ไขปริศนาคาใจ!!ภายในระยะเวลา 1 เดือนลดน้ำหนักได้กี่กิโล

ภายในระยะเวลา 1 เดือนลดน้ำหนักได้ มากที่สุดกี่กิโลในระยะเวลาเร่วด่วนโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อต่อสุขภาพด้านต่างๆ เช่น หิวตอนดึก โยโย่เอฟเฟค คำถามเหล่านี้คือคำถามที่คนกำลังเริ่มมีความคิดที่จะลดน้ำหนักนิยมถามบ่อยและต้องถามทุกครั้ง เมื่อมีความรู้สึกอยากออกกำลังกาย

1 เดือนลดน้ำหนักได้ มากที่สุดเท่าไหร่!?โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อต่อสุขภาพ

เชื่อว่าทุกคนที่อยากมีหุ่นดีหุ่นสวยนั้นต่างก็อยากใช้วิธีลัดที่ทำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าวิธีที่ใช้ระยะเวลา ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเรานั้นส่งผลให้มนุษย์เราเคยยชิ้นกับความสะดวกสะบายที่รวดเร็วแบบไม่ต้องรอ เช่น การลดน้ำหนักที่มีเทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วย เช่นการดูดไขมัน ,การสลายไขมัน ซึ่งวิธีที่เรากล่าวมานี้นั้นคือวิธีที่ไม่ต้องรอสามารถทำได้เลยเพียงแค่มีเงินในกระเป๋า แต่ในความรวดเร็วที่ว่ามานี้นั้นสามารถลดได้เพียงไขมันส่วนเกินแต่ไม่สามารถทำให้สุขภาพนั้นดีขึ้นได้ ซึ่งมันสามารถเรียกได้ว่ามันคือวิธีที่ไม่ค่อยโอเคสำหรับคนที่อยากมีสุขภาพดี

ผู้ที่คิดสูตรการ “FAD Diets” กล่าวว่าวิธีนี้นั้นสามารถลดน้ำหนักได้เร็วและได้เยอะ

บอกเลยว่าวิธีนี้ที่ผู้คิดค้นกล่าวอ้างบอกว่ามันดีสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งนั้นมันกลับทำให้รู้สึกหิวเป็นอย่างมาก แถมยังส่งผลให้มีพฤติกรรมการกินแบบผิดๆที่อาจทำให้สุขภาพแย่และถ้าแย่ที่สุดนั้นก็คือมันอาจส่งผลโยโย่เอฟเฟคให้ได้อีกด้วย

แล้วตัวเลขจำนวนที่ลดน้ำหนักที่เหมาะสมมันคือเท่าไหร่กัน?

ข้อมูลจาก The United States Centers for Disease Control and Prevention, U.S. “CDC” นั้นกล่าวว่าจำนวนน้ำหนักที่ปลอดภัยสำหรับคนที่มีความต้องการอยากลดน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 1 – 2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 0.45 – 0.9 กก. ต่อสัปดาห์ จากจำนวนตัวเลขที่ออกมานั้นสามารถบอกได้ว่า ในแต่ละเดือนควรลดน้ำหนักลงเพียง 1.8 – 3.6 กิโลกรัม ต่อเดือน แม้ว่าเราจะไปค้นพบวิธีลดน้ำหนักที่ดีและสามารถลดได้รวดเร็วนั้นก็ไม่ควรทำ เพราะการที่ลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็วไม่ได้การันตีว่าสุขภาพร่างกายของเรานั้นจะดีขึ้น ในบางทีมันอาจจะแย่ลงเหมือนน้ำหนักก็เป็นไปได้ในระยะยาว

ลดน้ำหนักในแบบที่ดีต่อสุขภาพ

การลดน้ำหนักเป็นอะไรที่เรียบง่ายและก็เป็นเรื่องที่ท้าทายเช่นกันเพราะ ตัวเลขนั้นเป็นตัวที่บ่งบอกทุกอย่างที่เรานั้นบริโภคลงไปในแต่ละวัน เมื่อเราบริโภคแคลอรี่ลงไปในปริมาณที่น้อยร่างกายของเราก็จะไปดึงไขมันส่วนเกินออกมาเป็นพลังงาน และถ้าต้องการลดน้ำหนักลง 1 กิโล ในหนึ่งอาทิตย์นั้นเราก็จะต้องบริโภคพลังงานอาหารในวันนั้นได้เพียง 500-1000 แคลอรี่ แม้จะฟังดูง่ายแต่บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย สำหรับการกักปริมาณอาหารในแต่ละวัน เพราะมนุษย์คือสัตย์สังคมที่ต้องกินต้องดื่มกับเพื่อนในวันหยุดและวันอื่นๆที่สำคัญ และนี่คือปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกสักที

