ทำความรู้จักเกลือชมพู พร้อมวิธีบริโภคให้ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกาย Pink Himalayan Salt คือเกลือที่มีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพอีกทั้งยังมีประโยชน์ ที่กลุ่มคนรักสุขภาพนิยมนำมาปรุงอาหาร บอกเลยใครที่ชอบทานของที่มีประโยชน์นั้นต้องดูห้ามพลาดเด็ดขาด
ทำความรู้จักเกลือชมพู พร้อมวิธีบริโภคให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
เกลือชมพูมาลายัน สีชมพูของเกลือที่เห็นนั้นมาจากแร่ธาตุมากประโยชน์ที่ร่างกายของเราจะได้รับ และมันคือเหตุผลที่ทำให้เกลือสีชมพูกลายยมาเป็นวัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารยอดนิยมสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ต้องการได้รับสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในการบริโภค Pink Himalayan Salt หรือ เกลือสีชมพูหิมาลายันนั้นถูกพบว่ามันอยู่ที่เทิอกเขาหิมาลัย ใน Pakistan และเกลือชนิดนี้นั้นหลังจากถูกพบเจอมันก็กลายมาเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมของมนุษย์ในบางประเทศ แม้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ออกกมาอย่างชัดเจนว่ามันมีประโยชน์ด้านใด
เกลือชมพูหิมาลายันมีประโยชน์จริงหรือ
เกลือสีชมพูที่บอกว่ามันมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่าวกายนั้นเป็นเพราะว่า ถ้าหากเราเลือกทานเกลืแชนิดนี้นั้นมันก็เท่ากับว่าเรานั้นลดการบริโภคโซเดียม ที่ว่าลดการบริโภคโซเดียมนั้นเป็น เพราะว่าในเกลือชนิดนนี้นั้นมันคือเกลือที่ที่มีปริมาณโซเดียมไม่มากเท่าเกลือปกติที่เรานั้นบริโภคถึง 388 มิลลิกรัม แม้ว่ามันจะมีความเค็มมากว่า อีกทั้งมันยังมี Sodium Chloride เป็นส่วนประกอบอีกด้วย (ปล.ปริมาณโซเดียมต่ำกว่า โดยเกลือทั่วไปปริมาณ 1/4 ช้อนชามีโซเดียม 581 มิลลิกรัม)
หลายคนเชื่อว่าชนิดดังกล่าวนี้สามารถช่วยรักษาสมดุลความเป็นกรดด่าง (pH) ในร่างกาย อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ร่างกายของเรานั้นชะลอความแก่ รวมไปถึงคนที่นอนไม่หลับก็จะนอนหลับได้พากบริโภคเกลือชนิดนี้ สำหรับบางคนนั้นก็บอกว่ามันสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้โรคระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แม้จะมีความเชื่อที่ว่าที่บอกเล่าต่อกันมาก็ยังไม่สามาระบอกได้ว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างมานั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีงานวิจัยใดออกมารับรองความเชื่อดังกล่าว ส่วนแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ที่ประกอบอยู่ในเกลือชนิดนี้นั้นได้แก่
- โพแทสเซียม
- แคลเซียม
- แมกนีเซียม
- ธาตุเหล็ก
- ซิงค์(Zinc)
แม้ว่าแร่ธาตุที่มีประโยชน์ จะประกอบอยู่ในเกลือชนิดนี้ก็ใช้ว่าเรานั้นจะได้รับมันมาทั้งหมด เพราะว่าการที่เราจะได้รับแร่ธาตุที่มีประโยชน์นั้นเราจำเป็นจะต้องได้รับเกลือในปริมาณที่มากกว่า 30 กรัม ซึ่งปริมาณนี้นั้นมันคือปริมาณโซเดียมที่ควนได้รับต่อวัน ซึ่งถ้าอยากได้แร่ธาตุในเกลือชมพูนั้นอาจต้องแลกกับสุขภาพได้เลยนะ จากข้อมูลที่ยังไม่มีงานวิจัยออกมสรับรองนั้นบอกว่า เกลือธรรมดาและเหลือสีชมพูนั้นไม่ได้มีประโยชน์แตกต่างกันมากเท่าไหร่ นั้นมันก็หมายความว่าเกลือที่แพงกว่านั้นไม่ได้ทำให้เราสุขภาพดี
บริโภคเกลือชมพูหิมาลายันอย่างไรให้พอดี
เกลือสีชมพูมีนั้นมีวางจำหน่ายให้เราไปซื้อมาปรุงอาหารทั้งแบบหยาบและแบบป่นละเอียด ซึ่งการนำมาใช้งานนั้นก็สามารถนำมาใช้ได้เหมือนเกลือแกงทั่วไป ทั้งต้ม หมัก แกง และการปรุงอาหารแบบอื่นๆ ส่วนปริมาณที่เราควรใช้ในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับอายุ เพศ วัย และสภาพร่างกายของแต่ละคน
***ปล.เกลือป่น 1 ช้อนชา มีโซเดียม 2,000 มิลลิกรัม
ผู้ที่อายุ 19–30 ปี เพศชาย
- ควรได้รับโซเดียม 500–1,475 มิลลิกรัมต่อวัน
ผู้ที่อายุ 19–30 ปี เพศหญิง
- ควรได้รับ 400–1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
ผู้ที่อายุ 31–70 ปี เพศชาย
- ควรได้รับโซเดียม 475–1,450 มิลลิกรัมต่อวัน
ผู้ที่อายุ 31–70 ปี เพศหญิง
- ควรได้รับ 400–1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
เกลือสีชมพูที่วางจำหน่ายอาจมีปริมาณโซเดียมแตกต่างกัน ดังนั้นทุกครั้งก่อนที่เรานั้นจะใช้เกลือจำเป็นจะต้องอ่านและดูฉลากก่อนทุกครั้ง และควรใช้เหลือปริมาณเล็กน้อยเท่านั้นในการปรุงอาหาร แม้ว่าปริมาณโซเดียมของมันนั้นจะน้อยกว่าเกลือแกงทั่วไป แต่ถ้าว่าเกลือสีชมพูนั้นก็มีความเค็มที่มากกว่า และถ้าหากเราบริโภคมันเข้าไปมากโซเดียมในร่างกายมันก็จะมากจนทำให้เราพบเจอกับปัญหาสุขภาะ และการคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่าง ๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะมันอาจส่งผลไปยังบริเวณต่างๆเช่น
- ใบหน้า แขน ขาบวม และน้ำหนักเกิน
- ความดันโลหิตสูง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น
- ภาวะหัวใจโต (Enlarged Heart Muscle)
- หัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
- ภาวะขาดไอโอดีน
- โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต
ต้องขอบอกก่อนนะว่าเกลือสีชมพูมักไม่ได้ผ่านกระบวนการเติมไอโอดีนในการแปรรูปเหมือนเกลือแกงที่พวกเรานำมาใช้ปรุงอาหาร ดังนั้นการใช้เกลือสีชมพูมากๆมันก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด สำหรับบางคนนั้นก็ได้นำเกลือชนิดนี้มาปรับเปลี่ยนเป็นโคมไฟ Himalayan Salt Lamps หรือโคมไฟหินเกลือหิมาลัย ส่วนสาเหตุที่นำมาทำแบบนี้นั้นเป็นเพราะว่า มันน่าจะช่วยให้เรานั้นสามารถปับอารมณ์ในการนอนของเราให้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้บรรยากาศในบ้านในห้องน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งนี่มันก็คืออีกหนึ่งความเชื่อที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์จากวิทยาศาสตร์
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์