Sunday, 12 May 2024

บริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจอาหารชู “ปลาหยก” ให้เป็นอาหารพรีเมียม แต่ถูกกระแสตีกลับ!!

ปลาหยก สัตว์น้ำห้ามเพาะเลี้ยงที่ไทย แต่ดันถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจอาหารยกให้เป็น “สัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่” และ อาหาร พรีเมียม แต่ถูกกระแสตีกลับ!! เพราะมันคือสัตว์น้ำต่างถิ่นที่อยู่ในบัญชีห้ามเพาะเลี้ยงหรือเอเลียนสปีชีส์ 13 ชนิด สัตว์น่ารัก

สล็อต xo Slotxo

ปลาหยก สัตว์น้ำห้ามเพาะเลี้ยงที่ไทย แต่ดันถูกยกให้เป็น “สัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่”

ปลาหยก สัตว์น้ำห้ามเพาะเลี้ยงที่ไทย

การเปิดตัวสินค้าจำพวก สัตว์น้ำปลาหยก (Jade Perch) ของ Charoen Pokphand Foods หรือ CPF โดยยกความเป็นอาหาร ” premium ” ที่บริษัทบอกว่ามีโภชนาการสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้นักสิ่งแวดล้อมตั้งคำถามว่า สัตว์น้ำต่างถิ่นที่อยู่ในบัญชีห้ามเพาะเลี้ยงหรือเอเลียนสปีชีส์ 13 ชนิด กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารได้อย่างไร

จากคร่าวที่ทาง Charoen Pokphand Foods ประกาศออกมาให้ประชาชนได้รับทราบว่า สัตว์น้ำปลาหยก เป็นปลาที่ CPF กำลังนำร่องนำเข้าไข่ปลาประเภทนี้มาจากประเทศออสเตรเลีย โดยจะเอามาเพาะเลี้ยงที่ ตำบลยี่สาร อำเภอมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ภายในโรงเรือนระบบปิด พร้อมระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ

ในตอนนี้ส่งปลาประเภทนี้ไปเป็นวัตถุดิบให้กับโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังมากกว่า 20 แห่ง ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างไรก็ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องบังคับประเภทของสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ปรากฏรายการชื่อ ปลาเก๋าหยก (Jade Perch) ในบัญชีท้ายประกาศ 1 ใน 13 ชนิด

บริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจอาหารชู “ปลาหยก” ให้เป็นอาหารพรีเมียม แต่ถูกกระแสตีกลับ!!

หน่วยงานประมงอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจเมื่อวันที่  กุมภาพันธ์ 2023 ว่า CPF ขออนุญาตเอามาและนำปลาประเภทนี้มาศึกษามาทำการวิจัยจริงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตามหลักแล้วสามารถทำการเพาะเลี้ยงได้แต่ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมประมง แต่ CPF ทำการประชาสัมพันธ์ทำการตลาดเชิงพาณิชย์นอกจากเหนือจากที่ขออนุญาต

ในตอนนี้หน่วยงานประมงได้แจ้งให้ CPF หยุดยั้งการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวที่หลุดออกมาภายใน 3 วัน ไม่อย่างนั้นหน่วยงานจะทำการถอดถอนการพักใช้ใบอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดนี้ ซึ่งแปลว่า CPF จะไม่สามารถดำเนินการในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ปลาเก๋าหยก เอกสารคำชี้แจงจากนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ระบุ

ก่อนหน้านี้ ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ นักวิชาการอิสระ ผู้ก่อตั้ง Biodiversity and Environmental Conservation Group ให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS Online ว่า เหตุใดกรมประมงจึงมีการอนุญาตให้ CPF นำเข้าและเพาะเลี้ยงเชิงการค้าได้ ทั้งที่เป็นปลาที่อยู่ในประกาศห้ามเพาะเลี้ยงเอเลียนสปีชส์ 13 ชนิด

ปลาเก๋าหยก (Jade Perch)

หน่วยงานของประมงบอกว่ามีเอกสารอธิบายรายละเอียว่า เมื่อ 3 กุมภาพันธ์  อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า Charoen Pokphand Foods ได้ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าปลาเก๋าหยกเพื่อการศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงเมื่อปี 2561 โดยเป็นการนำเข้าลูกปลาจากประเทศจีนเพื่อเพาะเลี้ยงที่ฟาร์มปลา จ.สมุทรสงคราม