ดังนั้นการตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักพร้อมกับการวางแผนการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายนั้นคือสิ่งที่ต้องทำ อาจจะมีเรื่องอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยได้เพราะมันคือสิ่งที่กระตุ้นให้เรานั้นมีพลังในการลดน้ำหนักและการออกกำลังกายได้สำเร็จ สุดท้ายการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายให้อยู่ในแผนการนั้นคือสิ่งที่ป้องกันไม่ให้เรานั้นกลับมาอ้วนได้อีกครั้ง

การฝึก Strength training อาทิ การเล่นเวทและการออกกำลังกายด้วยวิธี Bodyweight ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่ค่อนข้างเข้มงวดนั้นจะช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายนั้นทำงานได้ดีขึ้นและลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น ส่วนการออกกำลังกายแอโรบิคแบบมีความเร็วคงที่ก็สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เช่นกัน

ดร.เอมี่ ซีกัล จาก Austin Regional Clinic กล่าว

“การออกกำลังกายคือหนึ่งวิธีกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีแถมยังไปเพิ่มกล้าเนื้อบางส่วน แต่ยังคงทำให้ร่างกายนั้นเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีอยู่หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว” ส่วนข่าวดีที่ทางนักวิจัยนั้นได้บอกมาสำหรับคนที่ลดน้ำหนักไม่ได้ตามเป้าก็คือ เราไม่จำเป็นจะต้องลดน้ำหนักให้เห็นได้อย่างชัดเจน เพราะถ้าหากเราลดน้ำหนักลงได้เพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆเช่นโรคเบาหวานปรับปรุงความดันโลหิต , ระดับคอเลสเตอรอล

ทำไมการไดเอทจึงไม่ได้ผล…

เหตุผลง่ายๆนั้นก็คือวิธีนี้คือวิธีลดน้ำหนักไม่มั่นคง ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาที่ยาวนานแถมยบางครั้งยังทำให้เรานั้นหิวอาหารจนควบคุมไม่ได้ สุดท้ายยก็จะกินแบบไม่ยั้งจนทำให้วนกลับไปอ้วนอีกครั้ง

ดร.ปีเตอร์ ลีพอร์ต ผู้อำนวยการ Memorial Medical Center ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า

“ร่างกายของมนุษย์เรานั้นจะตอบสนองอย่างรวดดเร็วเมื่อมันรับรู้ได้ว่าปริมาณน้ำหนักของเราลดลงอย่างรวดเร็วมากจนเกินไป ด้วยการทำให้เรานั้นรู้สึกหิวเร็วหิวไว้อยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเรานั้นนลดน้ำหนักลงในปริมาณที่พอดีร่างกายของเรานั้นจะค่อยๆตอบสนองกลับมา และเราจะรู้สึกเลยว่าเราไม่หิวโหยไม่หิวมาก เหมือนตอนที่น้ำหนักลงเร็ว”

การเลือกแผนการลดน้ำหนัก

ในการที่เราจะลดน้ำหนักและป้องกันไม่ให้มันกลับมาเพิ่มขึ้นเท่าเดิมมหรือมากกว่าเดิมนั้น จำเป็นจะต้องมีตัวช่วยในการควบคุมตัวช่วยที่ว่านั้นก็คือ “แผนการลดน้ำหนัก” สำหรับคนที่พึ่งเริ่มต้นลดน้ำหนักนั้นสามารถจัดการวางแผนการลดน้ำหนักได้เองเลยตามสูตรต่างๆ หรือจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ส่วนคนที่เคยวางแผนและไม่สามารถทำได้นั้นควรจะไปขอความช่วยเหลือจากแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถช่วยให้เรานั้นลดน้ำหนักได้ในระยะยาวแบบไม่โยโย่ว เพราะนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถช่วยแนะนำให้เรานั้นเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและลดน้ำหนักได้ เนื่องจากอาหารบางชนิดนั้นไม่ดีและไม่สามารถทำให้เราน้ำหนักลดได้เช่น น้ำตาล , เกลือและไขมันอิ่มตัว ที่มันทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

บทสรุปส่งท้าย

การที่เราจะประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้นั้นเราจำเป็นจะต้องมีเป้าหมายเพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย กินให้น้อยลงออกกำลังกายให้มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นั้นจำเป็นจะต้องทำในระยะยาวไม่ควรทำและพักเมื่อได้ผลลัพธ์ที่พอใจ เพราะน้ำหนักนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นในหนึ่งวันและมันก็ไม่ได้ลดลงภายในหนึ่งวันเช่นกัน