Friday, 29 March 2024

เหตุผลทางจิตวิทยาเผย!!เบื้องหลัง “คดีฆ่าลูก” ที่คนในครอบครัวเป็นคนลงมือเอง

04 Mar 2023
417

Lifestyle เบื้องหลังคดีฆ่าลูก ด้วยยน้ำมือของคนที่เป็นพ่อ-แม่ มีหนทางป้องกันอย่างไร? และเหตุผลทางจิตวิทยานั้นมีความเห็นอย่าไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะคดีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นกับเด็กมากกว่า 200,000 คน ในแต่ละปี ซึ่งแต่ละคดีนั้นผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่นั้นคือ พ่อ-แม่-และคนในครอบครัว

สล็อต xo Slotxo

เบื้องหลังคดีฆ่าลูก ด้วยยน้ำมือของคนที่เป็นพ่อ-แม่ มีหนทางป้องกันอย่างไร?

เบื้องหลังคดีฆ่าลูก ด้วยยน้ำมือของคนที่เป็นพ่อ-แม่

ต้องขอเล่าให้ฟังตรงนี้ว่าในแต่ละปีนั้นมีเด็กมากกว่าสองแสนคนที่ถูกฆาตกรรมจากทั่วทุกมุมโลก รวมไปเคนที่เด็กถูกบิดามารดาหรือคนในครอบครัวคือผู้ก่อเหตุ ซึ่งเด็กบางคนที่ถูกฆ่านั้นก็อาจมาจากความหวังดี ที่ครอบครัวนั้นเข้าใจว่าคือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ได้รับความเจ็บปวดอีกต่อไป

แต่สำหรับเคสที่เด็กถูกฆ่าตายเพราะคนในครอบครัวนั้นมีอาการเจ็บป่วยทางจิต หรือต้องพบเจอกับความกดดันมากมายในชีวิต ซึ่งถ้าดูตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกาจะพบว่า คดีดังกล่าวนั้นคนที่ลงมือสังหารลูกในไส้คือทั้งพ่อและแม่ และทั้งสองก็มีอัตราฆ่าลูกที่ไม่ได้แตกต่างกัน

ภาพวาดสุดแสนน่าขนหัวลุก Saturn Devouring His Son ที่เป็นผลงานของ ฟรันซิสโก โกยา (Francisco Goya) นักวาดชาวสเปนที่อาศัยอยู่ในยุคศตวรรษที่ 18-19 เป็นศิลปะแนวจินตนิยม (Romanticism) ที่เผยแพร่ภาพ Giant Titan ในตำนานกรีกที่กำลังกลืนกินลูกตัวเองเพราะกลัวอำนาจที่มีจะหลุดมือไป และในสมัยก่อนการที่พ่อหรือแม่ฆ่าลูกตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงเท่าไหร่

เหตุผลทางจิตวิทยาเผย!!เบื้องหลัง “คดีฆ่าลูก” ที่คนในครอบครัวเป็นคนลงมือเอง

ซึ่งเหตุผลของการฆ่าลูกทิ้งนั้นมีทั้งร่างกายของเด็กนั้นอ่อนแอ และถ้าเก็บเอาไว้คงทรมานน่าจะอยู่ได้แค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการฆ่าทิ้งไป และอีกเหตุผลก็คือการลดจำนวนประชากร เนื่องจากว่าอาหารในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไม่เพียงพอกับคนฐานนะยากจน

และถึงแม้ว่าวันเวลาเดินทางข้ามผ่านมาถึงยุคสมัยใหม่สุดไฮเทคที่ดีฆาตกรรม นั้นถูกยกให้เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ แต่คดีฆาตกรรมก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจากไม่มีที่สิ้นสุด รวมถึงคดีที่เด็กทารกนั้นตกเป็นเหยื่อที่มีมากที่สุดในโลก จากรายงานของ United Nations Office on Drugs and Crime

ที่ไปเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2008-2017 นั้นพบว่ามีเด็กแรกจนมีอายุสิบสี่ปีจากทั่วทุกมุมโลกประมาณ 205,153 คน ถูกฆาตายที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ถูกฆ่าตายแบบไม่เจตนาเพราะโชคร้ายเจอเหตุที่ทำให้ตายจากคนในครอบครัว และตายเพราะพ่อและแม่นั้นเป็นคนลงมือฆ่าเองด้วยเหตุผลมากมาย

เหตุผลทางจิตวิทยาที่ทำให้พ่อแม่ทำร้ายลูก

United Nations Office on Drugs and Crime เขียนอธิบายถึงสาเหตุที่พ่อแม่นั้นทำการลงมือฆ่าลูกตัวเอง Filicide ที่เกิดขึ้นเป็นประจำกกับเด็กทารกตั้งแต่เริ่มหายใจไปจนถึงอายุหนึ่งขวบและ เหตุผลเบื้องหลังการฆ่า รวมไปถึงความหวังดี (Altruism) ด้วยเช่นกัน โดยเรื่องนี้นิยมเกิดกับทารกที่ป่วยเป็นโรคทรมาน

