ทำความรู้จัก USDA beef grading การแบ่ง “เกรดเนื้อวัว” ที่นำมาทำเป็นอาหารตามระดับ “ลายหินอ่อน” ของ เนื้อ ยิ่งหินอ่อนบนเนื้อเยอะมากเท่าไหร่ เกรดยิ่งสูงมากแค่นั้น จากการประเมินเนื้อโดยผู้คัดเกรดเนื้อ USDA ที่สร้างความมั่นอกมั่นใจให้กับคนกินทั่วโลก
USDA beef grading คุณภาพเนื้อที่มาพร้อมลายหินอ่อนที่สร้างความมั่นใจให้กับคนกิน
เชื่อว่าทุกคนนั้นเคยสงสัยทุกครั้งเมื่อเรานั้นไปรับประทานอาหารที่ร้านประเภท “เนื้อ” เช่น สเต็กที่มีรสชาติอร่อยเด็ดเข็ดฟันอยู่เป็นประจำว่าทำไมราคาของมันนั้นแพงไม่เหมือนกัน แล้วถ้าบอกว่าคุณภาพนั้นคือตัววัดราคานั้นเอาอะไรมาวัดให้เป็นมาตรฐานในการวัดคุณภาพของเนื้อ!!??
ดังนั้นเราจะขอเล่าย้อนกลับไปให้ฟังก่อนนะว่าการแบ่งเกรดคุณภาพของเนื้อที่เรานำมามห้ดูนั้นคือแบบ USDA (The US Department of Agriculture) คือมาตรฐานสากลในการแบ่งระดับเนื้อวัวดูตามลายหินอ่อนไขมันที่ติดอยู่ในเนื้อวัวยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งมีราคาสูง และช่วงวัยของวัวที่ถูกฆ่านำมาทำเป็นชั้นดี ตามมาตรฐานนั้นบอกเอาไว้ว่าหากเนื้อวัวชิ้นไหนที่มีลายหินอ่อนอยู่บนเนื้อมากนั้น สามารถการันตีได้เลยว่าเนื้อชิ้นนั้นคือเนื้อที่มีเกรดคุณภาพที่สูงมาก
เมื่อปี 1927 นั้นคือปีที่ทาง The US Department of Agriculture ได้เริ่มจัดเกรดเนื้อวัว โดยเขานั้นได้ให้ระดับมาตรฐานที่พวกเขานั้นสร้างขึ้นมานี้กลายเป็นมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ เพราะมาตรฐานนี้นั้นก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม ว่าผู้บริโภคนั้นกำลัง ซื้อเนื้อวัวที่ American ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพที่สูงแบบไม่มีความแคงใจในการซื้อมาบริโภค ส่วนการแบ่งเกรดของเนื้อวัวที่เป็นมาตรฐานสากลนั้นมีด้วยกัน 8 ระดับ ส่วน 8 ระดับที่ว่านั้นเรียงกันมาจากคุณภาพที่สูงสุดลงมาจนถึงคุณภาพที่ต่ำสุด ส่วนการคัดเลือกนี้นั้นจะถูกคัดเบือกจากการประเมินจากผู้คัดเกรดเนื้อ USDA ที่มีทักษะสูง
ซึ่งคนที่มาคัดเลือกนั้นมีความสามารถกำหนดได้เลยว่า เนื้อวัวนั้นจัดอยู่ในประเภทใดเพียงดูด้วยตา แม้ว่าระดับเนื้อวัวที่ดีที่สุดจะมีมากถึง 8 ระดับ นั้นแท้จริงแล้วนั้นมีเพียง 3 ระดับเท่านั้นที่ถูกจัดให้เป็นการแบ่งเกรด และเรานั้นสามารถพบเห็นเนื้อวัว 3 เกรดนี้ได้ง่าย ตามร้านค้าร้านอาหารหรือโรงแรมชื่อดัง และ supermarket เพราะราคานี้และเกกรดนี้นั้นถูกคัดเลือกก่อนที่จะนำมาขายเรียบร้อยแล้ว ส่วน 3 ระดับที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้างเดี่ยวตามมาดูพร้อมกันได้เลยที่ด้านล่างนี้
1- US Prime (เนื้อวัวชั้นดีเยี่ยม)
เนื้อระดับนี้คือเนื้อที่ได้จากวัวหนุ่มที่มรรสุขภาพร่างกายแข็งแรงและได้กินอาหารที่ดีมากๆ เพราะเนื้อของวัวเกรดนี้หรือระดับนี้นั้นจะมีลายหินอ่อนแทรกอยู่ในเนื้อมากถึง 13 เปอร์เซ็นต์ โดยปริมาณไขมันเริ่มต้นที่มีนั้นคือ 8 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าเนื้อที่มีไขมันแทรกเยอะมากขนาดนี้นั้นต้องส่งผลทำให้เนื้อชิ้นนี้นั้นนุ่มชุ่มฉ่ำ และน่ากินรสชาติดีมากๆ และมันก็คือเนื้อชิ้นที่เหมาะสมสำหรับนำไปย่างชิมรสชาติอร่อยมากที่สุด เพราะเนื้อเกรดนี้ค่อนข้างมีน้อยเมื่อเทียบกับเนื้อเกรดอื่นๆ ดังนั้นมันจึงมีวางขายเฉพาะในร้านอาหาร และโรงแรมระดับไฮเอนด์เท่านั้น
2- US Choice (เนื้อวัวชั้นดี)
เกรดนี้คือเนื้อวัวที่ได้จากวัวที่มีวัวเด็กมีลักษณะคล้ายๆกันกับ US Prime แต่จะมีลายหินอ่อนไขมันเข้ามาแซมตามเนื้อปริมาณไม่มากเท่าสองเกรดที่แล้ง เพราะมีปริมาณไขมันแทรกเริ่มต้นที่ 4 เปอร์เซ็นต์ แทรกมากที่สุดนั้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในบรรดาเนื้อทั้งหมดในเกรดต้องขอบอกเลยนะว่าเนื้อส่วนที่เป็นส่วนซี่โครง ที่เหมาะสมมากจะนำมารังสรรค์ทำเป็นเมนูอาหารมากรสเด็ดที่สุด เพราะถ้าหากว่าเรานั้นปรุงรสชาติได้อย่างเหมาะสม เราก็จะได้รสชาติเนื้อและรสสัมผัสที่นุ่มชุ่มฉ่ำ เต็มไปด้วยรสชาติความอร่อย เพราะ มันคือเนื้อเกรดดีในราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงสามารถซื้อหาได้ง่ายดังนั้นเราจึงสามารถพบเจอหรือหาซื้อเนื้อเกรด US choice ได้ตามร้านอาหารทั่วๆ ไปรวมไปถึงตามซูเปอร์มาร์เก็ตร้านค้าทั่วไป
3- US Select (เนื้อวัวชั้นกลาง)
ปิดท้ายกันที่เกรด US Select คือเกรดเนื้อที่มีความบางมากกว่า US Prime และ US Choice เพราะลักษณะไขมันแทรกมีลายหินอ่อนติดอยู่ที่เนื้อของเนื้อชนิดนี้นน้อยกว่ามาก เพราะมีไขมันแทรกเริ่มต้นเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดนั้นก็คือ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ด้วยความที่มีไขมันแทรกน้อยมันเลยส่งผลทำให้มีความเหนียว และไม่มีรสชาติ และมันนั้นน่าจะเหมาะกับการนำไปปรุงเป็นอาหารที่ผ่านความร้อนชื้นประเภท การตุ๋น การนึ่ง การเคี่ยว และการลวก เป็นต้น
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์