คำอธิบายจากกรมประมงเขียนเอาไว้ต่อว่าหลังจากการทดลองเสร็จสิ้นได้มีการแบ่งแยกปลาทั้งหมดออกมาเป็นเนื้อเป็นชิ้นๆ จะมีแค่เพียงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เท่านั้นที่เหลือไว้ ในเวลาต่อมา CPF ได้ขออนุญาตดำเนินการศึกษาวิจัยการเพาะพันธุ์ การเลี้ยง และการตลาดผลิตภัณฑ์ปลา Jade perch ในระบบปิดน้ำหมุนเวียนเชิงพาณิชย์ เมื่อเดือน เม.ย. 2565

ปลาหยก-ปลาเก๋าหยก ห้ามเลี้ยงห้ามยำเข้า

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาหนทางการพัฒนาสัตว์น้ำด้านธุรกิจประเภทใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ผ่านการร้องขอให้มีการทำการศึกษาและทำงานวิจัยได้ โดยผ่านการลงความเห็นของคณะกรรมการด้าน International business company ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการทดลองเพื่อศึกษาวิจัยด้านการตลาด

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อนุญาตให้ขายเป็นผลผลิตที่ตายไปแล้วเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ปลาแช่แข็ง และอนุญาตให้ขายตามสถานที่ต่างๆของ CPF ในเครือตามที่ CPF เสนอแผนการศึกษามาเท่านั้น เช่น CP Fresh Mart Lotus Makro แต่จากการตรวจสอบข้อมูลการออกข่าวประชาสัมพันธ์พบว่า

CPF ทำทุกอย่างที่นอกเหนือจากข้อกำหนดของโครงการวิจัยที่ CPF ยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับอนุญาต และมีการทำโฆษณารวมถึง ทำธุรกิจต่างๆโดยจำหน่าย ปลาเก๋าหยก ในเชิงธุรกิจทางด้านการค้าขาย ก่อนที่จะแจ้งรายละเอียดต่างๆมากมายให้กรมประมงทราบ

บัญชีสัตว์น้ำห้ามเพาะเลี้ยง บอกไว้ว่าอย่างไร

บัญชีสัตว์น้ำห้ามเพาะเลี้ยง บอกไว้ว่าอย่างไร

ประกาศจาก Ministry of Agriculture and Cooperatives เรื่องข้อบังคับประเภทสัตว์น้ำที่ห้ามขยายพันธุ์และห้ามครอบครัวในประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดยส่วนประมง ซึ่งมีผลให้ใช้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ มีบัญชีแนบท้ายของปลาและสัตว์น้ำรวม 13 ชนิด ได้แก่

  1. ปลาหมอสีคางดำ,
  2. ปลาหมอมายัน,
  3. ปลาหมอบัตเตอร์,
  4. ปลาทุกชนิดในสกุล Cichla และปลาลูกผสม,
  5. ปลาเทราท์สายรุ้ง,
  6. ปลาเทราท์สีน้ำตาล,
  7. ปลากะพงปากกว้าง,
  8. ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช,
  9. ปลาเก๋าหยก,
  10. ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMO ทุกชนิด,
  11. ปูขนจีน,
  12. หอยมุกน้ำจืด
  13. หมึกสายวงน้ำเงินทุกชนิดในสกุล Hapalochlaena

ประกาศฉบับดังกล่าวกำหนดข้อบังคับเอาไว้ด้วยว่า เหตุการณ์ที่ประชาชนที่ทำการเลี้ยงสัตว์น้ำในกลุ่มดังกล่าว ต้องเข้าไปขอใบอนุญาตตามประกาศของหน่วยงานก่อนภายใน 30 วันหลังจากประกาศฯ มีผลบังคับใช้ ส่วนกรณีส่วนราชการ สถาบันการศึกษา หรือกรณีจำเป็นอื่นใด เพื่อศึกษาวิจัยและประโยชน์ทางราชการให้แจ้งขออนุญาตกรมประมงก่อน

ห้ามใครปล่อยสัตว์น้ำทั้งสิบสามประเภท ลงในน้ำตามธรรมชาติไม่ว่าจะกรณีใดๆ เป็นเพราะว่ามีความผิดกฎหมายตามมาตราหนึ่งสี่สี่ และอาจจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากใครจับได้ตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือหลุดเข้าไปในบ่อโดยไม่ตั้งใจ สามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้ปลาตายเสียก่อน