แน่นอนว่าถ้าลูกทรมานพ่อแม่นั้นก็อยากให้ลูกนั้นหายจากอาการเจ็บปวดนั้น และวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะทำได้ก็คือการฆ่าเด็กให้ตายไปเลย และบางคนนั้นก็จบปัญหาด้วยการฆ่ายกครัวไปเลย เพื่อหนีปัญหาที่ต้องพบเจอกับปัญหาหรือความสิ้นหวังในชีวิตจนรู้สึกว่าไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง

ส่วนสาเหตุที่ร้ายแรงที่มาจากความแค้นความโกรธความโมโหทที่พ่อแม่นั้นอยากจะแก้แค้นกัน โดยใช้ลูกเป็นหมากหลักใยการแก้แค้น รวมไปถึงสาเหตุที่มาจากพ่อแม่นั้นมีอาการป่วยทางจิตและทางร่างกาย สุดท้ายทุกสาเหตุนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเหตุที่ทำให้เด็กถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก

เบื้องหลังคดีฆ่าลูก โดยคนในครอบครัว

ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดทั้งมวลที่เรากล่าวมานั้นล้วนแล้วแต่เกิดจากปัญหาความรุนแรงและความยากจน และโอกาสในเรื่องต่างๆที่ทำให้คนบางกลุ่มนั้นไม่มีทางเลือกหรือมีทางเลือกที่ไม่มากสักเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็นำพาไปถึงจุดจบที่เป็นการละเมิดสิทธิและชีวิตของผู้อื่นที่เจตนาและไม่เจตนา

เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกพื้นที่ทั่วโลกมันเกิดขึ้นแม้กระทั้งกับบ้านเมืองที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นจากพ่อแม่ฆ่าลูกในไส้ตาย เฉลี่ย 500 คดีต่อปี โดย 72 เปอร์เซ็นต์ ของเด็กที่ตายเพราะเหตุดังกล่าว อยู่ที่อายุรประมาณ 0-6 ปี และผู้ก่อเหตุก็มีทั้งพ่อและแม่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (พ่อ 57.4 เปอร์เซ็นต์ แม่ 42.6 เปอร์เซ็นต์)

ส่วน 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ลงมือฆ่าเด็กคือพ่อหรือแม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเด็กออกมา และอีก 10 เปอร์เซ็นต์ คือพ่อและแม่ที่เป็นแม่บุญธรรมของเด็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นภาพทับซ้อนกับกรณีของ เด็ก 8 เดือน และพ่อแม่ของเด็กที่น้องนั้นหายตัวไปจากบ้านที่จังหวัดนครปฐม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา

ก่อนที่เรื่องราวนั้นจะใหญ่โตจนลุกลามกลายไปเป็นคดีค้าประเวณีคดีละเมิดสิทธิของเด็ก และอาจรุนแรงถึงขั้นเข้าข่ายกลายไปเป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์กันกับการย้อนเล่าความหลังของพ่อและแม่ของเด็กวัย 8 เดือนที่หายตัวไปเพราะคนเป็นพ่อมีอายุแค่ 19 ปี ส่วนคนเป็นแม่มีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น

ปัญหาแย่งสิทธิ์ปกครองบุตร

ซึ่งชีวิตของพ่อและแม่เด็ก 8 เดือนที่หายไปนั้นถูกนำมาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ก่อนจะมีเสียงก่นด่าประณามต่อว่าต่อขานจากชาวเน็ตจำนวนมาก แต่มูลนิธิกระจกเงาซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ทำเรื่องตามหาสืบคนคนหายมาหลายปี ได้เผยแพร่เรื่องที่น่าสนใจว่าเรื่องนี้ไม่ควรมองแค่เปลือกนอกควรมองให้ลึกลงไปถึงภายในมองให้เห็นถึงสาเหตุ

อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นปัญหาที่มาจากความร้ายแรงในครอบครัวที่สะสมมานาน ปัญหาเรื่องการเงินการงานภายในครอบครัว ความกดดันมากมายที่พุ่งเข้ามา หรืออาจมาจากภาวะซึมเศร้าจากการเลี้ยงลูกอยู่แค่คนเดียว ทักษะชีวิตและความพร้อมในการดูแลเด็กเล็ก หรือปัญหาอื่นๆ ที่นำมาซึ่งการตัดสินใจก่อเหตุด้วยความรุนแรงหรือการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม

ที่สำคัญคือขั้นตอนการเก็บหลักฐานและตามหาพยานในเรื่องนี้นั้นมาจากเหตุใด และจำเป็นจะต้องค้นหาเก็บหลักฐานตั้งแต่วันแรกที่แจ้งความว่าเด็กหาย และข้อมูลส่วนบุคคลในการสืบสวนไม่ควรถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้มูลนิธิกระจกเงายังให้ข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่าเวลาที่มีเด็กเล็กทารกหายตัวไป สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดอับดับแรกเลยมีดังนี้

  1. ปัญหาแย่งสิทธิ์ปกครองบุตร
  2. อุบัติเหตุ
  3. ความรุนแรงในครอบครัวว่า
  • เด็กมีโอกาสจะถูกลักพาตัวได้ทั้งจากคนใกล้ชิด
  • หรือเด็กถูกคนภายนอกลักพาตัว
  • แต่ผู้เกี่ยวข้องควรประเมินจากสภาพครอบครัวและที่เกิดเหตุ