาช่อนให้เป็นเส้น
  • มีหน้าตัดประมาณ 2 ซม.
  • แล้วสไลซ์ปลาเป็นชิ้นบาง
  • เรียงใส่จานผึ่งไว้ข้ามคืนให้แห้ง
  • ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง
  • ใส่ปลาช่อนหรือปลาสลิด
  • โดยใส่ปลาสลิดหรือปลาช่อนหั่นชิ้นที่ผึ่งจนแห้งแล้วลงในแป้งชุบทอด
  • โปรยชิ้นปลาลงในกระทะ
  • ทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

เคล็ดลับ

1.เลือกซื้อปลาสลิดแดดเดียวแบบไม่มีกลิ่นตุ

  • เนื้อปลาสีขาวไม่อมเหลือง

2.เลือกปลาช่อนแดดเดียวที่มีเนื้ออมชมพู

  • กดแล้วเนื้อยังนุ่ม
  • แปลว่าปลายังสดไม่เก่าหรือแห้งจนเกินไป

เครื่องหวาน

  • น้ำมันหอมเจียว1  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าว 2  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1½ -2   ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมูเส้นหรือหมูฝอย

1.เตรียมน้ำตาลสำหรับเคลือบหมูฝอย

  • โดยตั้งกระทะบนไฟกลางใส่น้ำมันหอมเจียว
  • พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
  • คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
  • น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
  • จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
  • พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
  • เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
  • ปิดไฟทันที เทน้ำตาลเคี่ยวใส่ถ้วยเตรียมไว้
  • อย่าเคี่ยวนานเพราะน้ำตาลจะข้นเกิน
  • และเวลานำคลุกจะหมูฝอยจะคลุกได้ไม่ทั่ว
  • และหมูเกาะกันแน่นเป็นก้อน

2.ใส่หมูฝอยกลับลงในกระทะเดิม

  • เปิดไฟอ่อนคั่วหมูฝอยให้พอร้อนระอุทั่ว
  • ตักน้ำตาลเคี่ยวหยอดให้ทั่วหมู
  • ใช้ตะหลิวสองอันเคล้าหมูฝอยให้ทั่ว
  • ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ
  • ใส่หอมแดงเจียว
  • คลุกให้เข้ากัน
  • หมูฝอยควรจะฉ่ำ
  • ไม่กรอบเหมือนหมูฝอยธรรมดาที่หาซื้อสำเร็จ

เคล็ดลับ

  • เลือกซื้อหมูฝอยเส้นเล็กละเอียด
  • ไม่ควรใช้แบบทอดกรอบ
  • หรือหมูเส้นหยาบเกินไป

วิธีทำหัวไชโป๊วผัดหวาน

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันหอมเจียวบนไฟกลาง
  • พอน้ำมันร้อนใส่หัวไชโป๊วลงทอดจนเปลี่ยนเป็นสีขาว
  • ตักขึ้นซับมันให้แห้งสนิท
  • เทน้ำมันออกให้เหลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เปิดไฟกลาง
  • พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
  • คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
  • น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
  • จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
  • พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
  • เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด
  • ใส่หัวไชโป๊วที่ทอดไว้กลับลงไป
  • คลุกเคล้าให้น้ำตาลเคลือบทั่ว
  • ปิดไฟ
  • ตักหัวไชโป๊วผัดหวานใส่ถ้วย

วิธีทำปลาช่อนฉาบหวาน

วิธีทำปลาช่อนฉาบหวาน

  • เตรียมเนื้อปลาช่อนแล่ตากแห้ง
  • โดยตัดครีบ หางออก เลาะก้างออก
  • แล่ปลาช่อนให้เป็นเส้น
  • มีหน้าตัดประมาณ 2 ซม.
  • สไลซ์ปลาเป็นชิ้นบาง
  • เรียงใส่จานผึ่งไว้ข้ามคืนให้แห้ง
  • เมื่อปลาแห้งแล้วจะเหลือน้ำหนักประมาณ 60 กรัม

ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง

  • พอน้ำมันร้อน ใส่ปลาช่อนลงทอด
  • พอเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

ทำน้ำตาลสำหรับฉาบปลา

  • ใส่น้ำมันหอมเจียวลงในกระทะ
  • พอน้ำมันร้อน พอน้ำมันร้อนใส่น้ำตาลมะพร้าว
  • คนให้น้ำตาลละลายผสานเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมัน
  • น้ำตาลจะเริ่มเดือดเป็นฟองหยาบ
  • จึงใส่น้ำปลาโดยหยอดวนรอบขอบน้ำตาลในกระทะ
  • พอกลิ่นน้ำปลาหอมแตะจมูกจึงใส่น้ำ
  • เคี่ยวจนเป็นฟองละเอียด ปิดไฟ
  • เทน้ำตาลเคี่ยวใส่ถ้วยเตรียมไว้

ใส่ปลาช่อนทอดลงในกระทะใบเดิม

  • ตั้งบนไฟอ่อน
  • ค่อยๆผัดจนปลาช่อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง
  • ค่อยๆหยอดน้ำตาลที่เคี่ยวลงไป
  • ใช้ตะหลิวสองอันผัดคลุกให้น้ำตาลเคลือบปลาทอดให้ทั่วกัน
  • ปิดไฟ ปลาฉาบที่ดีควรมีลักษณะฉ่ำวาว
  • กรอบหวานเค็มทั่วกัน

ข้าวแช่ตำรับบุนนาค ผักแนม ได้แก่

  • มะม่วง พิมเสนมัน แก้วขมิ้น
  • กระชาย
  • แตงกวา
  • ต้นหอม
  • พริกจินดาแดง

เคล็ดลับการเตรียมผักแกะสลักคือ

  • เตรียมน้ำเย็นจัดใส่น้ำแข็งไว้สำหรับแช่ผักให้สดเสมอ
  • ผักที่แกะแล้วจะเด้งหรือโค้งงอสวยงาม
  • เมื่อผักงอจนได้รูปทรงที่ นำขึ้นซับบนผ้าสะอาดให้แห้งทั้งสองด้าน
  • วางเก็บใส่กล่องที่รองด้วยกระดาษทิชชูแผ่นหนา
  • โดยแยกเก็บผักเป็นประเภทเพื่อที่กลิ่นจะได้ไม่ตีกัน

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่