ผลวิจัยแคนาดาชี้!!ถ้าคุณเอาคอมไปซ่อมที่ร้าน มีความเป็นไปได้สูงมากที่ข้อมูลของคุณจะหลุดออกมา โดยเฉพาะกลุ่มสาวๆ

Lifestyle–ข่าวต่างประเทศผลวิจัยแคนาดาชี้!! ถ้าคุณเอาคอมไปซ่อม ที่ร้าน มีความเป็นไปได้เยอะมากที่ข้อมูลของคุณจะหลุดออกมาเพราะช่างนั้นแอบดูแอบล่วงความเป็นส่วนตัวของคุณทุกซอกทุกมุมโดยเฉพาะกับกลุ่มสาวๆ บอกเลยงานนี้น่าจะเป็นออะไรที่ทำให้หลายๆคนนั้นคิดไม่ตกเลยว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ที่อาจเกิดขึ้นกับเรา

ถ้าคุณเอาคอมไปซ่อม โดยเฉพาะคุณ “ผู้หญิง” โอกาสถูกช่างล่วงข้อมูลส่วนตัวไปใช้หรือเอาไปดู นั้นสูงมากๆ

เราอยู่ในยุคที่จะต้องสู้เพื่อสิทธิที่จะซ่อมอุปกรณ์ electronics และเครื่องมือของตัวเอง เพื่อให้ไม่ต้องโยนของที่ยังใช้ได้อยู่ทิ้งไปแล้วทำการจ่ายเงินซื้อใหม่ จนส่งผลทำให้โลกเต็มไปด้วยขยะ electronics แต่ว่าคุณจะกล้าเอาคอมพิวเตอร์ของคคุณไปซ่อมหรือไหม? และคุณจะกล้าเอา password เข้าอุปกรณ์ส่วนตัวให้คนอื่นจริงๆ หรือ?

ถ้าหากว่าเราเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนที่มีความรู้หรือทำงานเกี่ยวกับเรื่อง Cyber Security ความปลอดภัยไซเบอร์พวกเขาจะบอกทันทีว่านี้เป็นนเรื่องที่อันตรายมากเพราะ password คือทุกอย่างในการเปิดการแก้ไขการหาข้อมูลของเราหากมีคนได้ password นี้ไปก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพราะเหมือนเขาได้กุญแจบ้านของเราไปแล้ว

แน่นอนถ้าเราเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมช่างจะต้องขอ password เครื่องเราไปเพื่อทำการเปิดเครื่องซ่อมถ้าเราไม่ให้ก็ไม่ได้เพราะมันต้องใช้ในการเปิด แต่บางครั้งเขาอาจไม่ต้องขอเขาอาจะเข้าไปแลยง่ายๆอย่างเช่นการถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนให้เราโดยที่ไม่ต้อวบอกเราก่อน แน่นอนว่าช่างจะบอกว่าเขาไม่ดูเรื่องส่วนตัวของเราแน่นอน

แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าช่างนั้นพูดจริงแล้วไม่ทำอย่างที่พูดกับเราเอาไว้จริงๆ เพราะเมื่อล่าสุดนักวิจัยจากแคนาดาได้ทดลองทำการทดลองอย่างแบเนียนโดยการเอาคอมพิวเตอร์ที่ใส่ข้อมูลเท็จเอาไว้ทั้งหมดในเครื่อง มีทั้งข้อมูลการงานข้อมูลเรื่องๆลับ มีทั้งภาพวาบหวิวหรือกระทั่งกระเป๋าคริปโต

และนักวิจัยนั้นยังทำการตั้งโปรแกรมการล็อกข้อมูลทถกอย่างทุกกิจกรรมที่ถูกบันทึกเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้นนักวิจัยทำการแยกข้อมูลออกเป็นเครื่องของผู้ชายและเครื่องของผู้หญิงต่างหาก ก่อนที่จะยกแต่ละเครื่องนั้นออกไปซ่อมที่ร้านซ่อมทั้งใหญ่ระดับชาติ ใหญ่ระดับภูมิภาค และใหญ่ระดับท้องถิ่น

ผลการทดลองที่ออกมาโดยรวมนั้นก็คือร้านซ่อมทุกระดับมีการแอบเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ขอวลูกค้า โดยร้านซ่อมระดับชาติจะเข้าไปดูน้อยมากที่สุด รองลงมาเป็นร้านระดับภูมิภาค ในลำดับถัดมานั้นก็คือร้านระดับท้องถิ่น และในทุกระดับคอมพิวเตอร์ของผู้หญิงจะถูกเข้าไปดูภาพวาบหวิวส่วนตัวทั้งหมดและพวกโฟลเดอร์ภาพและเอกสาร

สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดนั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ชายนั้นไม่ได้ถูกล่วงเข้าไปดูรูปภาพหรือข้อมูลสำคัญอะไร แต่จะถูกเช็คถูกไล่ดูว่าพวกเขานั้นไปท่องอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ไหนบ้าง และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือบางร้านมีการแอบ Copy ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ออกไปด้วย

แน่นอนว่าพวกเขานั้นต้องพยายามลบร่องรอยที่พวกเขานั้นแอบเข้าไปดูข้อมูลของลูกค้า แต่โชคดีที่นักวิจัยนั้นสามารถมองเห็นถึงความพยายามของช่างที่แอบดูข้อมูลของลูกค้านั้น ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของนักวิจัยและทีมงาของพวกเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว

ดังนั้นจึงอาจจะสรุปได้ว่าถ้าหากว่าเรานั้นให้รหัสผ่านในการเข้าเครื่องคอมของเราไป ก็ขอให้คุณทำใจเอาไว้เลยว่าข้อมูลของคุณนั้นอาจจะถูกใครบางคนนั้นดูไปแล้วทุกซอกทุกมุมที่คุณเก็บเอาไว้ เพราะการอ้างความเชื่อใจและจรรยาบรรณในสายอาชีพงานนั้นไม่ได้ช่วยอะไร

เพราะงานวิจัยชิ้นนี้มันก็สามารถทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เมื่อคอมพิวเตอร์ของเราหายไปจากอ้อมอกของเรามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งนี้ทางนักวิจัยก็ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ว่ามันเกิดจากการไม่มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนในอุตสาหกรรมซ่อมคอมพิวเตอร์และใช้ระบบเชื่อใจกันมาตลอด

และงานวิจัยนั้นก็ทำให้เราเห็นแล้วว่ามันเชื่อใจไม่ได้จริงๆ เพราะมันต้องมี protocol บางอย่างที่จะทำให้ความเป็นส่วนตัวของคนเอา Equipment to be repaired is not violated. ซึ่งก็ต้องเน้นว่าเรื่องทั้งหมดเกิดในแคนาดา ประเทศที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตสูงอีกแห่งหนึ่งในทวีปอเมริกา

และก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่การโทษว่าความผิดดทั้งหมดนั้นคืออยู่ที่ช่าง แต่จ้องทำความเข้าใจก่อนว่าทุกคนไม่ได้ใจดีและไม่ได้ดีไม่ได้ร้ายไปเสียทุกคน แต่ทั้งหมดเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่อุตสาหกรรมซ่อมคอมพิวเตอร์ต้องแก้ใขในเชิงเทคนิคให้การซ่อมคอมพิวเตอร์โดยที่คนซ่อมจะไม่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของลูกค้าเกิดขึ้นจริง